ตอนที่ 473 ผลลัพธ์ที่คาดการณ์
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเฝ้าดอกพันวันอยู่สองวัน
พวกเขาไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากขุดหาสมุนไพรอยู่แถวนั้น
ตี้อู๋เปียนใช้เวลาสองวันนี้สื่อสารกับพวกสัตว์ ร่ำลาพวกมันและบอกพวกมันว่าทิศทางของหมู่บ้านเถาหยวนซานคือทางไหน ให้พวกมันไปหาเอง
พวกสัตว์กระโดดไปกระโดดมาด้วยความเสียใจ
พอมู่เถาเยากลับจากขุดสมุนไพรพวกมันก็รีบกรูเข้าไปหา ล้อมเธอไว้ตรงกลาง น้ำตาคลอกันยกใหญ่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“พวกมันคงเสียใจที่พวกเรากำลังจะกลับกัน”
พูดตามตรง อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แม้แต่ตี้อู๋เปียนก็แอบใจหาย
สัตว์ในเขตป่าชั้นในค่อนข้างฉลาด สร้างความสุขให้พวกเขาได้ไม่น้อย
อืม มีสัตว์เล็กๆ พวกนี้อยู่พวกเขาก็ไม่ได้กระอักกระอ่วนเพราะจุ๊บกัน ทำให้อยู่กันแบบไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้
แน่นอนว่าก็แค่แกล้งทำ
มู่เถาเยา “…”
เอาเถอะ อย่าเพิ่งไปสนว่าพวกมันรู้ได้ยังไงว่าพวกเธอจะกลับกันแล้ว ไล่ลูบทีละตัว ปลอบพวกมันแบบไร้เสียง
ตี้อู๋เปียนเดินเข้าไปในวงล้อมของสัตว์ ช่วยมู่เถาเยาปลดเข่งจากบ่า “ซาลาเปาน้อย ฉันว่าดอกไม้ดอกนี้น่าจะบานเต็มที่อย่างช้าสุดก็ตอนเช้ามืด”
ทั้งสองคนเบียดออกจากวงล้อมของพวกสัตว์ไปดูดอกพันวัน
ในบรรดากลีบดอกเจ็ดสีที่ประกอบด้วยสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีเขียวเข้ม สีน้ำเงิน และสีม่วง กลีบดอกสีม่วงที่อยู่ชั้นนอกสุดบานหมดแล้ว ส่วนกลีบสีแดงที่อยู่ชั้นในสุดยังคงห่อหุ้มเกสรไว้ ไม่บานเลยสักนิด
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งเห็นด้วย “อืม ยังบานไม่เต็มที่ก็สวยแล้ว!”
ตี้อู๋เปียนพูดในใจ สวยน้อยกว่าเธอ!
จิ้งจอกน้อยก็ชอบดอกไม้ดอกนี้มาก อยากจะเข้ามากินอยู่หลายครั้ง แต่ถูกทั้งสองคนกดไว้
สัตว์ตัวอื่นๆ อายุเยอะกว่าหน่อย อีกทั้งตี้อู๋เปียนเคยบอกพวกมันว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกมันจึงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ทางนี้ กลัวตัวเองจะเผลอไปทำดอกไม้เสียหาย
“พี่สาม คืนนี้ฉันเฝ้า คุณไปนอนเถอะ”
“ซาลาเปาน้อย ให้ฉันเฝ้าดีกว่า”
“เมื่อคืนคุณเฝ้าทั้งคืนแล้ว กลางวันก็เฝ้าทั้งวันอีก ต้องพักผ่อน”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่รู้สึกเหนื่อย”
“เหนื่อยไม่เหนื่อยก็ต้องพักผ่อน”
“…ซาลาเปาน้อย ฉันไม่เหนื่อยจริงๆ ! สองวันนี้ฉันไม่ได้เฝ้าคนเดียว ยังเรียกช้างน้อยมาช่วยดูด้วยอีกแรง”
