ตอนที่ 416 ไปซีอาน(2)
ตอนที่ 416 ไปซีอาน(2)
และเมื่อเจี่ยงสือเหิงได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงชิง ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เอาเถอะ พ่อคุณก็ยังไม่ได้ด่าผมเลยไม่ใช่เหรอ คุณก็รีบกินเถอะ”
พูดจบเขาก็นำตะเกียบและชามอันใหม่ส่งให้เซี่ยปิงชิง “คุณเคยบอกว่าชอบกินของพวกนี้ ก็ลองลิ้มรสดูเสีย ว่าถูกปากคุณหรือเปล่า”
“ค่ะ”
เซี่ยปิงชิงเริ่มลงมือกินอาหาร จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อื้ม อร่อย พ่อครัวจินเป็นพ่อครัวฝีมือดีมากเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้นทันที “คุณชอบกินก็ดีแล้ว กินให้เยอะๆ นะ”
“อื้ม”
เซี่ยปิงชิงยังกินไม่อิ่ม จึงก้มหน้าก้มตากิน
เจี่ยงสือเหิงเห็นเซี่ยปิงชิงกินอย่างมีความสุข รอยยิ้มแสนอบอุ่นก็ฉายขึ้นในดวงตา หลังจากนั้นเขาก็ตักอาหารมากมายให้เซี่ยปิงชิง จากนั้นก็เริ่มกินของตัวเอง
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เห็นทั้งสองเข้ากันได้ดี จึงได้แต่รู้สึกขนลุกขึ้นมา สองคนนี้เพิ่งอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่ตอนนี้สนิทสนมกันมากขนาดนี้แล้วหรือ ช่างแปลกคนจริง
เซิงลี่เห็นภาพตรงหน้านี้ สีหน้าก็ดูซับซ้อนอธิบายยากเล็กน้อย
จนถึงตอนนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ยังทำทุกอย่างได้ดีไปหมด มีเพียงปัญหาเดียวคืออายุที่มากเกินไป
เซี่ยฉางเจี๋ยไม่ได้ให้ความสนใจทางด้านนี้อีกต่อไป แต่กลับหันมองไปทางประตูแทน ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปทางประตู ปรากฎว่าฉินมู่หลานกับคนอื่น ๆ กลับมากันแล้ว
เจี่ยงสือเหิงเห็นทุกคนกลับมาแล้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ประตูเช่นกัน
ในตอนนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็เดินมาถึงตรงหน้าฉินมู่หลานแล้ว เขามองดูเด็กตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอด้วยความประหม่า หลังจากนั้นก็หันมองเด็กอีกคนที่อยู่ในอ้อมแขนของซูหว่านอี๋ “เด็กสองคนนี้คือคู่แฝดมังการหงส์ที่เธอคลอดใช่ไหม ฉันอุ้มพวกเขาได้ไหม?”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยฉางเจี๋ยค่อนข้างประหม่า จึงยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้แน่นอนค่ะ”
ขณะพูดก็ส่งเฉินเฉินไปให้เขาอุ้ม
เฉินเฉินก็ไม่กลัว เขามองเซี่ยฉางเจี๋ยด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะอ้าแขนออกเข้าหาอ้อมกอดของเขาทันที “คุณ…ปู่…”
“อ้า…”
เซี่ยฉางเจี๋ยส่งเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งมองเฉินเฉินที่อยู่ในอ้อมกอดก็ยิ่งหลงรักมากขึ้นเท่านั้น “หลานชื่ออะไรเอ่ย?”
“เฉิน…”
ถึงแม้ว่าเฉินเฉินจะพูดได้นิดหน่อย แต่ก็ยังพูดได้ไม่มาก จึงเอ่ยตอบได้เพียงทีละพยางค์
“ที่แท้ก็เฉินเฉินนี่เอง”
เซี่ยฉางเจี๋ยพยายามทำเสียงให้อ่อนลงเพื่อพูดกับเฉินเฉิน จากนั้นเขาก็หันไปมองชิงชิงอีกครั้ง ได้แต่รู้สึกว่าเด็กคู่นี้น่ารักมาก
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเห็นว่าเซี่ยฉางเจี๋ยชอบชิงชิงกับเฉินเฉิน แววตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เซิงลี่เห็นสามีกำลังอุ้มเด็กแล้วไม่ได้ทักทายคนอื่นเลย จึงรีบหันมองแล้วพูดบอกกับซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือด้วยความลำบากใจ “ขอโทษด้วยนะคะ ตาแก่ของเราชอบเด็กสองคนนี้มากจนลืมทักทายพวกคุณเลย”
จากนั้นก็แนะนำตัวเอง “สวัสดีทุกคนนะคะ ฉันชื่อเซิงลี่ เป็นแม่ของปิงหรุ่ยกับปิงชิงค่ะ ส่วนนี่คือเซี่ยฉางเจี๋ย พ่อของพวกเขาค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้ตัว ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยทักทายซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือ
“สวัสดีทุกคนนะครับ”
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็รีบเอ่ยทักทายเซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่เช่นกัน หลังจากนั้นก็ให้พวกเขาอุ้มเด็กทั้งสองไปนั่งด้วย
ทั้งสองอยากทราบเรื่องวันนี้มาก แต่หากถามตรง ๆ ก็คงไม่ดี จึงทำได้เพียงเอ่ยถามอย่างสุภาพ “อาหารที่บ้านเป็นยังไงบ้างคะ?”
เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ยังไม่ทันได้ตอบ เซี่ยปิงชิงก็เปิดปากพูดขึ้นเสียแล้ว “น่าจะไม่ค่อยชอบค่ะ เพราะไม่ยอมกินอะไรเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่ก็หันมองลูกสาวคนเล็ก จากนั้นก็โบกมือแล้วรีบพูดขึ้น “พวกคุณอย่าไปฟังที่ปิงชิงพูดเลยครับ อาหารน่ากินมาก พวกเรากินจนอิ่มแล้ว”
แต่ถึงอย่างไร ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเชื่อคำพูดของเซี่ยปิงชิงมากกว่าอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าเซี่ยปิงชิงไม่เคยโกหก พูดจาตรงไปตรงมาตลอด ทั้งสองจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “เป็นเพราะอาหารไม่ถูกปากหรอคะ อยากให้ฉันเข้าครัวทำอย่างอื่นให้พวกคุณกินไหม”
“ไม่ต้องหรอกครับ พวกเรากินอิ่มแล้วจริง ๆ”
แต่ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือกระตือรือร้นมาก ไปทำอาหารในครัวออกมาอีก สุดท้ายเซี่ยฉางเจี๋ยกับเซิงลี่จึงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงยอมนั่งลงแล้วกินอาหารต่อ
ฉินมู่หลานกับคนอื่นก็นั่งลงเหมือนกัน แล้วกินข้าวอีกนิดหน่อย
หลังจากกินเสร็จ เซี่ยฉางเจี๋ยก็หันมองแล้วถามฉินมู่หลาน “มู่หลาน เธอเพิ่งกลับเข้าตระกูลเซี่ยได้ไม่นานนี้เอง แล้วร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากใครกัน?”
เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กที่เติบโตนอกตระกูลจะมีทักษะดีกว่าตระกูลเซี่ยหลายคนเสียอีก และไม่นานมานี้เธอก็เพิ่งได้ลูกแฝดมังกรหงส์ด้วย อย่างที่ทราบว่าฝาแฝดมังกรหงส์นั้นหายากกว่าฝาแฝดทั่วไปเป็นไหน ๆ
“เรียนมาจากคุณปู่ของฉันค่ะ”
หลังจากนั้นฉินมู่หลานเล่าเรื่องการเติบโตที่ผ่านมาของเธอให้ฟัง แล้วกล่าวต่อ “บังเอิญจังเลยค่ะ ฉันก็เพิ่งรู้จากปิงหรุ่ยว่าทางฝั่งตระกูลเซี่ยตระกูลหลักทุกคนจะเรียนวิชาแพทย์กันหมด”
เซี่ยฉางเจี๋ยพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว บังเอิญมากจริง ๆ เธอควรจะเป็นลูกหลานตระกูลหลักของพวกเรา”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่แล้วเซิงลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ก้ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “มู่หลาน เธอควรไปซีอานนะ คุณปู่ของเราต้องชอบเธอมากแน่นอน”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็เข้ามามีส่วนร่วมแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้วมู่หลาน คุณปู่ฉันต้องชอบเธอมากแน่นอน เธอได้ลูกแฝดมังกรหงส์ เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเซี่ย”
ฉินมู่หลานทราบอยู่แล้วว่าทางตระกูลเซี่ยไม่มีฝาแฝดมานานแล้ว ดังนั้นจึงทราบว่าเหตุใดเซี่ยฉางเจี๋ยจึงตื่นเต้น แต่คุณปู่ทางฝั่งตระกูลหลักจะชอบเธอหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
ความสนใจทั้งหมดของเซี่ยฉางเจี๋ยอยู่ที่คู่แฝด หลังจากเล่นกับพวกเด็ก ๆ ได้สักพักแล้ว ในที่สุดเขาก็นึกถึงเรื่องลูกสาวคนเล็กขึ้นมาได้ เพียงแต่มีคนอยู่ด้วยเยอะ เขาจึงไม่พูดจารุนแรงอีกแล้ว ทำเพียงแค่หันมองเซี่ยปิงชิงแล้วบอกกล่าว “ปิงชิง ในเมื่อกินข้าวแล้ว แกกลับไปกับพวกเราเถอะ”
เซี่ยปิงชิงคิดไม่ถึงว่าพ่อจะนึกขึ้นได้ จึงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
“หนูไม่กลับ พวกพ่อกับแม่ก็กลับไปกันเองสิ”
“แก…”
ในตอนนั้นเอง ซูหว่านอี่กับเหยาจิ้งจือก็มองออกว่าการพบปะวันนี้ไม่ค่อยดีนัก พวกหล่อนจึงรีบยิ้มแล้วพูดกับเซี่ยฉางเจี๋ย “พ่อปิงชิงคะ ปิงชิงกับสือเหิงเป็นคู่ที่เหมาะกันมาก พวกคุณเข้าใจอะไรในตัวสือเหิงผิดไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้เข้าใจผิดอะไรหรอก เจี่ยงสือเหิงดีมากก็จริง แต่เขาอายุเยอะเกินไป”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็ต่างพากันเงียบ
ตอนนี้เองเซี่ยปิงชิงตัดสินใจพูดออกมา “หนูเพิ่งรู้จักเจี่ยงสือเหิง ไม่กลับไปกับพวกพ่อแม่หรอก ไม่แต่งงานกับตระกูลเฟิงด้วย พวกพ่อกับแม่ล้มเลิกความคิดนั้นเสียเถอะ”
“แก…นังลูกไม่รักดีคนนี้ พวกเราบังคับแกไม่ได้เลยใช่ไหม ได้ ขอเพียงแค่คุณปู่ของแกเห็นด้วย เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่พูดอะไรอีก”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ ก็จ้องมองเซี่ยฉางเจี๋ยแล้วพูดขึ้น “ได้ พรุ่งนี้หนูจะพาเจี่ยงสือเหิงไปซีอาน หนูอยากจะเห็นว่าคุณปู่จะเมินเฉยกับความต้องการของหนู จะบังคับให้เราเลิกกันแล้วจับหนูแต่งงานกับตระกูลเฟิงอีกไหม”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อยู่ดีๆ ก็ได้ไปตระกูลเซี่ยสายหลักแบบงงๆ เพราะลูกแฝดทั้งสองแท้ๆ
ปิงชิงอย่างดื้ออย่างเอา จะมาแยกคู่เหรอไม่ยอมแยกหรอกใครจะทำไม
ไหหม่า(海馬)