ตอนที่ 444 ว้าวุ่น(1)
ตอนที่ 444 ว้าวุ่น(1)
เมื่อเห็นหน้าทุกคนดูสงสัย ฉินมู่หลานก็อดยิ้มพร้อมเอ่ยเสียไม่ได้ “ตอนบ่ายพวกเธอไม่มีธุระกันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ไปนั่งเล่นที่บ้านฉันได้นะ ถึงเวลาจะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน”
ได้ยินแบบนี้ หลายคนก็ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะพากันพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเที่ยวบ้านมู่หลานกัน”
พวกสือหยวนฝูกับเกาซุนชิวก็อยากเจอสามีของฉินมู่หลานเหมือนกัน หลังจากมู่หลานทราบ ก็รีบโบกมือแล้วพูดขึ้น “พ่อของลูกฉันไม่อยู่ที่ปักกิ่งหรอก คงต้องรออีกสักพักกว่าจะกลับมา”
หลายคนได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย คิดว่าวันนี้จะได้เจอ
แต่ก่อนที่จะไป พวกเฉินเซี่ยวอวิ๋นก็ได้แวะไปซื้อพวกผลไม้นิดหน่อย หากไปมือเปล่าคงดูไม่ค่อยดีนัก เหมาชุนเถาก็รู้สึกว่าคงไม่ดี เพราะหล่อนไม่ได้ช่วยออกข้าของที่ซื้อเลยสักนิด คนอื่น ๆ ก็ไม่ยอมให้หล่อนช่วยออกเงินเลย
สือหยวนฝูเหลือบมองหล่อนครู่หนึ่ง ก่อนจะพูด “เอาเถอะชุนเถา เธอไม่ต้องรู้สึกอะไรหรอก เอาไว้หลังจากหางานทำได้แล้ว แค่เลี้ยงอาหารพวกเราบ่อย ๆ ก็ได้”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหมาชุนเถาจึงจำใส่ใจเอาไว้ พยักหน้าด้วยความจริงจังแล้วพูดขึ้น “ได้ ถึงตอนนั้นฉันจะเลี้ยงอาหารพวกเธอแน่นอน”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเหมาชุนเถา ทุกคนก็อดหัวเราะไม่ได้
“ดี ๆ พวกเราจำเอาไว้แล้วนะ”
เหมาจี๋เซียงเดินตามหลังแม่ของเขาอย่างว่าง่าย ถึงแม้จะอายุยังน้อย แต่มีเหตุผลมาก แม้แต่สือหยวนฝูก็อดชื่นชมไม่ได้ “จี๋เซียงน้อยนี่เชื่อฟังจังเลย ชุนเถาไม่ต้องห่วงเรื่องไปโรงเรียนแล้วล่ะ พวกเธอสองแม่ลูกต้องออกไปเรียนพร้อมกันทุกวัน เลิกเรียนก็กลับบ้านพร้อมกัน เป็นเรื่องดี”
เหมาชุนเถาได้ยินบบนี้ก็ลูบหัวลูกชายแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว ฉันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครพาเขาไปช่วงกลางวันแล้ว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เกาซุนชิวก็อดมองเหมาชุนเถาแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ชุนเถา ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราพาจี๋เซียงไปดูโรงเรียนประถมกัน จะได้พาเขาไปลงทะเบียนเข้าเรียนด้วย”
“ได้ รบกวนเธอด้วยนะซุนชิว”
เมื่อคิดว่าลูกชายจะได้เข้าเรียนโรงเรียนประถมที่นี่ เหมาชุนเถาก็แต่ได้รู้สึกดีใจ
เกาซุนชิวได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “พอแล้วชุนเถา เธอไม่ต้องขอบคุณแล้ว หลังจากนี้แค่ใช้ชีวิตกับจี๋เซียงไปให้ดีก็พอ”
“อื้ม”
เหมาชุนเถากับจี๋เซียงพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม
หลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งมาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ก็พบว่าซูหว่านอี๋กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
ซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานพาคนกลับมาเยอะแยะมากมาย จึงรีบเอ่ยถาม “มู่หลาน นี่คือเพื่อนร่วมห้องของลูกหมดเลยใช่ไหม?”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็เห็นจี๋เซียงด้วย จึงรีบยิ้มแล้วโบกมือให้เขา ก่อนจะเอ่ย “เธอคงจะเป็นจี๋เซียงน้อยสินะ”
“อื้ม ผมชื่อเหมาจี๋เซียงครับ”
เขาพูดเสียงดังฟังชัดมากกว่าเดิมเมื่อเอ่ยแซ่ของตัวเอง ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาใช้แซ่ของแม่แล้ว จึงรู้สึกใกล้ชิดกับแม่มากขึ้น
จากนี้ไป เขาจะก้าวเดินต่ออย่างเชื่อฟัง
ซูหว่านอี๋รู้สึกสงสารเด็กคนนี้มาก หล่อนเคยฟังเรื่องของเหมาชุนเถาแล้ว จึงเข้าใจความทุกข์ทรมานของเด็กคนนี้ตอนอยู่ที่บ้านเกิดด้วย
“แม่คะ หนูพาเพื่อนมานั่งเล่นที่บ้าน แม่กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ?”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็รีบกล่าว “ไม่เป็นไร แม่ไม่ไปแล้วล่ะ ทุกคนรีบเข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ”
ทุกคนเห็นแบบนี้ก็พากันยิ้มแล้วเอ่ยทักทาย “สวัสดีค่ะคุณน้า”
“อุ๊ย…สวัสดีจ้ะ”
ซูหว่านอี๋ทักทายผู้คนมากมายตรงหน้าอย่างอบอุ่น หลังจากนั้นก็ไปบอกให้คนเตรียมชาและขนมมาเล็กน้อยให้
ตอนแรกเซี่ยปิงหรุ่ยจะไปหาเซี่ยปิงชิง แต่ก่อนที่หล่อนจะทันได้ไป เซี่ยปิงชิงก็มาหาเองแล้ว “มู่หลาน ฉันตามหาเธอมา…”
พูดไปได้เพียงครึ่งประโยค เซี่ยปิงชิงเพิ่งสังเกตว่ามีคนอยู่เยอะมาก เดิมทีคิดว่ามีแค่มู่หลานที่ไปกินข้าวเสร็จและกลับมา
เมื่อเฉินเซี่ยวอวิ๋นกับสือหยวนฝูเห็นเซี่ยปิงชิง ก็อดหันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยเสียไม่ได้ แล้วเอ่ยถาม “ปิงหรุ่ย นี่น้องสาวเธอเหรอ สวยจังเลย”
เมื่อได้ยินว่ามีคนชมตัวเอง เซี่ยปิงชิงก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วกล่าว “พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของมู่หลานกับปิงหรุ่ยใช่ไหม สวัสดี”
“สวัสดี”
ทุกคนต่างหันมองเซี่ยปิงชิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นว่าหล่อนมีรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงรู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อยว่าหล่อนหมั้นกับพ่อบุญธรรมของมู่หลานได้อย่างไร
เซี่ยปิงชิงรู้สึกสับสนกับท่าทีของหลายคนนิดหน่อย จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยถาม เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดด้วยความประหม่านิดหน่อย “ปิงชิง ทุกคนต่างพูดว่าทำไมฉันกับมู่หลานถึงสนิทกันจัง จากนั้น..ฉันก็เลยเล่าเรื่องเธอกับพ่อบุญธรรม ทุกคนก็เลยอยากรู้เรื่องของเธอมาก ฮ่าๆๆ…”
หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยกยิ้มขึ้นอย่างช้า ๆ รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองพูดเร็วไปนิดหน่อย
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ ก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความโกรธ
หล่อนไม่คิดเลยว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะปากโป้ง แต่หล่อนค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องที่หมั้นกับเจี่ยงสือเหิงเป็นเรื่องแปลก จึงไม่ได้พูดอะไรมากแล้วพยักหน้าบอกกล่าว “ใช่ ฉันหมั้นกับพ่อบุญธรรมของมู่หลานแล้ว แต่ถึงยังไงความสัมพันธ์ของคนสองคนก็ไม่ควรที่จะถูกจำกัดด้วยอายุ เพราะฉะนั้นการที่เราสองคนตกลงปลงใจกันมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงชิง เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็เอ่ยอย่างเห็นด้วย “พูดได้ดี นี่เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น ตอนนี้ไม่มีการแต่งงานแบบคลุมถุงชนแล้ว เราควรจะได้อยู่ครองคู่กับคนที่เรารัก”
พอทราบว่าเซี่ยปิงชิงกับเจี่ยงสือเหิงหมั้นกันแล้ว จึงทราบว่าครอบครัวของทั้งสองต้องยอมตกลงกันแล้วด้วย “แต่ว่าพ่อกับแม่ของเธอก็ดีนะ ไม่ต่อต้านพวกเธอเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยอ้าปากแต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ พ่อแม่ไม่ได้เห็นด้วยในตอนแรก เพิ่งจะมาเห็นด้วยในตอนท้าย แต่เนื่องจากเป็นเรื่องภายในครอบครัว หล่อนจึงไม่จำเป็นต้องพูด
ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกัน เจี่ยงสือเหิงก็เพิ่งกลับมา ในมือของเขามีถุงขนมอยู่ด้วย เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่เยอะขนาดนี้ก็รู้สึกตกตะลึง“มู่หลาน พวกนี้เพื่อนร่วมห้องของลูกเหรอ”
ฉินมู่หลานก็คิดไม่ถึงว่าเจี่ยงสือเหิงจะกลับมาแล้ว เธอจึงยิ้มพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ค่ะ เพื่อนร่วมห้องมานั่งเล่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี พวกลูกค่อย ๆ คุยกันไปเถอะ”
พูดจบ เขาก็หันไปมองเซี่ยปิงชิงอีกครั้ง พลางยื่นถุงขนมในมือให้แล้วบอกกล่าว “เมื่อวานคุณบอกว่าอยากกินขนมหอมหมื่นลี้ไม่ใช่เหรอ คุณรีบลองชิมดูสิ”
เซี่ยปิงชิงไม่คิดว่าเจี่ยงสือเหิงจะยังจำได้ จึงอดยิ้มแล้วหยิบถุงกระดาษขึ้นมาเสียไม่ได้ พลางกล่าว “ได้ เดี๋ยวฉันลองเลย”
เพียงแต่ตอนนี้มีคนอยู่เยอะ หล่อนจึงประหม่าเกินกว่าจะกินเพียงคนเดียว จึงแบ่งให้ทุกคนอย่างละนิดละหน่อย
“อื้ม อร่อยมากเลย”
หลังจากเซี่ยปิงชิงได้ลองลิ้มรสแล้ว ก็หันมองไปที่เจี่ยงสือเหิงพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันอยากกินอีก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะซื้อให้คุณอีก” พูดจบเขาก็เดินออกไป ด้วยความกลัวว่าสาวน้อยพวกนี้จะพูดคุยกันลำบากหากเขายังอยู่ต่อ
หลังจากเจี่ยงสือเหิงออกไป เหมาชุนเถาก็กลับมามีสติ หันมองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน อย่าบอกนะว่าคนนั้นคือพ่อบุญธรรมของเธอ?”
“ใช่แล้ว”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “พ่อบุญธรรมฉันเอง”
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เห็นหน้าพ่อบุญธรรมมู่หลานแล้วว่าไงคะ ดูดีใช่ไหมสาวๆ
ไหหม่า(海馬)