ป้องกันเกิดเหตุไม่คาดคิด พวกเขาตกลงกันไว้ว่าจะผลัดกันเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมง
“พรุ่งนี้พวกเราก็จะกลับแล้ว กลางคืนนอนในป่าก็ต้องมีคนเฝ้า”
เธอลองหาดูรอบๆ แล้ว มีแค่ต้นเดียว
ของในตำนานแบบนี้หาเจอสักต้นก็ถือว่ามีแต้มบุญสูงแล้ว มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจึงไม่กล้าประมาท
“ก็ได้ งั้นคืนนี้ฉันนอน คืนพรุ่งนี้ค่อยเฝ้า” ตี้อู๋เปียนรู้ว่าตัวเองเถียงมู่เถาเยาไม่ชนะจึงยอมเธอ
“อืม”
ตอนกลางคืนมู่เถาเยาฝึกกำลังภายในระหว่างเฝ้าดอกพันวัน เห็นมันทยอยบานทีละกลีบ งดงามเหลือเกิน
กลิ่นไม่ฉุน แต่หอมอย่างน่าประหลาด
มู่เถาเยาดมกลิ่นหอมขณะฝึกยุทธ์ เกิดความรู้สึกเหมือนบรรลุไปอีกขั้น
จนฟ้าสว่าง เธอรู้สึกสดชื่นมาก แม้จะไม่ได้นอนมาทั้งคืนก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงเลย
มู่เถาเยาพยักหน้ายิ้มตาโค้ง “ใช่ ตอนนี้อย่างน้อยกำลังภายในของฉันก็หกร้อยปีแล้ว”
ตี้อู๋เปียนดีใจแทนเธอ ขณะเดียวกันก็กลุ้มที่ตัวเองตามหลังอยู่มาก
“พี่สาม ไม่ต้องรีบ จากความเร็วของคุณในการฝึก อีกหนึ่งปีก็คงตามฉันไม่เยอะหรอก”
ถ้าถึงตอนนั้นหายดีแล้ว คาดว่าไม่เกินสามปีเขาก็คงไล่ตามเธอทัน อีกทั้งภายในสามปีนี้เธอก็ไม่มีทางหยุดฝึก
แสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ของเขาน่ากลัวขนาดไหน!
“อืม” เขาอยากรีบก็รีบไม่ขึ้นหรอก
อีกหนึ่งปีกว่ายังจะมีชีวิตอยู่ไหมก็พูดยาก ตอนนี้แข่งกับซาลาเปาน้อยไปก็ไม่มีความหมาย อย่างไรเสียตอนนี้ไม่เป็นตัวถ่วงก็พอแล้ว
“ล้างหน้าล้างตาเสร็จพวกเรากินข้าวเช้าแล้วกลับกันเถอะ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
หยิบแปรงสีฟันยาสีฟันของตัวเอง ใช้น้ำดื่มล้างหน้าแปรงฟัน
ทั้งสองคนผิวดีทั้งคู่ อีกทั้งในป่าก็ไม่มีมลพิษ ใช้แค่น้ำสะอาดล้างหน้าก็พอแล้ว
กินอาหารเช้าแบบง่ายๆ เสร็จแล้วมู่เถาเยาก็หยิบเสียมกับจอบขนาดเล็กขุดดอกพันวันด้วยความระมัดระวัง
ตี้อู๋เปียนเก็บข้าวของ เว้นเข่งว่างไว้หนึ่งใบ รอมู่เถาเยาขุดดอกพันวันขึ้นมาพร้อมดินแล้วเอาใส่ลงไปกลางเข่ง
จากนั้นก็ทยอยเอาสมุนไพรล้ำค่าที่ขุดได้ในช่วงหลายวันนี้วางไปรอบๆ
เก็บข้าวของทั้งหมด เก็บขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ ทั้งสองคนร่ำลาพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย
พาตัวไหนไปไม่ได้เลยยกเว้นจิ้งจอกน้อย
กระโดดขึ้นยอดไม้ เล็งทิศทางให้แม่นแล้วตรงกลับตลอดทาง
ขากลับใช้เวลาสี่วันเต็ม ห้าโมงเย็นของวันที่ยี่สิบสามในการเข้าเขตป่าชั้นใน ทั้งสองคนกลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนซาน
เหล่าผู้อาวุโสดีใจกันมาก
เยี่ยนหังน้อย อู๋ซวงน้อย และเยี่ยจั๋วน้อยเข้าไปเกาะติดมู่เถาเยาโดยไม่สนว่าเธอจะเนื้อตัวสกปรก
ลู่หันซูกับย่าและตายายของเธอนั่งยองมองดอกพันวันด้วยความรู้สึกตื้นตันใจน้ำตาไหล
เหมียวอวี้มีสีหน้าไร้เดียงสา เห็นคนในครอบครัวนั่งล้อมดอกไม้พลางร้องไห้ก็คิดว่าดอกไม้ดอกนี้ไม่ดี จึงยื่นมือไปจะเด็ด
ลู่จือฉินมือไวขวางไว้ได้ทัน
ลู่หันซูรีบดึงแม่ไปอีกด้านหนึ่งพลางกล่อม “แม่คะ ดอกไม้เจ็ดสีดอกนี้เป็นของดีที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเข้าป่าไปเก็บกลับมาให้แม่กินโดยเฉพาะนะคะ แม่อย่าเพิ่งไปแตะต้องมัน ไว้เดี๋ยวเจ้าหญิงน้อยจะเอาให้แม่กินเองค่ะ”
“เจ้าหญิงน้อย ของดี กิน”
“ใช่ค่ะ เจ้าหญิงน้อยให้แม่กินของอร่อย แม่กินแล้วก็จะฉลาดค่ะ”
“อร่อย ฉลาด”
เหมียวอวี้หันไปมองดอกไม้
ย่าเย่ว์ ย่าอวิ๋น ยายหลาน เข้าไปอุ้มเด็กทั้งสามที่กำลังอ้อนมู่เถาเยา “เยี่ยนหัง อู๋ซวง จั๋วจั๋ว ให้เสี่ยวเยาเยาไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยเล่นกัน”
เยี่ยนหังไม่ใช่เด็กเล็ก ย่อมรู้ว่าพี่สาวกับพี่ชายต้องอาบน้ำก่อนจึงจับน้องสาวกับเยี่ยจั๋วไปดูจิ้งจอกน้อย
มู่เถาเยาลูบหัวเด็กน้อยทีละคน จากนั้นก็คืนดาบหลิวอิ่งให้ซย่าโหวโซ่วในสภาพสมบูรณ์แล้วเธอกับตี้อู๋เปียนก็หยิบของส่วนตัวขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำ
หยวนเหยี่ยกับลู่จือฉินพาลู่หันซูไปจัดการสมุนไพรที่สองคนนั้นเอากลับมา หยิบดอกพันวันทั้งต้นออกมาจากในเข่ง
หร่วนเหวินนักบินของมู่เถาเยาช่วยเอาของจากอีกเข่งหนึ่งออกมา อะไรที่ยังกินได้ยังใช้ได้ก็แยกไว้ให้ดี อย่างอื่นก็ทิ้งลงถังขยะให้หมด
ย่าลู่กับตาเหมียวยายเหมียวรีบเข้าไปทำอาหารในห้องครัวทั้งน้ำตา ไม่ยอมให้คนอื่นช่วย พวกถังหยวนอยากห้ามก็ห้ามไม่ได้
ย่าเย่ว์กับย่าอวิ๋นแยกย้ายกลับห้องไปหยิบโทรศัพท์มือถือโทรบอกคนในครอบครัวว่าทั้งสองคนกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว
เด็กสองคนนี้เข้าเขตป่าชั้นในไปตั้งนาน ไม่มีใครไม่เป็นห่วง
ปู่เย่ว์ ตาเป่ย ยายหลาน รวมถึงปู่ย่าตายายของเยี่ยจั๋วก็เข้าไปล้อมวงชื่นชมดอกพันวันที่มีเจ็ดสี
อดชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้ พวกเขาอายุปูนนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นดอกไม้ที่สวยและอัศจรรย์ขนาดนี้
เหมียวอวี้ก็อยู่กับพวกคนแก่ มองดอกไม้ดอกนี้ด้วยความสงสัย ทั้งยังชี้ไปชั้นบนแล้วชี้ดอกไม้ ดวงตาสุกใสโค้งมน “เอาดอกไม้ให้เจ้าหญิงน้อยติดผม”
ยายหลานลูบผมสั้นของเหมียวอวี้ มองด้วยความเอ็นดู “เจ้าหญิงน้อยเก็บดอกไม้ดอกนี้กลับมาให้เสี่ยวอวี้กิน”
เหมียวอวี้ส่ายหน้าเป็นป๋องแป๋ง “เสี่ยวอวี้ไม่กิน เอาให้เจ้าหญิงน้อยติดผม สวย!”
ตาเป่ย “เด็กดี! เจ้าหญิงน้อยมีดอกไม้ติดผมเยอะแล้ว ดอกนี้เอาให้เสี่ยวอวี้กินนะ”
“เจ้าหญิงน้อยติดผม สวย”
เหล่าผู้อาวุโสได้ฟัง ‘คำพูดเด็กน้อย’ ของเหมียวอวี้ก็รู้สึกดีใจ ได้รับการปลอบโยน และซาบซึ้งใจ
เหมียวอวี้ลืมแม้กระทั่งคนในครอบครัว แต่กลับยังจำเจ้าหญิงน้อยของตัวเองได้
ตอนนั้นเธอไปถึงป่าเซียนโหยวได้อย่างไร แล้วปกป้องเด็กทารกจากสัตว์ร้ายในป่าให้อยู่ครบในสภาพสมบูรณ์ได้อย่างไร
พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเหตุการณ์เป็นแบบไหน
ตอนนี้ทุกคนอยากรู้ความจริงชนิดที่แทบทนรอไม่ไหวแล้ว
ลู่หันซูถาม “อาจารย์คะ ดอกพันวันควรใช้ยังไงเหรอคะ”
“ในตำราบอกว่าให้เอากลีบใส่ในน้ำร้อนหรือซุปร้อนๆ เดี๋ยวเสี่ยวเยาเยาลงมาพวกเราค่อยปรึกษากัน”
“ค่ะ”
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพูด “ตอนนี้ความสุขกำลังจะมาแล้วสินะ”
ลู่หันซูพยักหน้า น้ำตาคลอ
เพื่อแม่ของเธอ ศิษย์พี่กับอาจารย์ รวมถึงทุกคน ต่างเสียสละกันมากมายเหลือเกิน
บุญคุณครั้งนี้เธอคงตอบแทนได้ไม่หมดในชาตินี้
หยวนเหยี่ยก้มมองสมุนไพรที่ใบเหมือนหยกมีจุดสีดำเหมือนสะเก็ดดาว “ครั้งนี้เสี่ยวเยาเยากับอู๋เปียนเข้าไปได้อะไรกลับมาเยอะเลยนะ! อย่างสมุนไพรที่มีจุดด่างต้นนี้ที่ถูกขนานนามว่ารักษาโรคผิวหนังได้ทุกชนิด ฉันก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก”
ปู่ทวดถังยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ มีแต่สมุนไพรแปลกๆ ที่เคยเจอแต่ในตำราโบราณ เป็นของในตำนาน เดิมทีคิดว่าตอนนี้คงไม่มีอยู่จริงแล้ว นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเยาเยากับอู๋เปียนจะเอากลับมาได้”
พวกเขาอ่านตำราแพทย์โบราณทั้งหมดที่อยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนซานแล้ว จึงรู้ดีว่าสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้หายากเพียงใด
“แต่ละพื้นที่น่าจะมีสมุนไพรขึ้นไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนพวกเราก็เข้าป่าเซียนโหยวบ่อย แต่ไม่เคยเจอของพวกนี้ เสี่ยวเยาเยากับอู๋เปียนดวงดีอะไรขนาดนี้!”
หยวนเหยี่ยมีความสุขมาก
ซย่าโหวโซ่วหัวเราะหึหึ “ป่าเซียนโหยวกว้างใหญ่ ถ้าจะให้ตามหาทุกตารางนิ้ว ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ต่อให้ไม่มีสัตว์อันตรายก็ไม่มีทางเดินด้วยสองเท้าให้ทั่วทั้งป่าเซียนโหยวได้
ลู่จือฉิน “แสดงว่ายังมีสมุนไพรอีกหลากหลายชนิด ก็แค่พวกเราไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน”
พวกปู่อวิ๋นพลอยนึกไปถึงดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตที่ตี้อู๋เปียนจำเป็นต้องใช้ ความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาทันที
ยังหาไม่เจอไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง
ในเมื่อมีอยู่จริง แบบนั้นสักวันหนึ่งก็ต้องหาเจอ
เมื่อมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนลงมาจากชั้นบน ดวงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำแล้ว แสงรำไรสาดส่องมาที่ตัวของทุกคนที่นั่งอยู่ตรงลานบ้าน ฉาบให้ร่างกายเป็นสีแดงอ่อนๆ
ดูอบอุ่นและสวยงาม
ลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยา อู๋เปียน หิวกันหรือยัง อาจารย์จะไปช่วยในครัว”
ลู่หันซู “หนูไปเองค่ะ อาจารย์อยู่ที่นี่คุยกับศิษย์พี่นะคะ”
เจียงเฟิงเหมียน “ฉันไปด้วย”
ถังถังก็อาสาจะไปช่วยในครัวด้วย
เหมียวอวี้ “เจ้าหญิงน้อย หิว เสี่ยวอวี้ ช่วยทำกับข้าว”
ลู่หันซูยิ้มพูด “ได้ค่ะ แม่ช่วยยกอาหารมาให้เจ้าหญิงน้อยกินนะคะ”
ย่ากับยายของเยี่ยจั๋วยิ้มพูด “งั้นพวกเราไปช่วยตั้งโต๊ะในห้องอาหาร”
มู่เถาเยาส่ายมือ “ห้องครัวไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะขนาดนั้นค่ะ ให้พวกสาวๆ ช่วยก็พอแล้วค่ะ คุณลุงคุณป้าไม่ต้องไปหรอกค่ะ”
หร่วนเหวินยิ้ม “ใช่ค่ะ ฉันกับพวกสาวๆ จะไปช่วยเองค่ะ”
เหล่าผู้อาวุโสไม่ว่าอะไร
หลังจากพวกเด็กสาวออกไปแล้วมู่เถาเยาก็พูดขึ้น “หนูขอเอาสมุนไพรไปห้องปรุงยาด้านข้างก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยเอามาทำยาค่ะ”
หยวนเหยี่ยรีบจับมือลูกศิษย์คนเล็กไว้ “เสี่ยวเยาเยา มีอาจารย์อยู่ทั้งคน เธอกับอู๋เปียนไปกินขนมในห้องรับแขกรองท้องพักผ่อนหน่อยเถอะ”
ย่าเย่ว์กับย่าอวิ๋นก็เอ็นดูหลานๆ จึงลากพวกเขาเข้าไปในบ้าน
พอมีพี่สาวอยู่ เยี่ยนหังก็ไม่อยากพาอู๋ซวงกับเยี่ยจั๋วเล่นจิ้งจอกน้อยแล้ว จึงจูงทั้งสองคนวิ่งเข้าห้องรับแขก
ถังหยวนอุ้มจิ้งจอกน้อยเข้าบ้านพร้อมทุกคน
หลังจากทุกคนกลับเข้าห้องรับแขกแล้ว หยวนเหยี่ยกับซย่าโหวโซ่วก็ขนสมุนไพรไปเก็บห้องข้างๆ แล้วค่อยตามไป
“เหล่าหยวน ดอกพันวันต้นนี้ต้องขนเข้าไปด้วยไหม”
“วางไว้ตรงนี้แหละ ต่อให้มีคนเข้ามาก็ไม่มายุ่งหรอก”
คนหมู่บ้านเถาหยวนซานต่างรู้ว่า ถ้ามีต้นอะไรในเขตบ้านครอบครัวหยวน เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ก็คือสมุนไพร ดังนั้นอย่าไปแตะต้อง
“ได้ งั้นก็วางไว้ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวคงต้องให้เหมียวอวี้ใช้แล้ว”
“อืม”
สองคนชรากลับเข้าบ้านนั่งคุยกับทุกคน
ลู่จือฉินถาม “เสี่ยวเยาเยา พวกเธอไปเจอดอกพันวันกันที่ไหน”
“พวกเราเดินจากป่าฉีหนานขาวไปทางตะวันออก อาจารย์ใหญ่อาจารย์สามคะ เมื่อก่อนพวกเราเอาต้นท้อใหญ่เป็นจุดเริ่มต้นตลอดแล้วค่อยๆ เดินเข้าไป ครั้งนี้พอไปทางตะวันออก…”
มู่เถาเยาพูดเจื้อยแจ้ว เล่าเส้นทางที่เธอกับตี้อู๋เปียนใช้ พบเจอสมุนไพรอะไรบ้าง เธอเล่าอย่างละเอียด
ก็แค่ซ่อนสถานการณ์ที่แปลกประหลาดไว้
ตี้อู๋เปียนยิ้มมองมู่เถาเยา
ซาลาเปาน้อยดีจัง! ช่วยเขารักษาความลับด้วย!
อันที่จริงพูดออกไปก็ไม่เป็นไร เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงนี้มีแต่คนสนิทของพวกเขาทั้งนั้น ต่อให้เดาอะไรได้ก็ไม่มีทางพูดออกไป
ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าผู้อาวุโสก็ไม่มีทางคิดเยอะ มีแต่จะคิดแค่ว่าเขากับซาลาเปาน้อยไม่อยากเล่าสถานการณ์อันตรายให้พวกเขาเป็นห่วง ถึงได้พูดแบบนั้น
“มีพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยตามพวกเราไปนานมาก พวกเราเจอจิ้งจอกห้าสีตัวนี้ก่อน…” ตี้อู๋เปียนพูดเสริม
ถ้ามองข้ามอันตรายไป ทุกคนต่างรู้สึกว่าน่าสนุก
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างออกอรรถรสเจียงเฟิงเหมียนก็มาเรียกไปกินข้าว
อาหารมื้อนี้ทุกคนมีแต่ความสบายใจแล้ว บรรยากาศจึงครึกครื้นเป็นพิเศษ
เดิมทีฝีมือทำอาหารของย่าลู่กับตาเหมียวยายเหมียวสุดยอดอยู่แล้ว ตอนนี้ยังทำอย่างสุดฝีมืออีก แม้แต่มู่เถาเยาก็กินเยอะกว่าปกติครึ่งชาม
เหล่าผู้อาวุโสเอ็นดูกันเหลือเกิน
อยู่เขตป่าชั้นในยี่สิบกว่าวัน กินไม่อิ่มหลับไม่สบาย เด็กสองคนนี้ผอมลง! (พวกผู้ใหญ่คิดว่าผอมลง)
ครอบครัวลู่กับครอบครัวเหมียวซาบซึ้งในน้ำใจเหลือเกิน ขอบตาแดงก่ำกันหมด
เจ้าหญิงน้อยกับเจ้าชายที่สถานะสูงส่งยอมเสี่ยงอันตรายเข้าเขตป่าชั้นในเพื่อเก็บสมุนไพรให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นอะไรกันเลย ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง!
อาหารมื้อนี้กินกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย กินเสร็จสาวๆ ก็ช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างชาม ส่วนคนอื่นๆ ย้ายไปห้องรับแขก
มู่เถาเยา หยวนเหยี่ย ลู่จือฉิน ปู่ทวดถังและคนอื่นๆ กำลังหารือกันว่าจะให้เหมียวอวี้ใช้ดอกพันวันอย่างไรดี
อย่างไรเสียก็เพิ่งเคยเห็นดอกไม้ประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก จำเป็นต้องระมัดระวัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
ย่าลู่กับยายเหมียวตาเหมียวจับเหมียวอวี้ ตั้งใจฟังทุกคนหารือ
ครั้งนี้โรคทางใจของพวกเขากำลังจะหายไปแล้วจริงๆ
ต่อให้เสี่ยวอวี้กลับไปสดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ แต่ขอให้เหมือนคนปกติ ดูแลตัวเองใช้ชีวิตประจำวันได้ ต่อให้พวกเขาต้องตายก็วางใจแล้ว
แน่นอนว่าถ้าไม่ได้ผลพวกเขาก็ไม่มีทางโทษใคร ก็ยังคงรู้สึกขอบคุณหลายคนที่เสียสละช่วยเหลือพวกเขา
ของในตำนาน ไม่มีใครเคยเห็นหรือเคยกิน ใครจะรับประกันได้ว่ามันจะมีสรรพคุณทางยาจริงๆ หรือเปล่า