ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 394 ไม่สงบ(2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 394 ไม่สงบ(2)

ตอนที่ 394 ไม่สงบ(2)

ถึงแม้ว่าจะทราบเรื่องหมดแล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิวฝานพูด ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกโกรธมาก เจี่ยงสือเหิงถึงกับตบโต๊ะ แววตาเต็มไปความโหดร้าย

ในทางกลับกัน ฉินมู่หลานมีสีหน้าเรียบเฉยไร้การแสดงออกใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเติ้งซูหลานก็เคยทำร้ายซูหว่านอวี๋มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอ “ดูเหมือนว่าแม่ของเติ้งซูหลานก็เป็นตัวการหลักเหมือนกัน”

“ใช่แล้ว ยัยแก่สารเลวนั่นก็ปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน”

ก่อนหน้านี้ซูหว่านอี๋ก็โกรธมากอยู่แล้ว ตอนนี้หล่อนอดใจรอแทบไม่ไหวอยากจะตรงเข้าไปประหารคุณนายเติ้งกับเติ้งซูหลานเสียให้สิ้น “มู่หลาน ตอนนี้หมอนี่ก็สารภาพหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปเอาเรื่องตระกูลเซี่ยกันเถอะ”

แต่หลังจากพูดจบ หล่อนก็หยุดชะงักลงอีกครั้ง แล้วพูดขึ้น “หรือว่ารอให้พ่อของลูกมาก่อนแล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน แบบนี้จะได้ดูแข็งแกร่งหน่อย”

เพิ่งพูดจบ ฉินเจี้ยนเซ่อ ฉินเคอวั่งและเซี่ยเหวินปิงก็กลับมากันแล้ว หลายคนเห็นฉินมู่หลานก็รู้สึกดีใจกันมาก ฉินเคอวั่งถึงกับวิ่งตรงมาข้างหน้าแล้วพูดขึ้น “พี่ ทำไมพี่กลับมาเร็วจัง”

แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนแรกพี่บอกว่าสักประมาณเจ็ดถึงแปดวันจึงจะกลับ แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเดินทางแน่นอน

“พี่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

ในตอนนี้ ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงก็มีปฏิกิริยาด้วยเช่นกัน ทั้งสองหันมองฉินมู่หลานด้วยความประหม่า

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วส่ายหัว ก่อนจะบอกกล่าว “วางใจได้ พี่ไม่เป็นไรหรอก”

ตอนแรกหลายคนได้ยินแบบนี้จึงรู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็พลันหัวร้อนจนแทบจะระเบิด

“ไป ไปบ้านตระกูลเซี่ยกันเดี๋ยวนี้เลย”

ฉินมู่หลานเห็นว่าทุกคนดูโกรธขนาดนี้ จึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ค่ะ ไปที่นั่นกันเลย”

ทว่าเจี่ยงสือเหิงได้เปิดปากพูดขึ้น “ไม่รู้ว่าตอนนี้เติ้งซูหลานอยู่ที่บ้านหรือเปล่า หากหล่อนมาได้ยินเข้าแล้วเกิดหลบหนีไปก่อนจะทำยังไง”

ในตอนี้ทุกคนจึงพากันสงบสติอารมณ์ลง ฉินเจี้ยนเซ่อพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ สือเหิงพูดถูก เราต้องแน่ใจก่อนว่าเติ้งซูหลานอยู่ที่บ้านแน่นอน หลังจากนั้นก็ปิดทางเข้าออก ทางที่ดีควรให้ยัยแก่เติ้งมาด้วย อย่างนี้พวกเราจะได้จับพวกมันได้ทีเดียวเลย”

เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็หันมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “ตอนพวกลูกมาที่นี่ไม่ได้เคลื่อนไหวใหญ่โตจนเป็นจุดสังเกตใช่ไหม ไม่รู้ว่าทางฝั่งของเติ้งซูหลานจะได้ข้อมูลอะไรแล้วบ้าง”

“พ่อวางใจได้ค่ะ ตอนที่พวกเรามาก็ระวังตัวกันมาก ไม่มีใครทันสังเกตเห็นพวกเราหรอกค่ะ” เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ พวกเขาจึงแบ่งกันออกเป็นสามกลุ่ม แล้วเดินปะปนไปพร้อมกับฝูงชน

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็พยักหน้าอย่างวางใจ

และเซี่ยปิงชิงก็พูดตามตรง “เซี่ยจงกับเซี่ยซินกลับบ้านตระกูลเซี่ยแล้วนี่ เดี๋ยวลองถามพวกเขาก็ได้เรื่องแล้ว”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้า ขณะเดียวกันก็คิดหาวิธีที่จะทำให้เซี่ยฉางชิงทราบข่าวก่อน เพื่อให้เขาช่วยหาวิธีพาคนตระกูลเติ้งมารวมตัวที่บ้านตระกูลเซี่ย

“เรื่องนี้ง่ายมาก ฉันจะติดต่อเซี่ยจงให้เขาส่งข้อความไปให้โดยตรง”

เซี่ยปิงชิงดำเนินการเร็วมาก และข่าวที่เชื่อถือได้ก็มาถึง “เติ้งซูหลานอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยจงแจ้งให้เซี่ยฉางชิงทราบแล้วด้วย เขาบอกว่าจะช่วยหาวิธีพาคนตระกูลเติ้งมารวมตัวที่บ้านตระกูลเซี่ยให้ได้ หลังจากคนตระกูลเติ้งมาแล้วจะมาแจ้งให้พวกเราทราบ”

“ก็ดี พวกเราก็แค่รอให้ทางนั้นแจ้งมา”

เมื่อทราบว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะได้ไปบ้านตระกูลเซี่ย ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็สงบลง ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย ทั้งสองจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลใจ “มู่หลาน ลูกหิวหรือเปล่า เมื่อกี้เรากำลังโกรธ ก็เลยไม่ได้ถามลูกเลย”

ฉินมู่หลานยิ้มพลางส่ายหัวตอบ “หนูไม่หิวค่ะ ตอนกลางวันกินข้าวบนรถไฟมาแล้ว”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็ยังตรงไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหาร ทั้งสองทำบะหมี่แบบง่าย ๆ แล้วรีบนำออกมาให้ฉินมู่หลานและเหวินเฉียนกิน

“พวกลูกกินสักหน่อยเถอะ ถึงจะกินบนรถไฟมาแล้ว แต่กลับมาได้กินบะหมี่สักหน่อยก็ดี”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานยิ้มพลางพยักหน้าให้ทั้งสอง

และเซี่ยจงก็ทำงานรวดเร็วมากเช่นกัน ไม่นานนักก็ส่งแจ้งเตือนมาว่าสมาชิกทุกคนของตระกูลเติ้งไปรวมตัวอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยกันเรียบร้อย พวกเขาไม่ได้ไปไหนกันแล้ว

ฉินมู่หลานลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น “ดี พวกเราก็ไปกันเลยค่ะ”

คนกลุ่มหนึ่งพากลุ่มของหลิวฝานตามติดไปด้วย แล้วแห่กันไปที่บ้านตระกูลเซี่ยอย่างใหญ่โต

ตอนนี้บ้านตระกูลเซี่ยคึกครื้นมาก คนในตระกูลเติ้งทั้งหมดมากันแล้ว เมื่ออยู่ที่นั่น ก็พูดทักทายนายท่านเซี่ยกับคุณนายเซี่ยอย่างอบอุ่น

แม้คุณนายเติ้งที่อยู่ในบรรดาคนเหล่านี้จะยกยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มนั้นกับไม่ฉายไปถึงดวงตา นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสบโอกาสจึงลากเติ้งซูหลานไปพูดกระซิบด้วย

เซี่ยฉางชิงจับตามองทั้งสองเป็นพิเศษ หลังจากเห็นว่าพวกหล่อนเดินไปด้านหลัง แววตาก็มืดครึ้ม สองแม่ลูกนี่ กล้าดีอย่างไรมาทำกับมู่หลานแบบนี้ พวกหล่อนสมควรตายจริง ๆ

เมื่อคิดได้แบบนี้ เซี่ยฉางชิงจึงถือโอกาสเดินตามไป เพียงแต่ยังไม่ทันได้เดินไปใกล้ เซี่ยอวี่หรงก็เดินเข้ามาขวางอย่างกะทันหันเสียก่อน

“พ่อ ทำไมพ่อถึงมาอยู่ที่นี่ คุณปู่กำลังตามหาพ่ออยู่นะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็หันมองเซี่ยอวี่หรง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย นี่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา แต่แม่แท้ ๆ ของหล่อนกลับเป็นผู้หญิงเลวทรามต่ำช้าอย่างเติ้งซูหลาน

เซี่ยอวี่หรงเห็นเซี่ยฉางชิงไม่ตอบ จึงรีบบอกอีกครั้ง “พ่อ คุณปู่ตามหาพ่อนะ”

“อืม พ่อรู้แล้ว”

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยอวี่หรงก็ยังไม่เดินจากไป ได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้น

เซี่ยฉางชิงเห็นแบบนี้ จึงได้แต่จำใจปล่อยผ่านไปก่อน

เติ้งซูหลานกับคุณนายเติ้งไม่ทราบว่าเบื้องหลังมีอะไรรอพวกหล่อนอยู่ ในตอนนี้สีหน้าของทั้งสองต่างบูดบึ้งดูไม่ดีนัก

“เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ยังไม่ได้รับข่าวจากหลิวฝานเลย ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

เติ้งซูหลานอดพูดไม่ได้ “อาจจะไม่หรอกค่ะ แผนการครั้งนี้ละเอียดมาก ฉินมู่หลานหนีไม่รอดหรอกค่ะ”

“แต่ถ้าหลิวฝานทำสำเร็จ เขาก็น่าจะส่งข่าวกลับมาตั้งนานแล้วนะ หรือว่าตอนนี้ยังไม่ลงมือ?”

ทั้งสองพูดคุยกันแบบไร้จุดหมาย หลังจากนั้นก็ทำได้เพียงเดินไปรวมที่ห้องโถง เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยว่าหายไปนานเกินไป

แต่แล้วเมื่อเติ้งซูหลานกับคุณนายเติ้งเดินมาถึงห้องโถงข้างหน้า ก็ได้พบกับคนที่พวกหล่อนอยากเจอน้อยที่สุด

“ฉินมู่หลาน…ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”

เมื่อได้ยินคำพูดของเติ้งซูหลาน ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มขึ้นทันที ก่อนจะบอกกล่าว “แปลกใจเหรอคะที่หนูมาที่นี่”

ในตอนนั้นเอง เติ้งซูหลานจึงตระหนักได้ว่าท่าทางของตัวเองดูแปลกผิดธรรมชาติ จึงรีบยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นทันที “ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะไปอยู่กับอาหลี่ที่ฐานทัพ ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้”

คุณนายเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดตามกัน “ใช่แล้วมู่หลาน ทำไมครั้งนี้หลานกลับมาเร็วจังล่ะ”

ขณะพูดนางก็มองเจี่ยงสือเหิงกับคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง รวมถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ที่โดนมัดมือมัดเท้าเอาไว้ จึงรู้สึกได้ว่านี่ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มขึ้นทันทีพลางบอกกล่าว “หนูต้องกลับมาก่อนเวลาอยู่แล้วค่ะ ไม่อยากนั้นคงไม่รู้ว่าคุณนายเติ้งกับเติ้งซูหลานสองแม่ลูกนี่จะขายตัวหนูออกไปเมื่อไหร่”

“อะไรนะ…”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เริ่มร้อนตัวกันแล้วล่ะสิพวกคนบงการทั้งหลาย อย่าเพิ่งเป็นลมนะ นี่เพิ่งเริ่ม

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท