ตอนที่ 463 เลือกนางเอกยาก
สองวันต่อมา มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็พาตี้อู๋เปียน ตี้อู่หลันฉือกับพ่อ และน่าหลานรั่วเซิงเข้าเขตป่าชั้นใน
ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้อะไรกลับมามากมาย
มู่เถาเยาเอาโสมที่ประเมินค่าไม่ได้ที่เธอเก็บมายื่นให้จั่วอีเหิง พร้อมทั้งสอนว่ากินอย่างไรเก็บรักษาอย่างไร
พักผ่อนกันหนึ่งวัน คนที่ไม่ใช่ชาวหมู่บ้านเถาหยวนซานยกเว้นลู่จือฉินก็ลงจากเขาเดินทางกลับบ้าน
มู่เถาเยาให้เหลียงจีพาหนิงชิงขับเครื่องบินพาปาอินกับสองย่าหลานครอบครัวลู่กลับเผ่าก่อน หลังตรุษจีนค่อยกลับมาพาพวกเขาไปบ้านตระกูลน่าหลานแล้วถึงกลับเผ่า
เทศกาลเฉลิมฉลองอันครึกครื้นได้เปิดฉากขึ้น
แม้จะเป็นช่วงฉลองขึ้นปีใหม่ มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ไม่ได้อยู่ว่าง ถ้าไม่อยู่ในห้องปรุงยาก็ไปทำงานที่ศูนย์วิจัย
หลังผ่านวันที่ห้าของการขึ้นปีใหม่ เหลียงจีกับหนิงชิงก็กลับมาหมู่บ้านเถาหยวนซาน
มู่เถาเยามองสีหน้าหนิงชิงที่เอาแต่เหม่อลอย เธอถามขึ้น “น้าชิงเป็นอะไรไปคะ ไปเจอผู้ใหญ่ไม่ราบรื่นเหรอคะ”
เท่าที่เธอรู้จัก ปู่ย่าพ่อแม่ของเหลียงจีเป็นคนที่คุยด้วยง่ายมาก
“ราบรื่นมาก”
“แล้วทำไมน้าชิงทำหน้ากลุ้มแบบนั้นล่ะคะ”
บรรดาคนสูงวัยก็รู้สึกแปลกใจ
หากว่ากันตามเหตุผล ผู้ใหญ่อีกฝ่ายไม่จู้จี้จุกจิกก็หาได้ยากแล้ว ควรดีใจถึงจะถูก
เหลียงจีหัวเราะ อธิบายให้ทุกคนฟัง “พ่อบอกว่าให้รออีกสองปี ค่อยแต่งตอนฉันอายุสามสิบค่ะ”
อันที่จริงเธอกับเขาเคยคุยกันส่วนตัวว่าพอเจอผู้ใหญ่เสร็จจะคุยเรื่องแต่งงาน ตอนนี้…ว่าที่พ่อตาพูดแบบนี้ ทำเขาสะเทือนใจไม่น้อย
แน่นอนว่าพ่อเธอก็ใช่ว่าจะให้รอสองปีจริงๆ ก็แค่หนิงชิงมีท่าทีเกรงกลัวพ่อของเธอก็เลยไม่ได้สังเกตว่าพ่อของเธอพูดติดตลกเอาเสียมากกว่า
อารมณ์หวงคงมีบ้าง แต่ลูกสาวถึงวัยแล้ว ควรแต่งงานยังไงก็ต้องแต่ง อย่างไรเสียใครๆ ต่างรู้ว่ามีลูกในวัยเหมาะสมกับมีลูกตอนสูงวัยต้องเผชิญความเสี่ยงและความลำบากต่างกัน
ปู่ของเธอกลับไม่ค่อยพอใจนัก ไม่ใช่ไม่ชอบหนิงชิง แต่เรื่องอาชีพของเขา คิดว่าหลานสาวมีสถานะที่พิเศษ ไม่ควรไปยุ่งกับคนในวงการบันเทิง
ซึ่งก็คล้ายกับความคิดของเธอในตอนแรก
ด้วยเหตุนี้ปู่ย่าพ่อแม่ของเธอจึงตั้งใจคุยเรื่องนี้กับคนตระกูลเย่ว์ตอนพากันไปตำหนักพระจันทร์เพื่อสวัสดีปีใหม่
แต่กลายเป็นคนตระกูลเย่ว์ที่พูดเกลี้ยกล่อมครอบครัวเธอ
มู่เถาเยายิ้มพูด “น้าชิงคะ แต่งเมื่อไร ควรดูความต้องการของพี่เหลียงจีนะคะ”
เหลียงจียิ้มกว้างพูดกับทุกคน “พ่อแม่ของฉันก็เชิญลุงหนิงป้าหนิงว่างๆ ให้มาเที่ยวที่เผ่าค่ะ” ความหมายชัดเจนมาก แต่หนิงชิงตีความไม่ออก
อาจารย์แม่รองพูดสื่อเป็นนัยๆ ให้หนิงชิงที่กำลังคอตกฟัง “หนิงชิง กลับไปปรึกษาพ่อแม่หาเวลาไปเที่ยวที่เผ่าดูสิ พ่อแม่สองฝ่ายเจอกันก็คุยง่ายแล้ว”
“ผมๆๆ…จะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หนิงชิงไม่ใช่คนโง่ ฟังความหมายที่อาจารย์แม่รองจะสื่อออกทันที จึงลุกพรวดจะออกไปด้วยความตื่นเต้น
เหลียงจีมือไวคว้าได้ทัน “รีบเหรอ! ลงเขาเวลานี้ใครจะไปส่งคุณ” ใกล้ถึงเวลาทำอาหารเย็นแล้ว
มู่เถาเยากับพวกผู้อาวุโสต่างหัวเราะ
“น้าชิงคะ พรุ่งนี้ให้พี่เหลียงจีกลับบ้านพร้อมน้าชิงนะคะ”
เหลียงจีค้านทันที “ไม่ได้นะเสี่ยวเยาเยา อีกสองวันพี่ต้องไปส่งเธอที่ฝั่งตะวันตก”
มีความรักแล้วห้ามส่งผลกระทบต่อการทำงาน
เธอไม่ใช่หญิงแกร่ง แต่มีความรับผิดชอบ
“พี่เหลียงจี ฉันขับเครื่องบินเองได้ค่ะ พี่กลับไปกับน้าชิงเถอะค่ะ ไว้ถึงเวลาค่อยไปหาพวกเราที่ฝั่งตะวันตกก็ได้ค่ะ”
เหลียงจีส่ายหน้า “เสี่ยวเยาเยา งานคืองาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว พี่จะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานเพราะเธอเป็นคนคุยง่ายไม่ได้หรอก”
“เสี่ยวเยาเยา เหลียงจีพูดถูก น้ากลับไปก่อนคนเดียว คุยกับครอบครัวเลือกวันแล้วค่อยไปหาพวกเธอที่เผ่า”
เหลียงจีเหล่มองเขา “คุณเองก็มีงาน”
“ไม่รีบ เรื่องเลือกนักแสดงไม่ต้องมีผมอยู่ด้วยก็ได้ คนในบริษัทรู้ความต้องการของผม ไม่มีทางเลือกนางเอกที่ผมไม่ชอบ”
เดิมทีละครเรื่องราชวงศ์เทียนเยว่เลือกตัวนักแสดงนำหญิงได้แล้ว แต่วันต่อมากลับตรวจพบว่าตั้งครรภ์เลยต้องเปลี่ยน
ตัวเอกชายไม่ได้คู่กับตัวเอกหญิง เพราะเล่นเป็นน้องชาย บทนี้เลือกคนมาเล่นค่อนข้างง่าย
ตัวรองฝ่ายหญิงเป็นอาจารย์ของนางเอก ก็หานักแสดงไม่ยากเช่นกัน
เพียงแต่ตัวเอกหญิงหาไม่ง่ายนัก
ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ถังถังมุ่งมั่นทางการเรียน เขาก็ไม่ต้องเลือกคนอื่นแล้ว
มู่หว่านขยิบตาให้เหลียงจี “พี่เหลียงจี ฉันไม่รีบค่ะ น้าชิงค่อยๆ เลือกได้ เลือกจนพอใจแล้วค่อยว่ากัน เสี่ยวเยาเยาเป็นคนเขียนบทละครเรื่องนี้ ไม่ว่าใครมาแสดงก็ดังขึ้นมาอีกได้”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ไม่รีบจริงๆ ค่ะ เดิมทีเรื่องนี้เขียนมาเพื่อเสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่านก็ไม่ได้รีบร้อนเข้าวงการบันเทิง จะถ่ายเมื่อไรก็ได้ค่ะ”
ตอนนี้เธอคิดเรื่องระหว่างเสี่ยวหว่านกับน่าหลานอวิ๋นไคมากกว่า
ตัวเสี่ยวหว่านเองไม่ทันสังเกต แต่เธอกลับพบว่าน่าหลานอวิ๋นไคเริ่มคิดไม่ซื่อเสียแล้ว
มีแฟนก่อนเข้าวงการบันเทิง แฟนคลับรับได้ง่ายกว่ามีแฟนหลังจากเข้าวงการบันเทิงแล้วโด่งดัง
ถึงแม้พวกเขาไม่แคร์ว่าแฟนคลับจะพูดอะไร คนไม่ใช่ธนบัตรที่จะชอบกันทุกคน พอดังขึ้นมาก็ย่อมมีแอนตี้แฟนหรือศัตรูจ้างหน้าม้ามาโจมตี
การโจมตีทางไซเบอร์ไม่มีทางหยุดลง
เธอเองก็ไม่มีเวลามานั่งอ่านคอมเมนต์ในเน็ตทุกวัน ดังนั้นลดเหตุผลในการถูกโจมตีได้บ้างก็ลดดีกว่า
ละครเรื่องราชวงศ์เทียนเยว่ถ่ายทำช้าหน่อยก็ดีเหมือนกัน
หนิงชิงพยักหน้า มองเหลียงจี ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับราวกับกำลังพูดว่า ดูสิ เสี่ยวเยาเยาพูดขนาดนี้แล้วนะ!
เหลียงจีหมดคำจะพูด
“เหลียงจี ต่อไปผมจะลดปริมาณงานลง” ถ่ายปีละเรื่องพอแล้ว
“…ควรต้องทำยังไงก็ทำอย่างนั้น” จะพระเอกนางเอกเธอก็ไม่ยุ่งทั้งนั้น
ต่อไปยังไงก็ต้องมีคนเลี้ยงลูก ไม่มีทางทิ้งลูกไว้กับคนแก่ระยะยาวได้ แม้คนแก่จะยินดีก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นให้คนแก่เลี้ยงเด็กมีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้าให้ลงรายละเอียดจริงๆ ข้อเสียมีมากกว่าข้อดี
ดังนั้นระหว่างพวกเขาต้องมีใครสักคนเสียสละ
เนื่องจากความพิเศษของงานของเธอ คงต้องให้หนิงชิงเสียสละมากหน่อย
อืม ไว้วันไหนต้องหาเวลาคุยรายละเอียดเรื่องนี้
อาจารย์แม่รอง “เสี่ยวหว่าน วันหน้าจะไปไหนต้องระวังตัวนะ ได้ยินว่าแอนตี้แฟนอะไรนั่นน่ากลัวมากๆ”
“หนูไม่กลัวค่ะ พวกนั้นทำอะไรหนูไม่ได้หรอกค่ะ” มู่หว่านตบหน้าอก
หนิงชิงพูด “เวลาทำงานมีผมอยู่ ไม่ต้องห่วงครับ แต่นอกเหนือเวลางาน เสี่ยวหว่าน ต้องระวังตัวด้วย ไม่ใช่แค่วงการบันเทิง วงการอื่นก็เหมือนกัน”
“แน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะน้าชิง นอกเวลางานหนูจะไม่รับนัดใครนอกจากเพื่อนค่ะ” คุยเรื่องงานมีผู้จัดการส่วนตัว
มู่เถาเยา “รอเริ่มถ่ายเมื่อไรฉันจะทำยาแก้สารพัดพิษเอาไว้ให้พกติดตัว ไม่ได้ใช้จะดีที่สุด โดนเข้าก็ไม่ต้องกลัว สู้กลับยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเกิดผลลัพธ์แบบไหนก็มีพวกเราคอยหนุนหลังเธออยู่”
มู่หว่านยิ้มตาโค้ง “ทุกคนไม่ต้องห่วงนะคะ หนูโตขนาดนี้แล้ว รู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ค่ะ”
ทุกคนพยักหน้า
พวกเขาวางใจในตัวมู่หว่าน แต่อย่างไรเสียก็เผชิญโลกมาน้อย ย่อมมีตอนที่แยกแยะไม่ออกว่าใครมาดีใครมาร้าย ระวังไว้ก่อนดีกว่า
แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเป็นห่วงมากเกินไป เสี่ยวหว่านเป็นคนฉลาด
อีกทั้งคนฉลาดในสังคมก็ไม่น้อย รู้ว่าจะมีเรื่องกับคนบางคนไม่ได้
มีหนิงชิงพาเข้าวงการบันเทิง แถมยังได้ผู้จัดการส่วนตัวมือทองอย่างฉือซาน อยากเล่นงานเสี่ยวหว่านคงต้องคิดให้ดีๆ
ไม่กลัวคนฉลาด กลัวแค่คนโง่ที่อยากอวดฉลาด