ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 434 กลับปักกิ่ง(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 434 กลับปักกิ่ง(1)

ตอนที่ 434 กลับปักกิ่ง(1)

เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นเฟิงชางเหล่ยกับเฟิงจื่อจวิ้นสองพ่อลูกเดินเข้ามา ก็รีบก้าวไปหา เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าบ้านเฟิง ยินดีต้อนรับครับ เชิญข้างในเลยครับ”

เฟิงชางเหล่ยได้ยินแบบนี้ก็ขยับปากยกยิ้ม แล้วเอ่ย “ผมยังไม่ได้แสดงความยินดีเลย ยังไงก็ยินดีกับงานหมั้นของลูกสาวนะครับ และยินดีที่ได้ร่วมงานกับรัฐมนตรีโม่อย่างสมใจอยากด้วย”

ถึงแม้ว่าหน้าตาจะยิ้มแย้ม แต่รอยยิ้มกลับไม่ฉายแววในดวงตา

ส่วนเฟิงจื่อจวิ้นตรงไปตรงมามากกว่า เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก “คุณอาเซี่ย ผมไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะเห็นด้วยกับปิงชิงและเจี่ยงสือเหิง พวกคุณไม่คิดว่าเจี่ยงสือเหิงแก่เกินไปเหรอครับ พวกคุณไม่ได้นึกถึงปิงชิงบ้างเหรอ”

เซี่ยฉางเจี๋ยยังไม่ทันได้พูด เซี่ยปิงชิงก็เดินเข้ามาเสียก่อน หล่อนมองเฟิงจื่อจวิ้นด้วยสายตาเย็นชาแล้วกล่าว “ฉันก็แค่ชอบเจี่ยงสือเหิงและไม่เห็นรู้สึกว่าเรื่องอายุเป็นปัญหา แล้วนายจะสนใจทำไม”

“เธอ…”

เฟิงจื่อจวิ้นเห็นว่าเซี่ยปิงชิงกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า สีหน้าจึงยับยู่น่าเกลียดมาก

ในตอนนั้นเอง เจี่ยงสือเหิงก็เดินเข้ามา เขาแสดงความเป็นเจ้าของโดยการจับมือเซี่ยปิงชิงเอาไว้ ก่อนจะหันมองเฟิงชางเหล่ยกับเฟิงจื่อจวิ้นด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าว “ยินดีต้อนรับเจ้าบ้านเฟิงเข้าสู่งานหมั้นของเราครับ เชิญด้านในได้เลยครับ”

เฟิงชางเหล่ยจ้องมองเจี่ยงสือเหิงครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า ซ้ำยังยิ้มให้พวกเขาสองพ่อลูก ทำให้ทราบว่าชายตรงหน้าไม่ธรรมดา เขาจึงไม่พูดอะไรมาก แล้วพาลูกชายเดินเข้าไปข้างในทันที

เซี่ยฉางเจี๋ยยกยิ้มแล้วนำทางทั้งสองไปยังที่นั่งของตัวเอง

หลังจากเฟิงจื่อจวิ้นนั่งลง เขาก็หันไปมองพ่อแล้วพูดอย่างอดไม่ได้ “พ่อ ทำไมพ่อถึงห้ามผมล่ะ ผมยังคุยกับปิงชิงไม่จบเลย หล่อนทำตัวหน้าด้านอย่างนั้นได้ยังไง แสดงความรักต่อหน้าสาธารณะแบบนั้น แล้วยังชอบผู้ชายอายุมากขนาดนั้นอีก หล่อนกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”

“จื่อจวิ้น เซี่ยปิงชิงชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าหล่อนขนาดนั้น ก็เลยไม่ชอบแก เพราะฉะนั้นแกยังต้องคุยอะไรอีก”

“พ่อ…”

เฟิงจื่อจวิ้นมองพ่อตัวเองอย่างเหลือเชื่อ “ทำไมพ่อถึงพูดกับผมแบบนี้ล่ะ พ่อคิดว่าผมเทียบหมอนั่นไม่ได้เหรอ”

หากเฟิงจื่อจวิ้นไม่ใช่ลูกชายตัวเอง เขาก็อยากจะบอกว่าเขาเทียบเจี่ยงสือเหิงไม่ได้เลยสักนิด อย่างน้อยเจี่ยงสือเหิงก็ไม่พูดจาแบบนี้ต่อหน้าาธารณะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นลูกชายที่ตัวเองฟูมฟักมา จึงได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าว “จื่อจวิ้น พ่อไม่ได้หมายความแบบนั้น ที่พ่อหมายถึงก็คือ ปิงชิงก็เป็นแบบนี้แล้ว แล้วหล่อนจะมาชอบแกอีกได้ยังไง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เฟิงจื่อจวิ้นก็อดพูดไม่ได้ “ผมก็ไม่ได้ชอบหล่อนมากขนาดนั้นหรอก ผมแค่รู้สึกไม่พอใจว่าตัวผมมีอะไรด้อยกว่าตาแก่นั่น”

“จื่อจวิ้น แกก็คือแก ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นหรอก ทำให้ปิงชิงเห็นก็พอว่าหล่อนเลือกคนผิด”

เมื่อได้ฟังคำพูดของพ่อ เฟิงจื่อจวิ้นก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

นอกจากพวกเขาสองพ่อลูก หยวนเหยียนหลินก็มาด้วย เมื่อเขาเห็นเซี่ยฉางเจี๋ย ก็แสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ฉางเจี๋ย ยินดีกับงานหมั้นของคุณด้วยนะ” แต่หลังจากเขาพูดจบ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดเรื่องโม่คุนแทน “ได้ยินว่าตระกูลของพวกคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐมนตรีโม่ แถมยังตกลงร่วมงานกับทางกองทัพได้ด้วย ก็ไม่รู้ว่ารัฐมนตรีโม่จะมาร่วมงานหมั้นของลูกสาวคุณหรือเปล่า”

เซี่ยฉางเจี๋ยได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วเอ่ย “เจ้าบ้านหยวนพูดจาขบขันแล้ว ตระกูลของเรามีอะไรให้สานสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับรัฐมนตรีโม่กัน ก็แค่โชคดีเท่านั้น ผ่านขั้นตอนตามแบบทดสอบทุกอย่าง จนสุดท้ายได้ร่วมงานกับรัฐมนตรีโม่ อาจเพราะตระกูลเซี่ยของเราพัฒนายาตัวใหม่ได้คุณภาพดีด้วย เลยเป็นเหตุให้รัฐมนตรีโม่เลือกที่จะร่วมงานกับพวกเรา”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หยวนเหยียนหลินก็อดหัวเราะไม่ได้

เขาไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าเซี่ยฉางเจี๋ยจะหน้าด้านได้ขนาดนี้ กล้าพูดคำพวกนี้ออกมาได้โดยไม่ละอายใจ ใครบ้างจะไม่รู้ว่าสูตรยาของตระกูลเซี่ยนั้นเหลือน้อยเต็มที ไม่มีสูตรยาดี ๆ อะไรหลงเหลืออยู่แล้ว หากครั้งนี้ไม่ได้พึ่งพาฉินมู่หลาน พวกเขาจะยังสามารถร่วมงานกับโม่คุนได้อีกเหรอ

เพียงแต่ไม่รอให้หยวนเหยียนหลินทันพูด น้ำเสียงอันไพเราะของโม่คุนก็ดังแว่วเข้ามา

“พูดถูกแล้ว ขอเพียงมีคุณภาพดี ก็จะได้ร่วมงานกับพวกเรา ครั้งนี้พวกเรายุติธรรมมาก เปรียบเทียบประสิทธิภาพของยาทุกด้าน สุดท้ายตระกูลเซี่ยจึงถูกเลือก เพราะฉะนั้นขอเจ้าบ้านหยวยอย่าได้ขุ่นเคืองกันเลย”

หยวนเหยียนหลินหันกลับมาเจอโม่คุน จึงรีบบอกกล่าวทันที “รัฐมนตรีโม่ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับ”

โม่คุนได้ยินแบบนี้ก็พูดพร้อรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นก็ดีครับ”

เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นว่าโม่คุนก็มาด้วย สีหน้าจึงดูแปลกใจไป “รัฐมนตรีโม่ เชิญด้านในครับ คุณพ่อของผมนั่งอยู่ทางหัวโต๊ะ หากท่านทราบว่าคุณมาด้วยก็คงดีใจมาก”

โม่คุนยิ้มแล้วโบกไม้โบกมือพลางกล่าว “วันนี้ไม่เพียงแค่เป็นงานหมั้นของลูกสาวคุณเท่านั้น แต่ยังเป็นงานหมั้นของพ่อบุญธรรมมู่หลานด้วย ยังไงผมก็ต้องมาอยู่แล้วครับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็อดถามไม่ได้ “จริงสิ แล้วมู่หลานล่ะครับ?”

“มู่หลานก็อยู่ตรงแถวหัวโต๊ะเหมือนกันครับ หล่อนกำลังช่วยรับแขก”

“ถ้าอย่างนั้นดีเลย เดี๋ยวผมรีบไปหาหล่อน”

เมื่อเห็นว่าโม่คุนอยากพบฉินมู่หลาน เซี่ยฉางเจี๋ยจึงรีบนำทางไปทันที

เห็นแผ่นหลังของเซี่ยฉางเจี๋ยและโม่คุนเดินจากไป แววตาของหยวนเหยียนหลินก็ดูครุ่นคิดพิจารณา นอกจากนี้ยังตระหนักได้ว่าฉินมู่หลานมีอำนาจมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ การที่โม่คุนมาที่บ้านตระกูลเซี่ยแล้วไม่ได้อยากพบผู้อาวุโสเซี่ยแต่มาหาฉินมู่หลานแทน นั่นแสดงให้เห็นว่าฉินมู่หลานมีความสำคัญต่อโฒ่คุนมากขนาดไหน

“เหยียนหลิน คุณก็มาเหรอ รีบเข้ามานั่งก่อน”

ทันทีที่เฟิงชางเหล่ยเห็นหยวนเหยียนหลิน ก็รีบเชิญเขาเข้ามานั่ง

หลังจากหยวนเหยียนหลินได้สติกลับมาแล้ว ก็เดินตรงไปทางสองพ่อลูกตระกูลเฟิง “ชางเหล่ย พวกคุณก็มาเหรอ”

“ใช่แล้ว ตระกูลเซี่ยมีเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ พวกเราต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว ถึงอย่างไรพวกเราก็ล้วนเป็นสหายตระกูลใหญ่กัน” เฟิงชางเหล่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถาม “เหมือนเมื่อกี้จะเห็นรัฐมนตรีโม่นะ เขาก็มาด้วยเหรอ?”

หยวนเหยียนหลินพยักหน้าบอกกล่าว “ใช่ รัฐมนตรีโม่ก็มา เขามาถึงก็ตรงไปหาฉินมู่หลานเลย ดูเหมือนว่าคุณหนูจากตระกูลเซี่ยตระกูลรองจะมีอำนาจมากจริง ๆ รัฐมนตรีโม่จึงให้ความสำคัญกับหล่อนเช่นนี้”

“ใช่แล้ว คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคนที่มีอำนาจขนาดนี้จะอยู่ในตระกูลเซี่ยตระกูลรอง”

อีกด้านหนึ่ง เมื่อฉินมู่หลานได้พบโม่คุน เธอก็รีบทักทายพร้อมรอยยิ้ม “รัฐมนตรีโม่ ยินดีต้อนรับค่ะ”

“หมอฉิน ยินดีด้วยครับ”

“ขอบคุณค่ะรัฐมนตรีโม่”

วันนี้ฉินมู่หลานรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน พ่อบุญธรรมหน้าชื่นตาบานตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงตอนนี้รอยยิ้มตรงมุมปากของเขาไม่จางหายไปเลย แสดงให้เห็นว่าเขามีความสุขมากขนาดไหน

โม่คุนเห็นฉินมู่หลานดูมีความสุขแบบนี้ จึงอดยิ้มไม่ได้ “พ่อบุญธรรมของคุณเป็นคนหมั้น ทำไมคุณดีใจขนาดนี้”

“ฉันดีใจไปกับพ่อบุญธรรมค่ะ”

ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นตาม “ใช่ค่ะ พวกเราต่างดีใจกันหมด ในที่สุดสือเหิงก็มีคนรักแล้ว และในที่สุดก็ได้หมั้นกัน นี่ถือเป็นเรื่องดีทีเดียว”

แม้แต่เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อก็ล้วนมีความสุข พวกเขารู้จักเจี่ยงสือเหิงมานานมากแล้ว จึงนับว่าเขาเป็นคนในครอบครัวมานาน ตอนนี้คนในครอบครัวกำลังจะหมั้นหมาย พวกเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ปิงชิงเด็ดมาก ปฏิเสธแบบใช้ไม้อ่อนแล้วไม่ยอมฟังก็ต้องเจอฉีกหน้าแบบนี้แหละ ผู้ชายกลัวที่สุดคือกลัวเสียหน้า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท