ตอนที่ 478 ยังเด็กอยู่
เวลาเก้าโมงเช้าทุกคนเก็บข้าวของออกเดินทางไปลานจอดเครื่องบิน บินกลับเผ่าหมาป่าพระจันทร์
เนื่องจากมีคนแก่กับเด็ก เครื่องบินจึงบินเร็วหน่อยเพื่อให้ถึงตำหนักพระจันทร์ก่อนเวลาอาหารกลางวัน
เป่ยซีจับแขนเหมียวอวี้ ขอบตาแดงเล็กน้อย
ตระกูลเป่ยมีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว นับตั้งแต่เก็บเหมียวอวี้กลับมารักษาจนหายดี เธอก็มองเหมียวอวี้เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ
เมื่อก่อนคิดว่าเหมียวอวี้หักหลัง แอบขโมยลูกสาวของเธอไป หาสาเหตุไม่เจอ จึงทั้งเสียใจทั้งโกรธ จมอยู่ในความเกลียดชัง
พอสะเทือนใจอย่างหนักเธอก็ล้มป่วย
“เสี่ยวอวี้”
“…คุณนาย” เหมียวอวี้ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเรียกเป่ยซีว่าอะไร
แต่ถึงแม้เธอจะไม่มีความทรงจำ แต่กลับรู้สึกดีต่อเป่ยซีโดยธรรมชาติ
“ฉันโตกว่าเธอสองปี เมื่อก่อนเธอเรียกฉันว่าพี่ซี” ดวงตาของเป่ยซีมีน้ำตาคลอ
“พี่ซี”
“อืม ไม่มีความทรงจำก็ไม่เป็นไร พวกเรามาเริ่มกันใหม่ได้”
“ค่ะ”
เป่ยซีลูบแขนที่ด้วนของเหมียวอวี้ด้วยความสงสาร
เหมียวอวี้ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะพี่ซี ก็แค่…ฉันทำให้พี่กับลูกสาวต้องพลัดพรากกันสิบแปดปี ขอโทษด้วยค่ะ”
“เสี่ยวอวี้ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ ก่อนหน้านี้พวกเราตำหนิเธอผิดไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ซียกโทษให้ฉัน งั้นพวกเราก็ไม่ต้องพูดถึงอดีตแล้ว”
“ใช่จ้ะ พวกเราเลิกพูดเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเถอะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่จะพาเธอไปดูรูปถ่ายของพวกเรา ตามหาความทรงจำกัน”
เหมียวอวี้อมยิ้ม พยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ”
สองพี่น้องคล้องแขนอย่างสนิทสนมขึ้นรถ
ทุกคนน้ำตาคลอ โดยเฉพาะตาเหมียวยายเหมียว
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลูกสาวถึงยอมอยู่บ้านตระกูลเป่ย ไม่ยอมตามพวกเขาไปประเทศเหยียนหวงหรือกลับบ้านตระกูลเหมียว
พวกเขาเป็นพ่อแม่แท้ๆ แต่กลับดีไม่เท่าคนนอก
พอกลับเข้าอาคารทุกคนก็กินข้าวก่อน
เย่ว์หลั่งแกะกุ้งให้ลูกสาวพลางถาม “ลูกพ่อ ตอนนี้ลูกไม่ต้องไปเรียนแล้วงั้นก็อยู่ที่เผ่านานหน่อยดีไหม”
เย่ว์จือเหิงกับเย่ว์จือกวงก็มองน้องสาวอย่างมีหวัง
มู่เถาเยาพยักหน้า “ค่ะ พรุ่งนี้หนูกะจะไปป่าพิษหมาป่าหลายวันหน่อย ที่นั่นยังมีต้นจื่อตันอยู่อีก จะเก็บเอามาทำยาไว้ พอกลับมาก็จะไปปีนยอดเขาหมื่นเมตรของเขาเทพจันทราค่ะ”
สามพ่อลูกพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไปด้วย”
“หนูไปป่าพิษหมาป่ากับพี่สามก็พอแล้วค่ะ ระยะนี้เขาดวงดีมาก นำทางไปเจอสมุนไพรหายากหลายชนิดเลยค่ะ”
สามพ่อลูกมองตี้อู๋เปียนเป็นสายตาเดียวกัน ปิดบังความอิจฉาริษยาไม่มิด
ตี้อู๋เปียนแอบภูมิใจเล็กๆ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออก จะได้ไม่นำภัยมาสู่ตัว อาจถูกสามพ่อลูกเตะออกจากตำหนักพระจันทร์ได้
เย่ว์จือกวง “เสี่ยวเยาเยา ของสำหรับขึ้นเขาเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว”
“ค่ะ เดือนหน้าอากาศใช้ได้ ไว้หนูกับพี่สามกลับมาจากป่าพิษหมาป่าค่อยดูสภาพอากาศแล้วหาเวลาไปปีนเขาค่ะ”
เย่ว์หลั่งขมวดคิ้ว “ลูกรัก ไม่ต้องรีบก็ได้ ลูกเพิ่งกลับจากป่าเซียนโหยวมาไม่นาน”
“พ่อคะ พวกเราพักกันมาหลายวันแล้วค่ะ ไม่เหนื่อยแล้ว”
ปู่อวิ๋นยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา พ่อหนูพูดถูก พวกเราไม่รีบ ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ”
เสี่ยวเยาเยาเสียสละมากที่สุดเพื่อตามหายาวิเศษมาให้หลานชายของเขา ตระกูลตี้และตระกูลอวิ๋นต่างเห็นอยู่ในสายตา จดจำไว้ในใจ
มู่เถาเยาพูดอย่างจนปัญญา “ค่ะ งั้นพรุ่งนี้พวกเราพักอีกหนึ่งวัน วันมะรืนไปป่าพิษหมาป่า”
เยี่ยนหังมีสีหน้าเสียดาย เขาอยากไปกับพี่สาวด้วย!
อยากโตในชั่วพริบตาจริงๆ !
ต่อให้โตขึ้นได้แค่ห้าหกปีก็ตามเข้าป่าพิษหมาป่าได้แล้ว!
แต่ตอนนี้เขาเพิ่งหนึ่งขวบ ยังเป็นเด็กน้อย!
เขารีบ!
เป่ยซียิ้ม พูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พรุ่งนี้พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น อยู่บ้านดื่มชานั่งคุยกัน”
มู่เถาเยาปล่อยเลยตามเลย
เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวเยาเยา เหลียงจีจะอยู่เหยียนหวงจนคลอดเลยใช่ไหม”
“แม่สามีของพี่เหลียงจีบอกว่ารอท้องโตอีกหน่อย ครบห้าเดือนที่เป็นช่วงที่ครรภ์มั่นคงแล้วจะให้พี่เหลียงจีกลับมาค่ะ บอกว่าคนตระกูลเหลียงเป็นทหารกันหมด ออกนอกประเทศลำบาก ไว้ถึงเวลาพวกเขาจะให้พี่เหลียงจีกลับมาค่ะ”
“งั้นก็ดี อายังคิดจะให้คนพาครอบครัวเหลียงไปหาเหลียงจีหน่อย พวกเขามาหาเองก็ดี ไว้ถึงตอนนั้นให้หร่วนเหวินไปรับ”
ถึงแม้จะให้เครื่องบินกับเหลียงจีไปแล้ว แต่เครื่องบินลำนั้นไม่เร็วเท่าเครื่องบินที่คนตระกูลเย่ว์ใช้โดยเฉพาะ เหลียงจีตั้งท้องอยู่ พยายามอย่าให้นั่งเครื่องบินนานจะดีกว่า
หร่วนเหวิน “รับทราบค่ะหัวหน้าเผ่า”
นับตั้งแต่เธอเป็นนักบินของว่าที่หัวหน้าเผ่าก็คอยติดต่อกับเหลียงจีอยู่ตลอด
มู่เถาเยา “พี่หร่วนเหวินคะ กินข้าวเสร็จพี่กลับไปอยู่กับลูกๆ หลายวันหน่อย ไม่ต้องรีบกลับมาหรอกนะคะ”
“จ้ะ”
“ต่อไปถ้าไม่ได้ออกงานอย่างเป็นทางการพี่พาหลินซีมาด้วยได้นะคะ”
คนตระกูลเย่ว์พยักหน้า
หร่วนเหวินเป็นแค่นักบิน เธอจะยุ่งแค่ตอนบิน เวลาอื่นว่าง ไม่มีทางกระทบงาน
หร่วนเหวินยิ้มกว้างพูดขอบคุณ
หลังจากกินอาหารกลางวันที่แสนครึกครื้นและอบอุ่น เป่ยซีก็ให้พ่อบ้านช่วยพาแขกไปเก็บของ
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซย่าโหวมู่เหยากับข่ายเกอจะมาด้วย แม้แต่เยี่ยจั๋วน้อยก็มาเช่นกัน เพราะนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเด็กๆ จะเริ่มเรียนวิทยายุทธกับวิชาการแพทย์แล้ว โดยมีหยวนเหยี่ยกับซย่าโหวโซ่วเป็นคนสอนให้
ดังนั้นไม่ว่าผู้อาวุโสสองท่านนี้อยู่ไหน พวกเขาก็อยู่ด้วย
หลังจากพักผ่อนตอนบ่ายเสร็จเย่ว์เลี่ยงกับสามพ่อลูกตระกูลเย่ว์ก็ไปทำงาน เป่ยซีพาเหมียวอวี้ไปหาความทรงจำในอดีตทีละเล็กทีละน้อย
ไม่ว่าจะตามหาความทรงจำกลับมาได้หรือไม่ ต่อให้ต้องทำความรู้จักกับอดีตใหม่ทั้งหมดก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียความทรงจำของเหมียวอวี้ตอนอยู่บ้านตระกูลเป่ยกับตำหนักพระจันทร์ก็มีแต่สิ่งสวยงาม ถ้านึกออกจะเป็นการดีที่สุด
มู่เถาเยากับปู่ย่าตายายของเธอนั่งดื่มชาพูดคุยกับทุกคนในฐานะเจ้าของบ้าน
ลู่จือฉิน ลู่หันซู และย่าลู่ไม่ได้มา เพราะลู่หันซูใกล้เปิดเทอมแล้ว ส่วนย่าลู่ก็อยากให้ครอบครัวเหมียวสามคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัว
ตี้อู๋เปียนอยากเลี่ยงผู้คนไปหาที่สื่อสารกับพวกต้นไม้ เขาพูดขึ้น “ซาลาเปาน้อย ฉันอยากไปทำงานที่ห้องหนังสือหน่อย” ในห้องหนังสือมีต้นไม้มากมาย
มู่เถาเยาพยักหน้า เธอรู้ว่าเขากำลังทำงานด้านช่วยเหลือคนยากจนกับสร้างเส้นทางระบายน้ำ
ปู่เย่ว์พูดกับพ่อบ้านที่อยู่ด้านหลัง “ลุงหลาน เอาน้ำชากับขนมสองจานไปให้อู๋เปียนที่ห้องหนังสือด้วย”
“ได้ครับ”
ตี้อู๋เปียนพูดขอตัวกับทุกคนแล้วไปห้องหนังสือเล็กของตระกูลเย่ว์
เพิ่งคุยกับเยี่ยอิ่งเสร็จพ่อบ้านก็เอาน้ำชาร้อนๆ กับขนมมาให้
“คุณชายเล็กครับ นี่เป็นชาจินกวากับขนมซานเย่าที่คุณชายชอบครับ และยังมีขนมดอกกุ้ยฮวาที่ช่วงนี้กำลังบานสะพรั่งด้วยครับ”
“ขอบคุณครับลุงหลาน เดี๋ยวผมเสร็จงานแล้วจะเอาถาดลงไปเองไม่ต้องเข้ามาเก็บหรอกครับ”
“ได้ครับ งั้นไม่รบกวนแล้วครับ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
หลังจากลุงหลานปิดประตูแล้วตี้อู๋เปียนก็ลูบต้นสนใบพายที่อยู่บนโต๊ะทำงานพลางพูด “ช่วยส่งข่าวหน่อย ถามดูว่ามีใครรู้จักเยี่ยนหงกับชวนไป๋บ้าง”
ใบของต้นสนใบพายที่ถูกตี้อู๋เปียนลูบขยับเล็กน้อย “ผมไม่รู้จักเยี่ยนหงกับชวนไป๋ มันคืออะไร”
“เป็นพืชชนิดหนึ่งเหมือนกัน เติบโตในเขาเทพจันทรา ช่วยถามให้หน่อย” เขาไปเขาเทพจันทราไม่ได้ อยากสื่อสารกับเยี่ยนหงและชวนไป๋ก็ทำไม่ได้
ต้นสนใบพายขยับใบทั้งต้นคล้ายคนพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ได้เลย”