บทที่ 13 ถึงแม้จะโดนลอบกัด แต่เขาก็มีทักษะที่ใช้ในการกำหราบ
“พี่ชาย…พี่ใหญ่…เอ่อ….นายน้อย หากผมไปทำอะไรให้ไม่พอใจผมขออภัยด้วย ใช่ๆ ผมขออภัยอย่างสุดซึ้งเลย”
หงเหลียงในตอนนี้กำลังกราบกรานร้องขอชีวิตอย่างไม่รังเกลียดรังงอน แต่เมื่อได้เห็นว่าเจียงฮ่าวยังเดินเข้ามาหา มันนั้นกลัวจนต้องค่อยๆกระเถิบถอยหลังไปทีละน้อย
เจียงฮ่าวจ้องมองไปยังหงเหลียงคนที่ทำร้ายพ่อของเขา
ใจของเขานั้นไม่สามารถเก็บงำความเกลียดชังที่มีต่อหงเหลียงได้อีกต่อไป
ในตอนนี้เองเมื่อเห็นเจียงฮ่าวเข้ามาในระยะ มันได้แสยะยิ้มก่อนที่จะหยิบเอาท่อนเหล็กยาวเท่าแขนที่วางอยู่แถวนั้นเหวี่ยงไปที่หัวของเจียงฮ่าว
ในตอนนี้เจียงฮ่าวก็ได้รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัว มันเป็นความรู้สึกถึงภยันตรายที่ทักษะได้บอกต่อเขา เขารีบหลบและหมุนตัวเหวี่ยงแขนของตนออกไป
“ปั้ก”
“อั้กกก”
หงเหลียงส่งเสียงครางออกมาอย่างเจ็บปวดทันทีที่หงายหลังลงพื้น
“โฮ่…ลอบกัดงั้นเหรอ”
เจียงฮ่าวได้ก้าวเข้าไปข้างร่างของหงเหลียงแล้วเตะมันไปหนึ่งที
“ให้ปล่อยแกเหรอ…แล้วทีพ่อของฉันทำไมแกไม่คิดจะปล่อยไปล่ะ”
เมื่อพูดจบ เจียงฮ่าวใช้แขนข้างหนึ่งจับคอของหงเหลียงยกขึ้นมา ก่อนที่เขาจะต่อยหงเหลียงไปที่ท้องหนึ่งหมัด
“ตูมมมม”
“อ้าคคคค…”
หมัดนี้ทำให้หงเหลียงกระเด็นลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง มันเจ็บปวดจนต้องงอตัวเป็นกุ้งและแทบจะม้วนตัวเป็นก้อนกลมในทันที พลางอ้วกออกมาอย่างไม่หยุด
“แล้วคนอย่างแกยังมีหน้ามาเก็บค่าคุ้มครองอีกเนี่ยนะ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาเลยรีไง”
“ตูมมม”
หลังจากพูดจบ เจียงฮ่าวได้ลากคอหงเหลียงขึ้นยืนแล้วต่อยไปอีกหนึ่งหมัด
หลังจากโดนหมัดนี้เข้าไป หงเหลียงกระเด็นลงไปนอนแผ่หลาในทันที ไม่ใช่เพราะว่ามันสลบแต่อย่างใด มันแค่เจ็บปวดจนหมดแรงจะขยับเขยื้อนไปก็เท่านั้น
เจียงฮ่าวนั้นไม่ได้มีความคิดจะฆ่ามันด้วยตัวเองจึงคิดที่จะรามือในตอนนี้
แต่ก่อนจะจากไป เขามองไปยังหงเหลียงที่ตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแต่ยังพอจะมีสติอยู่ เขาจึงได้กล่าวคำเตือนไปยังหงเหลียงด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความอำมหิต
“จำไว้ว่า หากฉันเห็นแกเก็บค่าคุ้มครองอีก ฉันจะหักขาแกทิ้ง แต่แกไม่ต้องเชื่อฉันก็ได้นะ”
เมื่อพูดจบ เจียงฮ่าวเดินไปหยิบท่อนเหล็กที่หงเหลียงใช้เมื่อครู่นี้ขึ้นมา ภายใต้ใบหน้าที่หวาดกลัวของหงเหลียงนั้น เจียงฮ่าวได้ทำการมัดท่อนเหล็กนั้นให้เป็นก้อน ก่อนที่จะเขวี้ยงให้มันไปตกที่หน้าหงเหลียงจนบังเกิดเสียงตกกระทบดังลั่น
และในตอนนี้ นอกจากสีหน้าของมันที่กำลังตกตะลึงและสะพรึงกลัวนั้น ใจนักเลงของมันได้มลายสิ้น
“…….”
เมื่อกลับถึงบ้าน เจียงฮ่าวยังเห็นเจียงไซหยวนยังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านอยู่อย่างไม่รู้เรื่องราว เขาจึงได้แอบกลับเข้าไปในห้องนอนของตนแล้วทำการโทรหาแม่ของตนเพื่อสอบถามอาการของพ่อของเขา
หลังจากพูดคุยกับแม่ของเขาอยู่พักหนึ่งก็ได้วางสายไป
เจียงฮ่าวได้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของเขาแล้วก็หลับสนิทไปในทันที
วันนี้ เจียงฮ่าวเหนื่อยกับเรื่องมากมายที่ได้เกิดขึ้น เหนื่อยจากความประหลาดใจในการคงอยู่ของระบบฯ เหนื่อยจากการที่ต้องช่วยสาวงาม เหนื่อยจากการได้รับข่าวว่าพ่อของตัวเองได้รับบาดเจ็บ เหนื่อยจากการช่วยรักษาพ่อของตน และที่เหนื่อยที่สุดคงหนีไม่พ้นการล้างแค้นให้พ่อของตน
หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมายในหนึ่งวัน ถึงแม้ว่าจิตใจของเขาในตอนนี้จะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ยังเกินกว่าที่เขาใจตอนนี้จะรับมือไหว
ค่ำคืนที่เงียบสงบได้ผ่านไป เช้าวันถัดมา เจียงฮ่าวได้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะเรียกน้องสาวให้เตรียมตัวไปโรงเรียน
หลังจากมาถึงห้องเรียน นักเรียนที่อยู่ในห้องก่อนแล้วกำลังคุยกันอย่างจอแจและสนุกสนาน
เจียงฮ่าวได้หันไปดูกระดานดำและได้รับรู้ว่าในวันนี้เขามีเรียนวิชาฟิสิกข์ หลังจากนั้นจะต่อด้วยวิชาภาษาอังกฤษไปเลย เรียกได้ว่าเจอแต่วิชาหนักๆทั้งนั้น
เจียงฮ่าวเมื่อได้รู้อย่างนี้แน่นอนว่าย่อมเตรียมตัวเอาไว้
เขาได้นำหนังสือเรียนหลากหลายวิชาออกจากกระเป๋าเพื่อทำให้ระบบย่อยสลาย สังเคราะห์ และหลอมรวมพวกมันทั้งหมด
หลังจากที่ย่อยสลายและสังเคราะห์หนังสือเรียนแต่ละเล่มไปแล้ว ก็ได้ปรากฎคริสตัลแห่งความรู้มากมายในจิตสำนึกของเขา
หลังจากหลอมรวมทั้งหมดได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน เจียงฮ่าวก็ได้บรรลุถึงความรู้ระดับม.ปลายจนกลายเป็นสุดยอดนักเรียนม.ปลายไปเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่เจียงฮ่าวกำลังดื่มด่ำไปกับความรู้มากมายที่พึ่งจะได้รับมานั้น
ตอนนี้เองที่ได้มีสาวสวยคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในห้องเรียนของเขา
เธอมองไปมาในห้องราวกับกำลังหาใครสักคน
เธอก็คือซ่งหว่านเอ๋อที่เจียงฮ่าวได้ช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อวานนั่นเอง
“ลุงไฮ่บากว่าเด็กคนนั้นอยู่ม.สามห้องแปดนี่นา ทำไมฉันไม่เห็นเลยล่ะ”
ซ่งหวานเอ๋อนั้นโด่งดังมากในโรงเรียนนี้ แน่นอนว่าเด็กในห้องแปดเกือบทุกคนย่อมรู้จักเธอ
“เฮ้ ดูนั่นสิ นั่นมันลูกสาวของราชาหยกแห่งเจียเป่ย…ซ่งหว่านเอ๋อไม่ใช่เหรอน่ะ”
“ใครนะ ซ่งหว่านเอ๋อเหรอ ไหน ไหน อยู่ไหนกัน”
“เธอมาทำอะไรที่นี่ ดูเหมือนเธอกำลังมองหาใครอยู่นะ”
“หวา…. ใครกันนะที่ชนะใจเธอได้กัน คนที่ชนะใจเธอได้นี่ไม่ได้ต่างจากหนูตกถังข้าวสารเลยนะ”
“……………”