ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 413 พวกฉันไม่เห็นด้วย(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 413 พวกฉันไม่เห็นด้วย(1)

ตอนที่ 413 พวกฉันไม่เห็นด้วย(1)

เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ครับคุณอา ผมเป็นแฟนของปิงชิง ชื่อเจี่ยงสือเหิงครับ”

ตอนแรกเซี่ยฉางเจี๋ยคิดว่าลูกสาวแค่อยากเลี่ยงการแต่งงานกับตระกูลเฟิง จึงโกหกไปแบบมั่ว ๆ ไม่คิดว่าจะมีแฟนแล้วอย่างที่ว่าจริง และคน ๆ นี้ก็ดูดีตั้งแต่แรกเห็น

เซิงลี่แม่ของเซี่ยปิงชิงซึ่งอยู่ด้านข้างมองเจี่ยงสือเหิงตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มองอย่างไรก็ดูยอดเยี่ยมไปหมด สีหน้าจึงดูดีขึ้นมานิดหน่อย “เธอคือแฟนของปิงชิงนี่เอง สวัสดี”

“สวัสดีครับคุณน้า”

เซี่ยปิงหรุ่ยมองพ่อแม่ ก่อนจะหันมองเจี่ยงสือเหิงอีกครั้ง สุดท้ายก็แอบดึงตัวเซี่ยปิงชิงผู้เป็นน้องสาวออกไปกระซิบคุยกัน “เธอบอกพ่อกับแม่เรื่องของเจี่ยงสือเหิงหรือยัง?”

เซี่ยปิงชิงส่ายหัว

เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงส่ายหัว เซี่ยปิงหรุ่ยก็เหงื่อตกแทน ถึงแม้ว่าเจี่ยงสือเหิงจะดีเลิศหมดทุกอย่าง แต่อายุของเขาก็มากกว่าเซี่ยปิงชิงมาก หล่อนจึงรู้สึกว่าพ่อกับแม่อาจไม่เห็นด้วย

เซิงลี่สังเกตเห็นท่าทางของลูกสาวทั้งสองคน หล่อนจึงขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง ก่อนจพูดขึ้น “ปิงหรุ่ย ปิงชิง พวกลูกทำอะไรกัน”

“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ”

เซี่ยปิงหรุ่ยรีบส่ายหัว เทียบกับพ่อแล้วหล่อนกลัวแม่มากกว่านิดหน่อย เพราะแม่เข้มงวดกับพวกหล่อนมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นหล่อนจึงหยุดพูดทันที แล้วเดินมานั่งลงตามกัน

หลังจากตระกูลเซี่ยและเจี่ยงสือเหิงนั่งลงกันหมดแล้ว ลุงเจี่ยงก็ให้คนนำอาหารมาเสิร์ฟ

“คุณอา คุณน้า ผมได้ยินปิงชิงบอกว่า พวกคุณชอบอาหารทางฝั่งบ้านเกิดมากกว่า วันนี้ผมจึงบอกให้ทางครัวทำอาหารซีอานมาเล็กน้อย ไม่ทราบว่าจะถูกปากพวกคุณหรือเปล่าน่ะครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ก็หยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ทำให้เธอลำบากแล้ว ที่จริงเรากินได้ทุกอย่างแหละ”

แต่เมื่อรอจนกระทั่งอาหารหน้าตาคุ้นเคยมาถึง เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ก็ค่อนข้างพอใจมาก อย่างน้อยเจี่ยงสือเหิงก็ใส่ใจพวกเขามากจริง ๆ นอกจากนี้ยังให้ความใส่ใจกับเรื่องการมาพบปะกันในครั้งนี้ด้วย

เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่ได้กินอาหารทางฝั่งบ้านเกิดมานานแล้ว เมื่อได้เห็นอาหารหน้าตาคุ้นเคยในตอนนี้ อยู่ ๆ ก็เกิดอยากอาหารขึ้นมา

เซี่ยปิงชิงเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี จึงยิ้มแล้วหันมองเขา ส่งสายตาเพื่อเป็นสัญญาณยืนยันให้เขา

เจี่ยงสือเหิงเห็นแบบนี้ จึงกระตุกยิ้มขึ้นตรงมุมปาก ดวงตาสะท้อนร่างสาวน้อยตรงหน้า

เซิงลี่เห็นทั้งสองดูใกล้ชิดกันมาก จึงรู้สึกไม่ค่อยอยากมองเท่าใด แต่ในที่สุดก็มองออกว่าลูกสาวคนเล็กกับเจี่ยงสือเหิงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ดูจากสายตาของเจี่ยงสือเหิงแล้วค่อนข้างเป็นธรรมชาติทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สบายใจนิดหน่อย จึงหันมองแล้วเอ่ยถามเจี่ยงสือเหิงตามตรง “เสี่ยวเจี่ยง ตอนนี้เธอทำงานอะไรเหรอ?”

“ผมทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยครับ”

เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ต่างหันมองเมื่อได้ยินแบบนี้ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ทำพวกงานวิจัยหรือ? ถ้าอย่างนั้นปกติยุ่งมากไหม?”

“จะยุ่งช่วงที่มีโครงการครับ นอกนั้นก็ปกติดี” เจี่ยงสือเหิงกล่าวอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังอีก

เมื่อทราบเรื่องของครอบครัวเจี่ยงสือเหิงแล้ว เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่พวกเขาก็ทราบว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นค่อนข้างวุ่นวาย หลายคนโดนมิตรสหายคนสนิทจับส่งทางการ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ความสัมพันธ์ของเจี่ยงสือเหิงกับหลานชายจะไม่ค่อยดีนัก เพียงแต่เขามีลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง แล้วยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเซี่ยปิงหรุ่ยด้วย

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็อดถามไม่ได้ “ลูกสาวบุญธรรมของเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของปิงหรุ่ยหรือ ถ้าอย่างนั้นอายุก็คงไม่น้อยแล้วสินะ อายุเท่าไหร่เหรอ?”

เจี่ยงสือเหิงคาดคิดเอาไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น จึงตอบอย่างใจเย็น “มู่หลานกับปิงหรุ่ยอายุห่างกันไม่มาก และหล่อนก็แต่งงานแล้ว มีลูกแล้วด้วยครับ”

“อะไรนะ…”

เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่รู้สึกแปลกใจ ขณะเดียวกันพวกเขาก็สงสัยอายุของเจี่ยงสือเหิงนิดหน่อย “ถ้าอย่างนั้นเธออายุเท่าไหร่ ทำไมถึงได้มีลูกสาวบุญธรรมโตขนาดนั้นแล้ว”

“จริง ๆ แล้ว…ผมอายุเยอะกว่าปิงชิงสิบเจ็ดปีครับ”

“อะไรนะ…”

เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง พวกเขาไม่คิดว่าเจี่ยงสือเหิงจะอายุเยอะขนาดนี้ “เธอ…เธออายุเยอะกว่าปิงชิงมาก แล้วมาเจอกันได้ยังไง”

หลังจากพูดจบ เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ก็หันมองลูกสาวคนเล็กแล้วเอ่ยถาม “แกน่าจะรู้เรื่องนี้มานานแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมแกถึงยอมคบกับเขาล่ะ หากเขาอายุเยอะกว่านี้สักอีกสองสามปีก็อายุเท่าพ่อแกแล้ว ทำไมแกถึงหาคนแก่แบบนี้”

ถึงแม้เซี่ยปิงชิงจะทราบว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่พ่อกับแม่พูดกับเจี่ยงสือเหิงแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนเป็นคนขอให้เจี่ยงสือเหิงช่วยตนเอง ดังนั้นหล่อนจึงก้มหน้าก้มตาลงแล้วพูดขึ้น “พ่อแม่ ทำไมถึงพูดกับเจี่ยงสือเหิงแบบนั้น เขาดูแก่มากหรือไง เห็นได้ชัดว่ายังดูหนุ่ม อยู่กับหนูยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าอายุห่างกันมาก”

เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กปกป้องเจี่ยงสือเหิงแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ก็ไม่พอใจมากยิ่งขึ้น

“ใช่ เจี่ยงสือเหิงยังดูหนุ่มมากจริง แต่อายุของเขาก็ขนาดนั้นแล้ว ต่อให้ดูหนุ่มแค่ไหนเขาก็ยังเป็นรุ่นอาของแกอยู่ดี เพราะฉะนั้นหลังจากนี้พวกแกยุติความสัมพันธ์กันซะ” ครั้นเซี่ยฉางเจี๋ยนึกถึงเรื่องอายุที่ต่างกันของเจี่ยงสือเหิงกับลูกสาวคนเล็ก เขาก็โมโหขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าปิงชิงกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้อยากมีคู่ครองอายุมากเช่นนี้

