ตอนที่ 440 รับทราบแล้ว(1)
ตอนที่ 440 รับทราบแล้ว(1)
เหมาชุนเถาได้ฟังคำพูดของฉินมู่หลาน สีหน้าก็ดูเบิกบานสดใสขึ้น “จริงเหรอมู่หลาน ฉันสามารถฟ้องขอเลี้ยงดุบุตรได้จริงเหรอ ฉันจะพาลูกมาอยู่เมืองหลวงได้จริง ๆ เหรอ?”
หลังจากพูดจบ ดวงตาของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นอีกครั้ง น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินลงมา
“ลองนับเวลาดู ฉันไม่ได้เจอลูกชายมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว ตอนแรกฉันรีบร้อนกลับไป แต่สุดท้ายสิ่งที่รอฉันอยู่กลับเป็นจุดจบแบบนั้น หลังจากฉันหย่า พวกเขาก็ไม่ให้ฉันเจอลูกชายเลย”
“ทำเกินไปแล้ว”
ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องของเหมาชุนเถา เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็รู้สึกโกรธมาก หล่อนคบค้ากับผู้คน ซ้ำยังรู้จักคนไม่น้อย เพียงแต่คนที่คบค้าด้วยล้วนสุดยอดทั้งนั้น จึงไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน
ถึงอย่างนั้นสือหยวนฝูก็ขมวดคิ้วแล้วหันมองเหมาชุนเถาพลางเอ่ยขึ้น “ถ้าสามีเก่าของเธออยากจะเอาลูกไว้ เธอก็ยกให้เขาไปเถอะ เธออยู่คนเดียวคงจะดีกว่าไหม และถ้าไม่มีลูกติด ต่อไปเธอก็จะแต่งงานได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เธอเป็นถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ต่อให้จะผ่านการหย่าร้างมาก็ยังเป็นที่ต้องการนะ”
“แต่ว่า…ฉันไม่เคยคิดที่จะแต่งงานอีกรอบเลย หากฉันฟ้องร้องแล้วเอาลูกชายมาอยู่ด้วยได้ ฉันก็แค่อยากจะเลี้ยงเขาให้เติบโตอย่างดีเท่านั้น”
ความคิดของเหมาชุนเถานั้นเรียบง่ายมาก
“หลังจากนี้ฉันจะไม่แต่งงานแล้ว ขอแค่มีลูกชายคนเดียวก็พอ พ่อเขากำลังจะแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องญาติห่าง ๆ นั่นแล้ว มีแม่เลี้ยงก็เท่ากับว่ามีพ่อเลี้ยง หากให้ลูกชายอยู่กับเขา ต่อไปคงลำบากแน่”
เมื่อเห็นเหมาชุนเถาพูดแบบนั้น สือหยวนฝูก็ส่ายหัวแล้วไม่พูดอะไรอีก ถึงอย่างไรความคิดของหล่อนกับเหมาชุนเถาก็ไม่เหมือนกัน จึงไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะอีกฝ่ายอาจจะทนฟังไม่ได้เช่นกัน
แต่คนอื่นล้วนเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเหมาชุนเถา แม้แต่เกาซุนชิวที่ไม่ค่อยพูดยังหันมองแล้วเอ่ยปากบอกเหมาชุนเถา “ถ้าเธออยากได้ลูกมา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปสู้มา พวกเราจะคอยช่วยเธอเอง ถึงตอนนั้นฉันจะช่วยเธอหาโรงเรียนประถมที่เหมาะให้ลูกชายของเธอได้ไปเรียน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหมาชุนเถาก็หันมองด้วยความแปลกใจ
“จริงเหรอซุนชิว?”
“จริงสิ”
เกาซุนชิวยกยิ้มบาง สีหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ “ฉันมีคุณอาทำงานอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยหาโรงเรียนประถมให้ได้สะดวกมาก”
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกมีความหวังในอนาคตข้างหน้า “ซุนชิว ขอบคุณเธอมากนะ”
“ไม่ตอ้งขอบคุณหรอก ทุกคนก็ต่างเป็นเพื่อนร่วมห้องพักกัน ควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ตอนนี้เฉินเซี่ยวอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น “ชุนเถา ให้ฉันช่วยหาบ้านเช่าให้นะ เธอวางใจ ฉันจะหาที่ราคาถูกให้”
“ได้ ขอบคุณนะเซี่ยวอวิ๋น”
ตอนแรกเหมาชุนเถารู้สึกว่าตนเป็นเพียงคนเดียวในหอพักที่สภาพคล่องไม่ค่อยดี ถึงแม้ว่าทุกคนจะล้วนเป็นมิตรต่อหน้าหบ้า แต่เบื้องหลังก็ไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น ไม่คิดว่าครั้งนี้เพื่อนร่วมห้องจะยอมช่วยเหลือตนถึงขนาดนี้ พวกเขาล้วนดีกันจริง ๆ
ถึงแม้ว่าสือหยวนฝูจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเหมาชุนเถา แต่ก็เคารพการตัดสินใจของหล่อน จึงเปิดปากพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นข้าเช่าบ้านของพวกเธอสองแม่ลูกเดี๋ยวฉันช่วยจ่ายให้ก่อน เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าใช้จ่าย”
“หยวนฝู นี่…”
ก่อนที่เหมาชุนเถาจะทันได้พูดอะไร สือหยวนฝูก็พูดขัดขึ้นก่อน “ถ้าเธอรู้สึกลำบากใจ เขียนสัญญามาก็ได้ รอจนกว่าเธอจะเรียนจบมีงานทำแล้วค่อยมาจ่ายคืนฉัน”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหมาชุนเถาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แล้วพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมก่อนจะเอ่ย “ได้ ขอบคุณมากนะหยวนฝู เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะไปเขียนสัญญากับเธอ พอหาเงินได้แล้วจะทยอยคืนเธอนะ”
“ได้”
สือหยวนฝูพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก ฐานะครอบครัวหล่อนดีมากจึงไม่เดือนร้อนเรื่องเงินเลย แต่หล่อนมองออกว่าเหมาชุนเถาใส่ใจเรื่องนี้มาก ดังนั้นจึงต้องทำให้เหมาชุนเถาสะดวกใจด้วย
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็อดยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นเสียไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันช่วยให้เธอได้ลูกคืนมาเอง” เธอเองก็มีลูกเหมือนกัน จึงจึงเข้าใจถึงความสำคัญที่แม่มีให้ลูก ในเมื่อเหมาชุนเถาอยากได้ลูกคืน เช่นนั้นเธอก็จะช่วยเต็มที่
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ก็หันมองฉินมู่หลานด้วยสีหน้าแปลกใจ “มู่หลาน เธอจะช่วยฉันทวงลูกคืนมาจริงเหรอ แต่ว่าบ้านเกิดของฉันอยู่ไกลจากเมืองหลวงมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไร ถึงเวลาฉันจะส่งคนไปเอง”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานบอกแบบนั้น เหมาชุนเถาก็รู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาเดี๋ยวฉันไปด้วย”
“ได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เห็นทุกคนพร้อมใจช่วยเหลือเหมาชุนเถา จึงอดพูดไม่ได้ “สำหรับเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะซื้อของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็กเอง เพื่อฉลองการที่เขาได้มาอยู๋กับแม่”
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ก็รีบพูดขึ้นทันที “ไม่ต้องหรอกปิงหรุ่ย สิ้นเปลืองเกินไป”
เซี่ยปิงหรุ่ยตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว
“ชุนเถา พวกหล่อนต่างช่วยกันหมด ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย ไม่อย่างนั้นฉันก็กลายเป็นคนนอกสิ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้หลังจากได้ยินแบบนี้ “เอาเถอะชุนเถา ให้ปิงหรุ่ยซื้อของขวัญเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหล่อนจะหาว่าเราผลักไสหล่อน”
คนอื่นได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ต่างพากันหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
ห้องพัก 201 แต่ไหนแต่ไรไม่เคยสามัคคีกันมาก่อน ตอนนี้ทุกคนต่างตั้งใจทำงานหนักเพื่อเหมาชุนเถา
หลังจากเลิกเรียนช่วงบ่าย ฉินมู่หลานก็ตรงกลับบ้านทันที เธอคิดจะไปหาคนแล้วให้ไปที่บ้านเกิดของเหมาชุนเถา เพื่อจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
หลังจากเหวินเฉียนทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ก็อดพูดไม่ได้ “พี่สะใภ้ จริง ๆ แล้วฉันนมีตัวเลือกดี ๆ อยู่นะคะ สามารถส่งเขาไปได้เลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดหันไปมองเสียไม่ได้ พลางเอ่ยถาม “ใครเหรอ?”
ตอนแรกเธอวางแผนว่าจะให้โหยวหย่งไป เพราะทางฝั่งของเหมาชุนเถาในตอนนี้ค่อนข้างดีกว่าอดีตสามีของเธอ ดังนั้นหากคิดจะนำลูกกลับมาคงไม่ยาก เพียงแต่บางพื้นที่ก็ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้เลย ซ้ำอำนาจในหมู่บ้านก็เป็นใหญ่ไม่แพ้กัน ครั้งนี้จึงต้องใช้วิธีการบางอย่าง
เหวินเฉียนเห็นฉินมู่หลานถามขึ้นมา จึงรีบบอกกล่าวทันที “ฉินจื้อเจียค่ะ เขาอยู่ที่ปักกิ่ง แล้วก็คบค้าอยู่กับผู้กองเซี่ยมาตลอด เขาเก่งเรื่องสืบสวน คลี่คลายปัญหาด้วยเหตุผล เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดว่าเขานี่แหละเหมาะที่สุด”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็นึกถึงฉินจื้อเจียเช่นกัน นอกจากนี้เขายังช่วยพวกเธอสืบเรื่องของเหยาจิ้งถงด้วย “แต่ว่า…เขาจะตกลงไปไหม”
“ตกลงสิ เขาเต็มใจช่วยอยู่แล้วค่ะ”
“แต่ตอนนี้อาหลี่ไม่อยู่ ฉันก็ไม่รู้จะติดต่อเขายังไงเหมือนกัน”
เหวินเฉียนได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นทันที “พี่สะใภ้ ฉันช่วยติดต่อให้ได้นะคะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอเขาค่ะ”
เมื่อเห็นเหวินเฉียนพูดถึงฉินจื้อเจียขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฉินมู่หลานก็อดถามไม่ได้ “เธอสนิทกับเขาเหรอ?”
“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่รู้จักค่ะ”
เหวินเฉียนรีบโบกมือปฏิเสธ หลังจากนั้นก็เดินออกไป “พี่สะใภ้ ฉันจะรีบติดต่อมานะคะ เดี๋ยวติดต่อผ่านทางโหยวหย่ง ถึงเวลาก็ให้พวกเขาสองคนไปด้วยกัน จะเพิ่มโอกาสของผลลัพธ์เป็นสองเท่าแน่นอนค่ะ”
เฝ้ามองเหวินเฉียนเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แววตาของฉินมู่หลานก็ส่อแววอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เธอรู้สึกว่าน้ำเสียงของเหวินเฉียนดูแตกต่างไปจากปกติเมื่อพูดถึงฉินจื้อเจีย เพียงแต่ในเมื่อเหวินเฉียนปฏิเสธหมดแล้ว เธอก็จะไม่พูดอะไรมาก
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตามไปทวงคืนลูกมาให้ได้น้า ให้เด็กอยู่กับครอบครัวแบบนั้นดูไม่เห็นอนาคตเลย
เฉินจื้อเจียหนุ่มในดวงใจของเหวินเฉียนหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)