ตอนที่ 446 ย้ายไปบ้านใหม่(1)
ตอนที่ 446 ย้ายไปบ้านใหม่(1)
เซี่ยปิงชิงเห็นเจี่ยงสือเหิงตามตัวเองมา ก็อดไม่ได้ที่หันไปมองเขา แล้วพูดขึ้น “คุณตามฉันมาทำไม”
“ผมจะมาส่งคุณกลับ”
เซี่ยปิงชิงส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ฉันไม่ต้องให้คุณส่งหรอก”
แต่เจี่ยงสือเหิงไม่ยอมกลับ และตามเซี่ยปิงชิงต่อไป จนกระทั่งไปถึงลานบ้านของหล่อน
เมื่อเห็นว่ายังไงเจี่ยงสือเหิงก็จะตามมา เซี่ยปิงชิงจึงทราบว่าไล่เขาไปไม่ได้ จึงจ้อมองเขาสักครู่ แล้วรอให้เขานั่งลงเอง
เมื่อเห็นท่าทางของสาวน้อยดูเมินเฉย เจี่ยงสือเหิงก็อดไมได้ที่จะหัวเราะ
“คุณหัวเราะอะไรคะ”
เจี่ยงสือเหิงรีบส่ายหัวแล้วพูด “ผมแค่รู้สึกว่าคุณน่ารักดี”
“คุณ…คุณน่ารักมาก”
เซี่ยปิงชิงไม่เคยคิดว่าตัวเองน่ารักเลย เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสวยเท่ แล้วทำไมคำพูดนี้ถึงหลุดมาจากปากเจี่ยงสือเหิงได้ พูดว่าน่ารักราวกับหล่อนเป็นเด็กน้อยได้หน้าตาเฉย
เจี่ยงสือเหิงเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของเซี่ยปิงชิงก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง เขามองเซี่ยปิงชิงด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วพูดขึ้น “ตอนแรกคุณก็น่ารักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะหัวเราะยังไง หรือกำลังมุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองทำ คุณก็น่ารักมากตลอดเวลา”
หลังจากพูดจบ เจี่ยงสือเหิงก็จ้องมองเซี่ยปิงชิงด้วยสายตาว่างเปล่า แววตาของเขาไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกได้
เมื่อเห็นสายตาของเจี่ยงสือเหิง เซี่ยปิงชิงก็รู้สึกเหมือนโดนแผดเผา รีบละสายตาออกไปทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ทำไมคุณมองฉันแบบนั้นล่ะ”
เจี่ยงสือเหิงไม่พูดอะไร พลางเดินไปหาเซี่ยปิงชิงแทน เขาจับมือหล่อนอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ปิงชิง ตั้งแต่คุณขอให้ผมเป็นแฟนของคุณ ผมก็รู้สึกกับคุณไม่เหมือนเดิม ผมชอบคุณ ชอบมาก ๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมตอบตกลงกับคุณตั้งแต่แรก”
“คุณ…”
ได้ยินคำพูดของเจี่ยงสือเหิง เซี่ยปิงชิงก็มองเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
“ปิงชิง ผมรู้ดีว่าที่คุณขอให้ผมเป็นแฟนก็เพื่อจะรับมือกับครอบครัว แต่หลังจากที่ใกล้ชิดกันมานาน ผมก็เริ่มชอบคุณเข้าจริง ๆ เสียแล้ว ชอบมากแบบที่ชอบมาก ๆ เพราะฉะนั้น…คุณจะตอบรับความชอบของผมไหม?”
หลังจากพูดจบ เจี่ยงสือเหิงก็มองเซี่ยปิงชิงด้วยความประหม่า
“ฉัน…”
ตอนนี้จิตใจของเซี่ยปิงชิงว้าวุ่นไปหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจี่ยงสือเหิงจะรู้สึกกับตนไม่เหมือนเดิม พวกเขาตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกอย่างชัดเจนแล้วว่าแค่ทำให้ทุกคนรอบข้างคิดว่าพวกเขากำลังรักกันก็พอ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
เจี่ยงสือเหิงเองก็ทราบ ว่าความคิดของหล่อนที่มีต่อเจี่ยงสือเหิงก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน
ก่อนหน้านี้หล่อนอาจมองเขาเป็นแค่แฟนกำมะลอ แต่ตอนนี้เพียงเกาซุนฉิวพูดแค่ไม่กี่ประโยค หล่อนก็รู้สึกอารมณ์เสียแล้ว เจี่ยงสือเหิงจึงบอกได้ว่าความรู้สึกของหล่อนไม่เหมือนเดิม
เมื่อเห็นเซี่ยปิงชิงไม่ตอบอยู่เนิ่นนาน อยู่ ๆ เจี่ยงสือเหิงจึงเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมา เขามองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความกังวลนิดหน่อย
เซี่ยปิงชิงสังเกตสีหน้าของเจี่ยงสือเหิงได้อยู่แล้ว ตอนแรกหล่อนรู้สึกตื่นตระหนก แต่ตอนนี้อารมณ์สงบลงแล้ว จึงมองเจี่ยงสือเหิงอย่างนึกขบขัน แล้วเอ่ยขึ้น “คุณกังวลขนาดนั้นเลยเหรอ กลัวว่าฉันจะไม่ยอมรับเหรอ”
เจี่ยงสือเหิงไม่ต้องคิดเลย พยักหน้าแล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ กังวลมาก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงชิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น จากนั้นทั้งคนก็ผ่อนคลายลง
“ได้ ฉันยอมรับ”
ตั้งแต่เล็กจนโต จากนิสัยของหล่อนแล้วจะต้องได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ ตอนนี้เมื่อเข้าใจว่าตัวเองรู้สึกกับเจี่ยงสือเหิงไม่เหมือนเดิม จึงยอมรับอย่างใจเย็น ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็เป็นคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานกันแล้ว ถ้าตกลงปลงใจกันเองก็ไม่แปลกอะไร
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ ก็มองเซี่ยปิงชิงด้วยความแปลกใจ “ปิงชิง ที่คุณพูดมานี่จริงเหรอ?”
“แน่นอน ฉันเคยโกหกด้วยเหรอ”
หลังได้รับการยืนยันแล้ว เจี่ยงสือเหิงจึงอุ้มเซี่ยปิงชิงขึ้นมาหมุนเป็นวงกลมด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน
“’ปิงชิง คุณดีจริง ๆ
เซี่ยปิงชิงตะลึงกับการกระทำของเจี่ยงสือเหิงมาก แต่ไม่นานหล่อนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นว่าเจี่ยงสือเหิงยังอุ้มหล่อนเอาไว้ จึงรีบตบบ่าเขาแล้วพูดขึ้น “รีบปล่อยฉันลงเลย ฉันเวียนหัวนิดหน่อยแล้ว”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินแบบนี้ก็รีบปล่อยหล่อนลง ก่อนจะจับศีรษะหล่อนแล้วถามว่า “เวียนหัวมากหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงดูท่าทางเป็นกังวลใจ เซี่ยปิงชิงก็หน้าแดงเรื่อแล้วส่ายหัว พลางเอ่ย “ไม่เวียนแล้ว”
เมื่อเห็นสาวน้อยหน้าแดงแบบนี้ เจี่ยงสือเหิงก็รู้สึกใจเต้นรัว เขารีบจับหน้าหล่อนโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งรู้สึกว่าพฤติกรรมของตัวเองค่อนข้างละลาบละล้วง จึงรีบถอนกลับไป
เซี่ยปิงชิงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ หล่อนมองเจี่ยงสือเหิงด้วยความขบขัน แล้วเอ่ย “เพิ่งจะสารภาพรักอย่างมุ่งมั่นเองไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงหัวหดอย่างนี้ล่ะ”
เจี่ยงสือเหิงเห็นว่าสาวน้อยไม่ได้นึกรังเกียจ จึงอดยิ้มไม่ได้ “ผมกลัวว่าจะทำให้คุณเคืองน่ะสิ”
“พอแล้ว ฉันยังไม่ได้บอกคุณ เป็นเพราะเพิ่งอารมณ์ไม่ดี รสชาติของเค้กหอมหมื่นลี้ก็เลยไม่ค่อยดีนัก”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินเซี่ยปิงชิงพูดแบบนี้ ก็อดยิ้มไม่ได้แล้วพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาคุณออกไปข้างนอก พวกเราจะได้ไปซื้อที่ตลาดกัน จะได้ดูด้วยว่าคุณชอบกินอะไรอีก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของเซี่ยปิงชิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ได้ พวกเราออกไปกันเลย”
หลังจากทั้งสองออกไปข้างนก ลุงเจี่ยงที่อยู่แถวนั้นตั้งแต่ตอนแรกก็เดินออกมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจ “ดีจังเลย ในที่สุดนายน้อยก็ได้สมหวังแล้ว”
ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นคนหนุ่มสาวแต่งงาน มีลูก สร้างครอบครัว และเริ่มธุรกิจในช่วงวัยของเขาแล้ว
อีกด้านหนึ่ง เฉินเซี่ยวอวิ๋นอดหันมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ปิงหรุ่ย น้องสาวเธอโกรธหรือเปล่า ถ้ารู้แต่แรกพวกเราไม่ควรมาที่นี่กันเลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย หล่อนโบกมือขึ้นตามตรง แล้วบอกกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก ปิงชิงก็เป็นคนอารมณ์แบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้หรอก”
แววตาของฉินมู่หลานเต็มไปด้วยความคิด เธอเองก็นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เซี่ยปิงชิงจะเดินจากไป ทันใดนั้นแววตาก็สว่างวาบขึ้นมาทันที เธอรู้สึกว่าพ่อบุญธรรมอาจมีหวัง
แต่ตอนนี้ทุกคนยังนั่งอยู่ตรงนั้น เธอจึงไม่รีบร้อนออกไปตามหาคนในตอนนี้ แต่กลับยิ้มแล้วพูดกับคนอื่นแทน “พวกเธออย่าเพิ่งเข้าใจผิด ปิงชิงไม่ได้โกรธหรอก หล่อนยุ่งอยู่ตลอดนั่นแหละ จึงถึงเวลาต้องกลับไปทำงานตัวเองแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “สงสัยจังว่าปิงชิงเรียนอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“ปิงชิงไม่ได้เรียน หล่อนทำงานของตัวเอง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลายคนก็ไม่ได้เอ่ยถามอีกต่อไป ในตอนนั้นเองลุงเจี่ยงก็เดินเข้ามา ยิ้มแล้วมองไปยังฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยถาม “คุณหนูน้อยครับ ไม่ทราบว่าทุกคนชอบกินอะไรกันบ้าง ผมจะได้ให้ทางครัวจัดเตรียมให้ครับ”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้พูด ทุกคนก็โบกมือแล้วกล่าวว่า “พวกเรากินกันไม่เก่งหรอก กินอะไรก็ได้หมดเลย”
ฉินมู่หลานมองทุกคนพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอชอบกินอะไรก็กินอันนั้น แค่บอกมาก็พอ อาจารย์จินฝีมือดีมากเลยนะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานมองพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม หลายคนก็ต่างสั่งอาหารกันคลละหนึ่งอย่าง แม้แต่จี๋เซียงตัวน้อยก็ไม่เว้น ฉินมู่หลานก็บอกให้เขาสั่งหนึ่งอย่างเช่นกัน
“ผม…ผมอยากกินอาหารรสหวาน”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นให้อาจารย์จินปรุงเนื้อซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานให้เธอดีไหม?”
“ดีครับ”
จี๋เซียงน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ลุงเจี่ยงเสิร์ฟอาหารทั้งหมดแล้ว ก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คู่รักต่างวัยคู่นี้น่ารักกันจังเลยแฮะ
ไหหม่า(海馬)