“พ่อ…พ่อจะบอกให้เราเลิกกันเหรอ หนูก็บอกพ่อกับแม่แล้วไง ว่าหนูชอบเจี่ยงสือเหิง หนูอยากจะอยู่กับเขา”

“เซี่ยปิงชิง…”

เซี่ยฉางเจี๋ยได้ยินแบบนี้ก็โมโหมาก ทั้งสองทำสีหน้าจริงจังก่อนจะหันมองออกไป แล้วบอกกล่าว “แกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว วันนี้ยุติความสัมพันธ์กับเจี่ยงสือเหิงซะ แล้วตามพวกเรากลับบ้านไปซะดี ๆ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที

“หนูชอบเจี่ยงสือเหิง หนูอยากจะอยู่กับเขา หนูไม่กลับไปกับพ่อแม่หรอก พ่อแม่ล้มเลิกความคิดนั้นซะเถอะ อย่าคิดว่าหนูไม่รู้ว่าทุกคนกำลังวางแผนอะไรเอาไว้ พ่อกับแม่แค่อยากให้หนูกับไปแต่งกับตระกูลเฟิงอย่างนั้นใช่ไหม หนูจะบอกอะไรให้นะ ไม่มีวันซะหรอก”

“แก…แกมันลูกสาวไม่รักดี”

เซี่ยฉางเจี๋ยโกรธลูกสาวคนเล็กมาก จึงอยากสั่งสอนคนโดยไม่รู้ตัว

เจี่ยงสือเหิงสายตาและมือค่อนข้างไว เซี่ยฉางเจี๋ยจึงถูกสกัดไว้ทันควัน “คุณอาครับ มีอะไรคุยกันดี ๆ อย่าลงไม้ลงมือกันเลย”

“ปล่อย ใครเป็นอาแก”

เซี่ยฉางเจี๋ยจ้องมองเจี่ยงสือเหิงด้วยสายตาดุดัน ชายตรงหน้าอายุน้อยกว่าเขาไม่มากนัก แต่ตอนนี้กลับเรียกเขาว่าคุณอา ถืออ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของปิงชิง แต่พวกเขาไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

เจี่ยงสือเหิงไม่ปล่อย และยืนขวางตรงหน้าเซี่ยปิงชิง

เซี่ยปิงชิงเห็นเจี่ยงสือเหิงยืนอยู่ตรงหน้า ก็อดพูดไม่ได้ “ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเข้ามาขวางหรอก ฉันอยากจะเห็นเหมือนกันว่าวันนี้พวกเขาจะทุบฉันถึงตายจริง ๆ ไหม”

หลังจากพูดจบ สายตาของเซี่ยปิงชิงก็ฉายแววเย็นชา

เมื่อเห็นท่าทางของลูกสาวคนเล็ก สีหน้าของเซี่ยฉางเจี๋ยก็ขึงขังมากขึ้น

เซิงลี่ก็เห็นความมุ่งมั่นของลูกสาวคนเล็กเหมือนกัน หล่อนจึงอดพูดอย่างจริงจังเสียไม่ได้ “ปิงชิง แกอย่าสับสนสิ คู่ครองที่จะแต่งงานด้วยต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต เจี่ยงสือเหิงคนนี้ไม่ใช่คู่ที่ดีแน่นอน เขาอายุเยอะกว่าแกมากนะ พอแกอายุได้ถึงช่วงบั้นปลายชีวิต เขาก็คงแก่มากแล้ว เพราะฉะนั้นแกอย่าโดนเขาหลอกเลย”

หล่อนพูดออกมาจากความรู้สึกในใจจริง ๆ เจี่ยงสือเหิงต้องใช้วิธีบางอย่าง ล่อลวงลูกสาวคนเล็ก ทำให้หล่อนต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อายุมากกว่าสิบเจ็ดปีมันก็เยอะมากเหมือนกันนะเนี่ย เข้าใจความเป็นห่วงของพ่อแม่ปิงชิงอยู่

แต่พ่อกับแม่จะช็อคไหมถ้ารู้ว่าลูกสาวเป็นฝ่ายไปติดพันเขาก่อน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท