เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช – บทที่ 477 ออกเดินทาง

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 477 ออกเดินทาง

บทที่ 477 ออกเดินทาง

คนเผ่าเทียนกู่น่าโผงผางตรงไปตรงมา เหล่าเด็ก ๆ เองก็เช่นกัน

เมื่อเสี่ยวเป่ามอบให้พวกเขาก็กินอย่างไม่เกรงใจ

หลังจากที่ลูกกวาดและนมอัดเม็ดเข้าปากแล้ว พวกเขาก็หลงใหลไปกับรสชาติทันที ดวงตาเปล่งประกายพราวระยับ

“อร่อยมาก ทั้งยังมีรสนม!”

คนอื่น ๆ พยักหน้าตาม

พวกเขาสนทนากันด้วยภาษาเผ่าเทียนกู่น่า จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันมาเอ่ยกับเสี่ยวเป่าด้วยภาษาทุ่งหญ้า

“พวกข้าสามารถแลกเปลี่ยนของกับลูกกวาดและนมอัดเม็ดได้หรือไม่”

เสี่ยวเป่าพยักหน้า “ได้ พวกเจ้าต้องการใช้สิ่งใด”

หลังจากนั้นแม่นางน้อยผู้หนึ่งก็หยิบหินสีทองขนาดประมาณกำปั้นออกมา

นางเอ่ยบางอย่างออกมาด้วยความตื่นเต้น น่าเสียดายที่เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจ ทำได้แต่มองไปทางเด็กหนุ่มที่รู้ภาษาทุ่งหญ้าด้วยความฉงน

เด็กหนุ่มแปลออกมา “ต๋าน่าบอกว่าชาวทุ่งหญ้าล้วนชอบหินสีทองแบบนี้ นี่เป็นสิ่งที่นางเก็บได้ตอนไปแม่น้ำกับท่านแม่ นางต้องการใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนได้หรือไม่”

ทองก้อนหนึ่ง

เหตุใดจะไม่ได้เล่า มากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรเสียนอกจากคนตามป่าเขาแล้วมีผู้ใดไม่ชื่นชอบทองคำบ้าง

แม้ท้องพระคลังน้อยของเสี่ยวเป่ายามนี้มั่งคั่งอย่างมาก แต่นางก็ยังคงชื่นชอบทอง อัญมณี และของสวย ๆ งาม ๆ ทุกวันนางมักไปคุ้ยท้องพระคลังน้อยของตนอย่างมีความสุขประหนึ่งหนูชางฉู่ตัวน้อย

ทองคำก้อนนี้ แน่นอนว่า สามารถซื้อลูกกวาดและนมอัดเม็ดจำนวนมากได้

แต่นางก็ไม่ได้นำออกมามากเกินไป นางยังต้องเก็บเอาไว้ยามเดินทางไปฉางเซิงเทียน อย่างไรเสียสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยเติมพลังงานได้

เสี่ยวเป่าอธิบายให้พวกเขาฟังว่าลูกอมและนมอัดเม็ดที่นำออกมาแลกเปลี่ยนได้มีจำนวนไม่มากนัก

นางเดินไปที่สัมภาระตนเองแล้วนำของทั้งหมดเท่าที่แลกเปลี่ยนได้ออกมา

รวม ๆ แล้วของทั้งหมดมีประมาณเพียงสิบจินเท่านั้น

ทว่านี่ก็ยังทำให้เหล่าเด็ก ๆ ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก

“พวกเจ้านำไปแบ่งกันเองเถิด”

ต๋าน่ามอบทองคำให้เสี่ยวเป่าด้วยรอยยิ้มพร้อมพูดขอบคุณ

นางฟังประโยคเข้าใจ จึงใช้ภาษาเผ่าเทียนกู่น่าตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร

หลายคนมองมาทางนางด้วยความประหลาดใจ

เสี่ยวเป่ายิ้ม “ข้ารู้เพียงศัพท์ง่าย ๆ ไม่กี่คำเท่านั้น”

“อีกอย่าง ข้าเห็นผิวและปากของพวกเจ้าแห้งแตก ลองใช้นี่เสียสิ”

ขี้ผึ้งทาปาก และน้ำมันขี้ผึ้งทาผิว

อากาศหนาวในเมืองหน้าด่านเองก็ทำให้ผิวแห้งเหมือนกัน นางจึงผลิตสองสิ่งนี้ออกมา ทั้งยังขายดีเป็นอย่างมากในเมืองหน้าด่าน

เสี่ยวเป่าสอนวิธีใช้ให้กับพวกเขา

ความรู้สึกชุ่มชื้นที่ขี้ผึ้งมอบให้บนริมฝีปากทำให้พวกเขาประหลาดใจ

แม่นางน้อยจากต้าเซี่ยผู้นี้มีสิ่งมหัศจรรย์จำนวนมากบนร่างของนาง!

เสี่ยวเป่าสนทนากับพวกเขาอย่างมีความสุข เมื่อถึงเวลาต้องไป เหล่าเด็ก ๆ ก็ต่างไม่เต็มใจบอกลา

นอกจากทองคำที่ต๋าน่ามอบให้ คนอื่น ๆ ยังพากันยื่นของให้นางคนละเล็กคนละน้อย

มีเขี้ยวสัตว์อยู่ เสี่ยวเป่าพินิจดู พบว่าฟันเหล่านั้นขัดเงาเป็นอย่างดี

อีกทั้งยังมีหินแปลกประหลาดหลายแบบที่คนเผ่าเทียนกู่น่าใช้เป็นเครื่องประดับด้วย

นี่เป็นของขวัญที่พวกเขามอบให้นาง เสี่ยวเป่าจึงยอมรับทั้งหมดด้วยความยินดี

หมอผีและหัวหน้าเผ่ากำลังตระเตรียมคนสำหรับการไปยังฉางเซิงเทียนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ฉางเซิงเทียนเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งสำหรับคนเผ่าเทียนกู่น่า คนที่นี่เติบโตมาด้วยการฟังเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้น และการปลูกฝังจิตสำนึกให้การปกป้องฉางเซิงเทียน

ทว่าตลอดที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใดหาฉางเซิงเทียนพบ

หมอผีกล่าวว่าที่แห่งนั้นคือซากปรักหักพังที่เทพเจ้าทิ้งเอาไว้ มีเพียงแค่คนของเทพเจ้าเท่านั้นที่อาศัยอยู่

ครั้งนี้หมอผีเอ่ยว่าต้องการให้พาเทพธิดาไปยังฉางเซิงเทียนจึงต้องการคัดเลือกนักรบผู้ห้าวหาญที่สุดสิบคน สิ่งนี้ทำให้คนทั้งเผ่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขาทั้งหมดต่างอาสาที่จะไป

ทว่ามีเพียงสิบคนเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสนั้น ดังนั้นในช่วงหลายวันที่เสี่ยวเป่าอยู่ในเผ่าเทียนกู่น่าก็ได้เห็นพวกเขาจัดการประลองสำหรับหาสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุด

พวกเขาใช้วิธีตั้งเดิมที่สุดอย่างหมัดทำให้เสี่ยวเป่ามองดูแล้วทึ่งอยู่บ้าง

สมกับเป็นผู้ที่สามารถเติบใหญ่ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย นักรบแต่ละคนล้วนมีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง เทียบได้กับพี่สี่เสียด้วยซ้ำ

พี่สี่ของนางเกิดมาพร้อมกับพลังมหาศาล มีร่างกายพิเศษอันหาได้ยาก

ส่วนคนเหล่านี้มีสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายขัดเกลาตนเองให้กลายเป็นนักรบที่ไม่ธรรมดา

ใช้เวลาสามวันนักรบทั้งสิบก็ถูกเลือกออกมา

หลังจากให้พวกเขาได้พักผ่อนสองวันจึงออกเดินทางพร้อมเสี่ยวเป่า เด็กหนุ่มผู้สืบทอดตำแหน่งหมอผีผู้ยิ่งใหญ่ และผู้หญิงสองคนที่มีความสามารถด้านการทำอาหาร

คนอื่น ๆ ล้วนนำม้าไป มีเพียงเสี่ยวเป่าที่นำเสือสองตัวไป

เมื่อเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาหิมะ ภายในดวงตาล้วนมองเห็นแต่ภาพสีขาวโพลน อีกทั้งยังมีลมแรงตีมาเป็นระยะ เพียงแค่โดนกระทบก็รู้สึกชาไปทั่วใบหน้าแล้ว

เสี่ยวเป่านำเลื่อนหิมะออกมา เสือทั้งสองใช้แรงลากเลื่อนให้ไถลไปบนหิมะอย่างง่ายดาย กระทั่งคนเผ่าเทียนกู่น่ายังอดเหลือบมองไม่ได้

เมื่อถึงช่วงพัก กู๋เหมิงถึงกับถอนหายใจออกมาให้กับความคิดนาง

เหตุใดสมองคนต้าเซี่ยจึงเฉลียวฉลาดเพียงนี้ กระทั่งเด็กอายุเพียงไม่เท่าไรยังสามารถคิดสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย

เสี่ยวเป่ามอบคำแนะนำให้พวกเขา “พวกท่านสามารถเลี้ยงหมาป่าได้ หมาป่าเหมาะสุดแล้วสำหรับการลากเลื่อนหิมะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อาศัยอยู่ในภูเขาหิมะ

ไม่รู้ว่าที่นี่จะมีฮ่าซือฉีหรือไม่ สามเด๋อลากเลื่อน*[1]อันมีชื่อดูเหมือนจะเป็นพันธุ์ต่างประเทศทั้งนั้น

หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวเป่าแล้ว ดวงตาของพวกกู๋เหมิงก็สว่างวาบ

“ในเผ่าของพวกข้าเลี้ยงสุนัขพันธุ์หนึ่งเอาไว้ เหมาะแก่การนำมาเดินทางบนภูเขาหิมะ”

เหล่านักรบเผ่าเทียนกู่น่าปรึกษากัน ทุกคนต่างสนใจความคิดนี้มาก ตัดสินใจจะลองหลังกลับจากฉางเซิงเทียน

[1] สามเด๋อลากเลื่อน คือสามสุนัขลากเลื่อน ประกอบด้วยฮัสกี อลาสกัน และซามอยด์

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Status: Ongoing
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว!หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน!เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท