ตอนที่ 436 ความผิดปกติของเหมาชุนเถา(1)
ตอนที่ 436 ความผิดปกติของเหมาชุนเถา(1)
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงยิ้มมีความสุข ฉินมู่หลานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “พ่อคะ ตอนนี้พ่อดีใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ ดีใจจนแทบหาทิศหาทางไม่เจอเชียว”
เจี่ยงสือเหิงก็ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่แล้ว วันนี้พ่อมีความสุขมากเลย” เขาไม่คิดว่าตนจะได้หมั้นกับเซี่ยปิงชิงได้ราบรื่นขนาดนี้ หลังจากนี้พวกเขาจะเป็นเพียงคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานเท่านั้น แล้วก็จะได้กลายมาเป็นคู่รักกันจริง ๆ แต่ทั้งนี้เขาก็ทราบดีว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉินมู่หลาน
เมื่อคิดได้แบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็ขอบคุณอย่างจริงจัง
“มู่หลาน ขอบคุณลูกมากนะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วโบกมือพลาบอกกล่าว “พ่อคะ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกันฉันเลย เป็นเพราะปิงชิงเลือกพ่อด้วย ต่อไปพ่อต้องดีกับปิงชิงให้มาก ไม่อย่างนั้นแล้ว ต่อให้พ่อเป็นพ่อบุญธรรมของฉัน ฉันก็จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้ปิงชิงค่ะ”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ “พ่อทำดีกับปิงชิงอยู่แล้ว และจะดีกับหล่อนตลอดไป”
ตอนแรกเขารู้สึกว่าสาวน้อยคิดผิดที่มาตามตื๊อเขา แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำดีกับหล่อน
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ ฉันเองก็เชื่ออยู่แล้วว่าพ่อบุญธรรมจะดูแลปิงชิงให้ดี”
เพราะตอนที่เจี่ยงสือเหิงมองเซี่ยปิงชิง แววตาของเขาไม่อาจเก็บซ่อนความรักอันลึกซึ้งได้เลย
หลังจากทั้งสองพูดคุยกันต่อสักพักก็แยกย้ายกันกลับห้องตัวเอง
กระทั่งวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็ไปบอกผู้อาวุโสเซี่ยว่าพวกเขาอีกหลายคนกำลังจะกลับปักกิ่งแล้ว
เซี่ยเหยียนซุ่นได้ยินแบบนี้ก็อดพูดไม่ได้ “พวกหลานไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ ปิงชิงกับสือเหิงเพิ่งหมั้นกันได้ไม่นานเอง ทำไมพวกหลานถึงรีบกลับกันจังล่ะ”
เซิงลี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย “ปิงชิงก็จะกลับไปกับพวกเขาด้วย”
หลังจากลูกสาวคนเล็กหมั้น หล่อนก็รู้สึกลังเล เนื่องจากมีคู่หมั้นแล้ว งานแต่งงานก็คงอีกไม่ไกลนัก เมื่อลูกสาวแต่งงานแล้วก็จะกลายเป็นครอบครัวของคนอื่น ครั้งหน้าหล่อนคงไม่สะดวกใจยิ่งกว่าตอนนี้แน่นอน หลังจากทราบว่าลูกสาวคนเล็กจะกลับปักกิ่งด้วย หล่อนจึงทั้งรู้สึกโกรธและไม่ค่อยเต็มใจนัก
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเหยียนซุ่นกับเซี่ยฉางเจี๋ยก็อุทาน “อ่อ….” อย่างช่วยไม่ได้ เดิมทีหล่อนก็ไม่ใช่นักศึกษาหญิง แล้วจำเป็นต้องกลับไปด้วยเหรอ
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของเซิงลี่ ก็รีบยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “คุณน้าเซิงคะ ไม่ใช่ว่าพวกเรารีบกลับหรอกค่ะ เป็นเพราะใกล้จะเปิดเรียนแล้ว พวกเราจึงต้องรีบกลับค่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยนั่งอยู่ข้างหลัง พูดขึ้นอย่างเร่งรีบ “ใช่ พวกเราใกล้จะเปิดเรียนกันแล้วค่ะ”
เซิงลี่ฟังสิ่งที่ลูกสาวคนโตบอก จึงหันไปจ้องมองหล่อน แล้วพูดขึ้น “แม่รู้ว่าลูกต้องไปเรียน แต่น้องสาวลูกไม่ได้เรียนด้วย แต่หล่อนก็รีบร้อนอยากที่จะไป พวกลูกสองพี่น้องนี่อยู่ไม่ติดบ้านกันเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ เซี่ยปิงหรุ่ยก็หุบปากหยุดพูดลงทันที เห็นได้ชัดว่าแม่กำลังโกรธเซี่ยปิงชิง หล่อนผู้ไม่เกี่ยวอะไรด้วยก็ควรหยุดพูดเสียดีกว่า
เซี่ยปิงชิงก็มองออกเหมือนกัน จึงอดหันไปมองเซิงลี่เสียไม่ได้ ก่อนจะกล่าว “แม่ หนูกับเจี่ยงสือเหิงหมั้นกันแล้ว ตามเขากลับปักกิ่งมันไม่สมควรตรงไหน ถ้าพวกเราโดนแยกกันหลังจากหมั้นแล้วแล้วความรู้สึกรักใคร่ต่อกันมันหายไป เราก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วนะ”
เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กพูดจารุนแรงแบบนี้ เซิงลี่ก็ได้แต่รู้สึกปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น
หล่อนรู้สึกว่าลูกสาวคนเล็กอาจยังไม่ค่อยเข้าใจ จึงกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่เมื่อเห็นสายตาและหัวใจของเจี่ยงสือเหิงที่เต็มไปด้วยลูกสาวคนเล็ก และลูกสาวคนเล็กก็มีความสุขที่ได้หมั้นหมายกับเจี่ยงสือเหิง หล่อนจึงรู้สึกว่าตัวเองคงคิดผิดไป แล้วปล่อยให้ลูกสาวคนเล็กพูดตามอำเภอใจ
“เอาเถอะ ในเมื่อตัดสินใจจะกลับไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นในสองวันนี้ก็เตรียมให้พร้อม ให้ครอบครัวของเรามาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสพูดแล้ว เซิงลี่จึงไม่พูดขัดอะไร ขณะเซี่ยฉางเจี๋ยก็ลุกขึ้นพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครับ ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลย ถึงตอนนั้นทุกคนคงมาร่วมสนุกด้วยกันมากมาย”
เพียงแต่หลังจากรีบทำงานเสร็จ เซี่ยฉางเจี๋ยก็สบโอกาสถามคำถามบางอย่างกับฉินมู่หลาน
“มู่หลาน ต่อให้เธอตั้งใจทำสูตรยานี้เป็นพิเศษขนาดถึงขั้นเขียนระบุเอาไว้ชัดเจนแล้วก็ตาม แต่พวกเราก็ยังมีข้อสงสัยบางส่วนเพิ่มเติม จึงอยากจะถามเธอสักหน่อย” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าฉินมู่หลานจะกลับไปแล้ว เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณอาเซี่ยคะ ฉันก็จะอธิบายให้คุณอาฟังเหมือนกันค่ะ ไม่ทราบว่าห้องสกัดยาของคุณอาอยู่ตรงไหนเหรอคะ ช่วงสองวันนี้ฉันจะสาธิตให้ดูเองค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของเซี่ยฉางเจี๋ยก็เต็มไปด้วยความสุข
“จริงเหรอ นั่นมันดีมากเลย ห้องสกัดยาของตระกูลเซี่ยเราอยู๋ทางภูเขาด้านหลัง ไป เดี๋ยวอาพาเธอไปเอง”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ค่ะ แต่ว่าเดี๋ยวฉันไปบอกคนในบ้านก่อนนะคะ”
หลังจากฉินมู่หลานบอกซูหว่านอี๋เจี่ยงสือเหิงแล้ว เธอก็ตามเซี่ยฉางเจี๋ยไปยังบริเวณส่วนบ้านตระกูลเซี่ยด้านหลังเขา ในตอนนี้เธอจึงได้ทราบว่าที่แท้ตระกูลเซี่ยก็มีสถานที่ผลิตยาตั้งอยู่บนหลังเนินเขานี่เอง ซึ่งเทียบได้กับโรงงานเล็ก ๆ เลยทีเดียว อุปกรณ์ภายในครบครัน มีอุปกรณ์การแพทย์ที่เอาไว้ใช้โดยเฉพาะอยู่เยอะมาก
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ แววตาก็เป็นประกายก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเริ่มกันเลยนะคะ”
“ได้ เดี๋ยวอาจะรีบไปตามคนที่มีหน้าที่ผลิตยาในบ้านมา ให้พวกเขาคอยดูวิธีการกลั่นยาจากเธอ”
หลังจากคนผลิตยาหลายคนมาถึง ฉินมู่หลานก็พบว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นคนตระกูลเซี่ยตระกูลหลักกันทั้งนั้น เธอเคยเจอผู้คนมากมายในวันงานเลี้ยงต้อนรับ แต่กลับมีอีกหลายคนที่เธอไม่เคยเห็น หลังจากเซี่ยฉางเจี๋ยเอ่ยแนะนำทีละคน เธอจึงได้เข้าใจว่าคนที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนนั้นล้วนยุ่งอยู่กับการกลั่นยา ไม่มีแม้แต่เวลาจะไปสังสรรค์
ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว ฉินมู่หลานจึงไม่รอให้เสียเวลาเช่นกัน หยิบยาที่เตรียมเอาไว้อยู่ใกล้ ๆ แล้วเริ่มอธิบายทันที ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องพูดอธิบายหลายครั้ง แต่กลายเป็นว่าเธอประเมินความสามารถของคนพวกนี้ต่ำเกินไป หลังจากเธอพูดไปเพียงครั้งเดียว คนพวกนี้ก็เข้าใจกันหมดแล้ว จนกระทั่งถึงเวลาลงมือทำจริง ส่วนใหญ่ก็กลั่นยาเม็ดออกมาได้หมด
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพลางกล่าว “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะเข้าใจกันหมดแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่ด้วย พวกคุณก็สามารถสกัดมันได้ภายในสองวันแน่นอนค่ะ”
เซี่ยฉางเจี๋ยได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ตอนแรกที่เขาทราบว่าฉินมู่หลานจะกลับแล้ว ในใจก็ยังเป็นกังวล ตอนนี้นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าลูกหลานตระกูลเซี่ยจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง ทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นยามาก การกลั่นยาเป็นเรื่องของเวลาก็จริง แต่ก็ต้องขอบคุณฉินมู่หลานด้วย พวกเขาจึงเชี่ยวชาญได้โดยเร็ว เซี่ยฉางเจี๋ยจึงเอ่ยขอบคุณอยู่ไม่ขาด
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “คุณอาเซี่ย ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วครั้งนี้ฉันก็ได้ประโยชน์ร่วมด้วย”
ตระกูลเซี่ยกับโม่คุนได้เจรจราข้อตกลงกันแล้ว ผู้อาวุโสก็ได้เจรจาข้อตกลงกับเธอเหมือนกัน
หลังจากได้ร่วมงานกับทางกองทัพแล้ว สามสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่ตระกูลเซี่ยได้รับจะถูกมอบให้กับฉินมู่หลาน ถึงแม้จะเป็นเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่หากนับเป็นจำนวนเงินจริงก็ถือว่าเยอะมาก โดยที่ฉินมู่หลานทำเพียงจดสูตรยาออกมาเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ก่อนหน้านี้ที่เธอเคยร่วมงาน รับรายได้เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ซึ่งจำนวนเพียงเท่านั้นก็น่าพอใจแล้ว จึงไม่ต้องพูดถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์นี้เลย
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ ฉินมู่หลานก็มีความคิดใหม่เข้ามาด้วย
“คุณอาเซี่ยคะ ไม่ทราบว่าคุณอาอยากร่วมงานอื่นกับฉันไหมคะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยฉางเจี๋ยก็เห็นด้วยอย่างไม่ต้องคิด “แน่นอนสิ ร่วมงานอะไร”
หลังจากพูดจบ แววตาของเขาก็เปล่งประกายอย่างตื่นเต้น
“จริง ๆ แล้วมันเป็นธุรกิจขนาดเล็กเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะสามารถสร้างกำไรได้หรือเปล่านะคะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนตระกูลเซี่ยฝีมือด้านเภสัชโหดกันทุกคนเลยแฮะ ประหยัดเวลาและตัดความยุ่งยากไปได้เยอะเลย
ไหหม่า(海馬)