ตอนที่ 474 น้ำเจ็ดสีที่แสนอัศจรรย์
พวกมู่เถาเยาหารือเรื่องการใช้ดอกพันวันกันอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจทำตามที่หนังสือบอกไว้ เอาไปชงน้ำร้อนให้เหมียวอวี้กิน
ตัดกิ่งดอกเจ็ดสีออกมา เอาไปล้างทำความสะอาดในห้องครัว
ลู่หันซูใช้แก้วใสรินน้ำอุ่นมาครึ่งค่อนแก้ว มู่เถาเยาเด็ดกลีบสีม่วงที่อยู่ชั้นนอกสุดใส่ลงไปในน้ำ
ทุกคนจับจ้องกลีบดอกที่สีอ่อนเริ่มเจือจางไปจนถึงไม่มีสี จากนั้นทั้งกลีบก็ละลายหายไป
น้ำที่เดิมสีใสกลายเป็นสีม่วง เป็นสีม่วงอ่อนที่สวยงามและดูเบาบางมาก ราวกับน้ำทั้งแก้วมีชีวิต เคลื่อนไหวได้
ย่าเย่ว์อดอุทานไม่ได้ “มหัศจรรย์จริงๆ !”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
มู่เถาเยาเด็ดกลีบสีม่วงกลีบที่สองใส่ลงไปในแก้วด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สีของน้ำเข้มขึ้น
หลังจากกลีบสีม่วงกลีบที่สาม กลีบที่สี่…ไปจนถึงกลีบที่เจ็ดลงไปในน้ำ น้ำอุ่นก็กลายเป็นสีม่วงเข้ม ถึงขั้นที่ให้ความรู้สึกเจือด้วยสีแดง
พอกลีบดอกสีน้ำเงินที่อยู่ชั้นถัดมาลงในน้ำทั้งหมด น้ำก็กลายเป็นสีน้ำเงินอมม่วง จะบอกว่าสีน้ำเงินครามก็ได้ น้ำเงินอมม่วงก็ไม่ผิด เอาเป็นว่าสะดุดตามาก
กลีบดอกสีเขียวเข้มที่อยู่ชั้นสามนับจากด้านนอกถูกใส่ลงไปในน้ำ ทุกคนบอกไม่ถูกว่าน้ำกลายเป็นสีอะไร
จนกระทั่งกลีบดอกสีแดงที่อยู่ชั้นในสุดถูกใส่ลงในน้ำและละลายหายไป น้ำทั้งแก้วก็ค่อยๆ แยกออกเป็นเจ็ดสี
ชั้นล่างสุดเป็นสีม่วง ถัดมาเป็นสีน้ำเงิน…กลีบดอกสีที่ลงน้ำก่อนจะอยู่ชั้นล่างสุดแล้วไล่ขึ้นมา ซ้อนกันเป็นชั้นๆ กลิ่นหอมเตะจมูก
ทุกคนตะลึงจนพูดไม่ออก
น้ำแก้วนี้สวยกว่าเหล้าที่สุดยอดบาร์เทนเดอร์ผสมออกมาไม่รู้ตั้งกี่เท่า!
มู่เถาเยาหยิบแก้วจากมือลู่หันซูมาเขย่า สีของน้ำในแก้วผสมกันได้ไม่นานก็กลับมาแยกชั้นเหมือนเดิม
“ศิษย์น้อง ย่าลู่ ตาเหมียวยายเหมียวคะ ยาตำรับนี้ไม่เคยมีใครทดลองมาก่อน แน่ใจกันนะคะว่าจะให้น้าเหมียวดื่ม สีถูกแยกออกเป็นชั้นๆ จะเทออกมาให้สัตว์เล็กทดลองก่อนก็ไม่ได้ แต่แน่ใจได้ค่ะว่ามันไม่มีพิษ”
ลู่หันซูมองย่ากับตายายของตัวเอง เห็นความแน่วแน่ในดวงตาของอีกฝ่าย
ตี้อู๋เปียน “ในเมื่อไม่มีพิษ ต่อให้แย่ลงก็ไม่มีทางแย่ไปกว่าตอนนี้หรือเปล่า”
ลู่หันซูกับผู้อาวุโสทั้งสามก็คิดแบบนั้น
คนอื่นๆ ก็ด้วย
“ศิษย์พี่คะ ในเมื่อเจอดอกไม้โบราณในตำนานแล้ว ก็แสดงว่าสวรรค์เจตนาอยากให้แม่ดื่มค่ะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า ยื่นน้ำเจ็ดสีที่แสนงดงามแก้วนี้ให้ศิษย์น้อง
ลู่หันซูรับแก้วน้ำแล้วเดินไปหาเหมียวอวี้ ชูแก้วขึ้นพลางพูด “แม่คะ ดื่มน้ำสีสวยแก้วนี้นะคะ”
เหมียวอวี้ส่ายหน้าแล้วเดินไปหามู่เถาเยา ยิ้มตาโค้งพร้อมพูด “หอม เจ้าหญิงน้อยดื่ม”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “คุณน้าคะ หนูดื่มแล้วค่ะ แก้วนี้สำหรับคุณน้าค่ะ”
เหมียวอวี้เอียงศีรษะครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “ดอกเดียว! ไม่ได้ดื่ม!”
ทุกคนคิดในใจ เด็กคนนี้ ฉลาดจริงๆ !
มู่เถาเยา “เมื่อวานหนูดื่มจากข้างนอกค่ะ คุณน้าดื่มแก้วนี้แล้วจะฉลาดค่ะ”
“เจ้าหญิงน้อย ฉลาด”
ยายหลานลูบแขนข้างที่ด้วนของเหมียวอวี้ พูดด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวอวี้ของพวกเราดื่มน้ำแก้วนี้ก็จะฉลาดและเก่งแบบที่เจ้าหญิงน้อยพูด”
“เก่ง สู้เสือ!”
เหมียวอวี้ยื่นมือออกไปรับน้ำเจ็ดสีจากลู่หันซูแล้วดื่มรวดเดียวหมด
ทุกคนจ้องเธอเขม็ง
ลู่หันซูรับแก้วเปล่ามาวางบนโต๊ะ ถามด้วยความระมัดระวัง “แม่คะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เหมียวอวี้หาว “ง่วง อยากนอนแล้ว”
“ไม่เป็นไร ดอกเจ็ดสีกำลังซ่อมแซมสมองของคุณน้า ถึงได้รู้สึกเหนื่อยอยากนอน พรุ่งนี้เช้าตื่นมาค่อยดูว่าจะจำเรื่องต่างๆ ได้หรือเปล่า”
พูดยังไม่ทันจบเหมียวอวี้ก็ยืนหลับไปแล้ว
มู่เถาเยากับลู่หันซูช่วยกันประคองอย่างระมัดระวัง
ลู่จือฉิน “อาจารย์จะอุ้มเหมียวอวี้กลับไปพักผ่อน เสี่ยวเยาเยากับอู๋เปียนเข้าเขตป่าชั้นในไปตั้งนาน คืนนี้รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยจัดการพวกสมุนไพร”
“ค่ะ พรุ่งนี้หนูจะไปหาหลังออกกำลังกายตอนเช้า”
“พวกเธอมากินอาหารเช้าแล้วกัน”
ระยะนี้ย่าลู่กับตาเหมียวยายเหมียวแย่งหน้าที่ทำอาหารสามมื้อ
ทุกคนต่างรู้ความต้องการของพวกเขา จึงไม่บอกปัด มีช่วยเหลือบ้างเป็นบางครั้ง
“ก็ได้ค่ะ” บ้านของตระกูลเย่ว์ไม่มีลานกว้างเท่าบ้านครอบครัวหยวน แต่ตัวบ้านใหญ่กว่าไม่ว่าจะเป็นห้องครัวหรือห้องอาหาร
“ตามนั้น พวกเราไปแล้วนะ”
“ค่ะ”
ลู่จือฉินอุ้มเหมียวอวี้ออกไปอย่างสบายๆ
ย่าลู่กับตาเหมียวยายเหมียวร่ำลาทุกคนแล้วตามลู่จือฉินกลับบ้านตระกูลเย่ว์
หยวนเหยี่ยมองตามหลังพวกเขาพลางพูด “หวังว่าจะเหมือนตามตำราโบราณบอกไว้ เรียกคืนสติปัญญากลับมาได้”
มู่เถาเยาครุ่นคิด สุดท้ายก็บอกความคิดของตัวเองให้ทุกคนรู้ “หนูคิดว่าเรื่องสติปัญญาน่าจะไม่มีปัญหา ยังไงมันก็ช่วยเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ความทรงจำในอดีตอาจจะหวังมากเกินไปหน่อย ถูกพิษดอกห้อมช้างมานานจนเกือบถูกกัดกินทั้งสมอง…ถึงแม้จะถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังมีอาการหลงเหลืออยู่แน่นอน แม้จะไม่แสดงออกก็ตามค่ะ”
เมื่อครู่ตอนอาบน้ำเธอนึกถึงความเป็นไปได้นี้
ปู่เย่ว์อึ้งไปชั่วขณะ เขาถาม “เสี่ยวเยาเยาหมายความว่า ต่อให้เหมียวอวี้หายดีก็อาจจำเรื่องในอดีตไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ ในตำราโบราณบอกไว้ ดอกเจ็ดสีใช้รักษาอาการบกพร่องทางสติปัญญา โดยเฉพาะสาเหตุที่เกิดจากการใช้ยา เช่น กินยาผิดประเภทจนกลายเป็นคนเสียสติ”
ถังหยวน “เสี่ยวเยาเยา ความทรงจำก็เป็นประเภทหนึ่งของสติปัญญาเหรอ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ถึงแม้ความทรงจำก็อยู่ในขอบเขตของไอคิว แต่หากมองตามความเป็นจริงจะบอกว่าไม่ใช่ก็ได้ เช่น พวกเราอ่านหนังสือมากมาย เรียนได้อะไรเยอะแยะ แต่ถ้าไม่ได้ใช้นานวันเข้าก็จะลืม นี่คือปัญหาด้านความจำ ไม่ใช่สติปัญญาลดลงค่ะ แต่ถ้าเราตกผลึกเอาความทรงจำที่มีประโยชน์มาใช้ในการทำงาน การใช้ชีวิต แบบนั้นก็จะเป็นเรื่องสติปัญญาแล้วค่ะ…” บลาๆๆ
ตี้อู๋เปียนพูดต่อจากมู่เถาเยา “คนที่ไอคิวสูง ความจำก็มักจะดีด้วย ตรงกันข้าม คนที่ความจำดีกลับไม่ได้หมายความว่าไอคิวจะสูง…สรุปก็คือ ความจำเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาไอคิว แต่ตัดสินสติปัญญาของคนไม่ได้ มันจึงอยู่ในขอบเขตของไอคิว แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาก”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
ลู่หันซูขมวดคิ้ว “ศิษย์พี่คะ ถ้าเป็นแบบนั้นงั้นเรื่องที่ศิษย์พี่กับแม่ฉันหายตัวไป…”
มู่เถาเยาส่ายมือ “มันไม่สำคัญแล้วล่ะ สิ่งสำคัญคือสติปัญญาของคุณน้าจะกลับมาที่ระดับไหน”
ตาเป่ยยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาพูดถูก เมื่อก่อนพวกเราอยากรู้เหลือเกินว่าเสี่ยวเยาเยาหายตัวไปได้ยังไง กลัวว่าจะมีอันตรายแอบแฝงส่งผลต่อความปลอดภัยของเสี่ยวเยาเยา ตอนนี้ถึงแม้ความจริงจะไม่กระจ่าง แต่ก็ไม่มีอันตรายแล้ว ถ้ามันจะเป็นปริศนาก็ให้มันเป็นไปเถอะ”
ปู่เย่ว์พยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ผลลัพธ์มันก็ดีอยู่แล้ว”
มู่เถาเยา “ใช่ค่ะ คุณน้านึกออกจะดีที่สุด แต่นึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายไขข้อข้องใจได้ก็ไม่ได้มีประโยชน์สักเท่าไร ตอนนี้ที่เผ่าก็เพิ่มการจัดการด้านความปลอดภัยแล้วด้วย” แม้แต่เส้นทางในชนบทก็มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ความคมชัดสูง
อยากให้เกิดอีกครั้งเหรอ ไม่มีความเป็นไปได้นั้นอีกแล้ว เว้นเสียแต่จะหายตัวได้!