ตอนที่ 432 หมั้นหมาย(1)
ตอนที่ 432 หมั้นหมาย(1)
หลังจากคิดเรื่องพวกนี้แล้ว เซี่ยเหยียนซุ่นก็อดถอนหายใจไม่ได้ ตอนนี้มองเห็นผลประโยชน์ที่แท้จริงวางอยู่ตรงหน้า จึงเริ่มเปลี่ยนความคิดของตัวเอง อา…ตอนนี้มันกลายเป็นจริงแล้ว เมื่อนึกถึงตัวเองตอนที่คัดค้านเจี่ยงสือเหิงก่อนหน้านี้ พอมาถึงตอนนี้ เขากลับรู้สึกเขินอายจนหน้าแดง
ฉินมู่หลานไม่ทราบว่าเซี่ยเหยียนซุ่นกำลังคิดอะไรอยู่ เธอยิ้มพลางหันมองโม่คุนแล้วกล่าว “รัฐมนตรีโม่คะ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องสัญญาการร่วมงานกันเลยดีกว่าค่ะ”
“ได้ครับ”
โม่คุนฟังคำพูดของฉินมู่หลานพลางพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วกล่าว “เอาล่ะ ตอนนี้เรามาคุยกันเถอะครับ”
ขณะที่พูดถึงเรื่องสัญญาการร่วมงาน ฉินมู่หลานไมได้พูดอะไรมาก ปล่อยให้ผู้อาวุโสเป็นคนดำเนินการเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากบอกไปแล้วว่าครั้งนี้เป็นการร่วมงานระหว่างตระกูลเซี่ยและทางกองทัพ เช่นนั้นก็ควรให้ตระกูลเซี่ยตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนข้อตกลงระหว่างเธอกับตระกูลเซี่ยนั้นเป็นส่วนที่จะพูดกันระหว่างเธอกับตระกูลเซี่ย
โม่คุนให้สำคัญกับยาที่ฉินมู่หลานเป็นผู้พัฒนามาก ดังนั้นขณะที่พูดคุยกับผู้อาวุโส เขาจึงเสนอผลประโยชน์ให้ไม่น้อย
เซี่ยเหยียนซุ่นเองก็มองออกอยู่แล้ว ต้องขอชื่นชมความเก่งกาจของฉินมู่หลาน จึงทำให้โม่คุนยอมรับ เขาจึงพลอยได้คุณค่าไปด้วย ทั้งสองฝ่ายเจรจาเรื่องการร่วมงานกันด้วยบรรยากาศกลมเกลียวเป็นอย่างมาก
“ผู้อาวุโส ถ้าอย่างนั้นก็หวังว่าการร่วมงานของเราจะผ่านไปด้วยดีนะครับ” โม่คุนเอ่ยแล้วยื่นมือออกไปจับมือกับเซี่ยเหยียนซุ่น แล้วนำเอกสารออกมา ให้เซี่ยเหยียนซุ่นลงนามโดยตรง
เซี่ยเหยียนซุ่นไม่ได้ลงนามในทันที แต่อ่านพิจารณาก่อน
ตอนนี้ฉินมู่หลานก็ก้าวเดินมาข้างหน้าและอ่านเอกสารทั้งหมดเช่นกัน ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รัฐมนตรีโม่ ข้อตกลงในสัญญานี้เหมือนกับก่อนหน้าทุกอย่าง ไม่มีความแตกต่างเลยจริง ๆ ค่ะ”
โม่คุนได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วกล่าว “ต้องเหมือนเดิมอยู่แล้วครับ เพราะเป็นสัญญาร่วมงานกัน”
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสก็เกือบอ่านเสร็จแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงลงนามตัวเองทันที จากนั้นก็หันมองโม่คุนพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “รัฐมนตรีโม่ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”
ตอนนี้เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าตระกูลของพวกเขาจะได้ร่วมงานกับโม่คุนได้ หลังจากทั้งสองพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ โม่คุนก็ขอตัวกลับไป และผู้อาวุโสก็ได้ออกไปส่งเขาด้วยตัวเอง
หลังจากโม่คุนกลับไปแล้ว สุดท้ายเซี่ยฉางเจี๋ยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังก้อง
“ฮ่าๆๆ…ดีเหลือเกิน ตระกูลของเราได้ร่วมงานกับทางกองทัพจริง ๆ ด้วย ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้มานานหลายปีแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากเลย”
เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยฉางเจี๋ยเป็นแบบนี้ เซี่ยเหยียนซุ่นก็อดบอกกล่าวด้วยรอยยิ้มเสียไม่ได้ “เอาล่ะฉางเจี๋ย ดูสิแกดีใจออกนอกหน้า ไปอยู่ข้างนอกจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ”
“คุณพ่อ อยู่ข้างนอกผมไม่ทำแบบนี้หรอกครับ วันนี้ผมก็แค่รู้สึกมีความสุขมาก หลังจากตระกูลหยวนขึ้นมาแซงหน้า พวกเราก็โดนโค่นลง ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ภูมิใจบ้างแล้ว”
อันที่จริงเซี่ยเหยียนซุ่นก็ดีใจ แต่ทราบดีว่าทั้งหมดเป็นผลงานของฉินมู่หลาน จึงหันไปมองแล้วกล่าวขึ้น “มู่หลาน ขอบคุณที่สร้างโอกาสนี้ให้ตระกูลของพวกเรานะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบยิ้มแล้วโบกมือ พลางกล่าว “ผู้อาวุโสคะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ พวกเราก็แค่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน อย่าลืมเรื่องที่สัญญาเอาไว้ก่อนหน้านี้นะคะ”
“วางใจ พวกเราตกลงกันเอาไว้แล้ว เช่นนั่นจะต้องทำตามข้อตกลงแน่นอน อันที่จริงฉันไปดูมาแล้ว อีกสามวันเป็นฤกษ์ดี ให้ปิงชิงกับเจี่ยงสือเหิงหมั้นหมายกันได้เลย” เป็นเรื่องยากที่เซี่ยฉางเจี๋ยจะให้คำมั่นในเรื่องนี้ แต่เขาก็ทำตามคำพูด
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับพ่อบุญธรรมนะคะ”
ขณะเฝ้ามองแผ่นหลังของฉินมู่หลานขณะเดินจากไป เซี่ยเหยียนซุ่นก็หันมองเซี่ยฉางเจี๋ยแล้วพูดกล่าว “ฉางเจี๋ย เริ่มเตรียมจัดงานหมั้นของปิงชิงได้เลย ถึงแม้เวลาจะกระชั้นชิดไปหน่อย แต่เราก็ต้องจัดให้ดี วันนี้ฉันจะทำรายชื่อแขกออกมา ถึงเวลาแกก็ให้คนเอาคำเชิญไปส่ง”
เซี่ยฉางเจี๋ยได้ยินแบบนี้ก็รีบพยักหน้าแล้วตอบรับ “ครับ คุณพ่อ”
อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานกลับไปถึงหลังบ้าน ก็ตรงไปที่ห้องของเจี่ยงสือเหิงทันที
“พ่อบุญธรรมคะ โม่คุนเพิ่งมาเมื่อกี้เองค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็พอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้แล้ว “โม่คุนมาตกลงเรื่องร่วมงานกันใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ตกลงร่วมงานกับตระกูลเซี่ยเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่ผู้อาวุโสกับเซี่ยฉางเจี๋ยสัญญาเอาไว้ก็ต้องเป็นไปตรามนั้น” หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็หันมองเจี่ยงสือเหิงแล้วเอ่ยถาม “จริงสิ พ่อคะ ลืมถามพ่อไปเลย ปิงชิงว่ายังไงบ้างคะ หล่อนตกลงจะหมั้นไหม?”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แววตาของเจี่ยงสือเหิงก็ฉายแววรอยยิ้มอย่างมิอาจหลบซ่อนได้
“ปิงชิงตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเราสองคนจะได้หมั้นกันเร็ว ๆ นี้แหละ”
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย ฉันได้ยินว่าเซี่ยฉางเจี๋ยบอกว่าไปดูฤกษ์มาแล้ว อีกสามวันหลังจากนี้เป็นฤกษ์ดี ตระกูลเซี่ยจะรีบจัดพิธีหมั้นหมายให้พวกพ่อโดยเร็วที่สุดค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย
“อะไรนะ…ทำไมเร็วขนาดนี้ พ่อยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยนะ”
“พ่อคะ ถ้าอย่างน้้นตอนนี้พ่อเริ่มเตรียมตัวเลยค่ะ” เธอเองก็ไม่ค่อยทราบเรื่องนี้เหมือนกัน จึงอดพูดโน้มน้าวเสียไม่ได้ “หรือไม่พ่อก็ลองไปถามแม่กับแม่สามีของฉันดูก็ได้ค่ะ ลองดูว่าเรื่องงานหมั้นหมายทางฝ่ายชายต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง?”
“ได้ เดี๋ยวเราไปถามกัน”
อันที่จริงเจี่ยงสือเหิงก็ไม่ทราบเรื่องนี้ดีนัก จึงรีบตามฉินมู่หลานไปหาซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือ
ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือยังไม่ทราบเรื่องนี้ เมื่อได้ยินว่าเจี่ยงสือเหิงกับเซี่ยปิงชิงจะหมั้นหมายกันในอีกสามวันข้างหน้า สีหน้าก็ดูตกใจสุดขีด “อะไรนะ…พวกเธอจะหมั้นกันแล้ว ครอบครัวปิงชิงเห็นด้วยแล้วเหรอ?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “แม่คะ พวกแม่วางใจได้เลยค่ะ คนในครอบครัวปิงชิงเห็นด้วยหมดแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ต่อให้ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือจะรู้สึกสงสัยว่าทำไมตระกูลเซี่ยจึงเปลี่ยนความคิดเร็วเช่นนี้ แต่พวกหล่อนก็ยังร็สึกดีใจกับเจี่ยงสือเหิง “ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย ในเมื่อเวลากระชั้นชิดมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้กันเลยเถอะ”
เจี่ยงสือเหิงพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนพี่สะใภ้ทั้งสองด้วยนะครับ”
“ไม่รบกวนหรอก พวกเราก็ดีใจกับเธอนะ”
เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดตบไหล่เจี่ยงสือเหิงแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “สือเหิง ยินดีด้วยนะ”
“พี่เซี่ย พี่ฉิน ขอบคุณมากครับ”
หลายคนพูดเสร็จก็ลงมือดำเนินการทันที หลังจากนั้นฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งสองพี่น้องก็โดนปล่อยทิ้งไว้ให้ดูแลพวกเด็ก ๆ ส่วนคนอื่นออกไปข้างนอกกันหมด พวกเขาต้องเตรียมของมากมาย วันนี้จึงไม่รู้ว่าจะเตรียมได้มากน้อยแค่ไหน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเซี่ยฉางเจี๋ยมาถึงลานฝั่งหน้าบ้าน ก็ตรงไปหาภรรยาทันที เขาบอกเรื่องการหมั้นหมายของลูกสาวคนเล็กกับเจี่ยงสือเหิง
“อะไรนะ…จะหมั้นจริงเหรอ?”
ถึงแม้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนสามีกับหล่อนจะโกรธมาก แต่เมื่อได้ยินข่าวเรื่องนี้ หล่อนก็ยังรู้สึกรับไม่ได้อยู่บ้าง “พวกคุณจะให้หมั้นกับเจี่ยงสือเหิงจริงเหรอ เขาอายุน้อยกว่าคุณไม่เท่าไหร่เองนะ”
“เอาเถอะ เรื่องนี้ผมกับพ่อตกลงกันแล้ว เพราะฉะนั้นรีบเตรียมตัวให้พร้อม อีกอย่างคุณก็มองออกนี่ว่าปิงชิงชอบเจี่ยงสือเหิงนั่นมาก หล่อนคัดค้านเรื่องงานแต่งที่พวกเราเตรียมเอาไว้ให้เสียขนาดนั้น”
เซิงลี่ทราบดีว่าลูกสาวคนเล็กไม่ได้ชอบเฟิงจื่อจวิ้น และหล่อนรู้สึกว่าเฟิงจื่อจวิ้นดีกว่าเจี่ยงสือเหิงมากนัก
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ต้องถามตัวเองก่อนค่ะคุณแม่ ว่าอยากให้ลูกแต่งหรืออยากให้ใครแต่ง บางทีก็ไม่ควรเอาความคาดหวังของตัวเองไปใส่ลูกนะ
ไหหม่า(海馬)