ตอนที่ 458 แผนการของเซี่ยเจ๋อหลี่
ตอนที่ 458 แผนการของเซี่ยเจ๋อหลี่
ฉินมู่หลานได้ยินคำพูดของแม่ก็รู้สึกตกตะลึง “ไม่…ไม่รู้สิคะ”
“ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ ดูจากท่าทางของลูกแล้วก็น่าจะใช่อยู่นะ”
ฉินมู่หลานเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจนิดหน่อยแล้ว เธอรีบใช้มือขวาตรวจจับชีพจรข้างซ้ายให้ตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ นอกจากนี้ชีพจรยังเต้นเร็วผิดปกติ “ดูเหมือน…จะใช่เลยค่ะ”
“จริงเหรอ นี่มันดีมากเลยนะ ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเลย”
แต่ซูหว่านอี๋รู้สึกว่ายังยืนยันได้ไม่แน่ชัด “มู่หลาน ลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะ ส่วนใหญ่เขาบอกกันว่าหมอตรวจตัวเองไม่ได้ไม่ใช่เหรอ หากลูกเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เมื่อเห็นสีหน้าของแม่เต็มไปด้วยความหวัง เธอจึงทำตามหล่อน “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูจะไปตรวจที่โรงพยาบาล”
เมื่อทั้งสองไปถึงโรงพยาบาล ฉินมู่หลานก็ตรงเข้าไปตรวจทันที และผลการตรวจขั้นสุดท้ายก็ออกมาว่าเธอกำลังตั้งครรภ์
“มู่หลาน ใช่จริงด้วย ไอ้หยา…แม่จะได้มีหลานสาวหลายชายอีกแล้ว อาหลี่รู้เข้าคงดีใจมากแน่”
ลูกเยอะยิ่งมีโชค ทุกคนจึงเต็มใจที่จะมีลูก
ฉินมู่หลานถอนหายใจแล้วกล่าว “แต่หนูยังต้องเรียน เด็กคนนี้มาผิดเวลาแท้ๆ ”
เธอไม่ได้คัดค้านเรื่องการมีลูก ตอนแรกก็เคยคิดว่าจะมีลูกเป็นครั้งที่สองดีไหม แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมาตั้งครรภ์ตอนนี้
ซูหว่านอี๋ได้ยินลูกสาวพูดดังนั้นก็รีบหันไปมองเธอทันที พลางกล่าวขึ้น “ลูกพูดอะไร มาผิดเวลาอะไรกัน ตอนนี้มีลูกแล้ว เลยไม่อยากมีแล้วใช่ไหม”
“หนูอยากลองคิดทบทวนก่อน”
เมื่อเห็นลูกสาวกำลังคิดอะไรอยู่ ซูหว่านอี๋จึงรีบดึงเธอแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน พวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”
หล่อนกลัวเหลือเกินว่ามู่หลานจะตัดสินใจเอาเด็กออกที่โรงพยาบาล พวกเธอควรรีบกลับไปเสียดีกว่า
ฉินมู่หลานเห็นว่าแม่กระวนกระวายใจที่จะกลับไป จึงอดพูดไม่ได้ “แม่ ช้าหน่อยค่ะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้น”
ซูหว่านอี๋ไม่พูดอะไร รู้สึกไม่สบายใจจนกว่าจะได้พาลูกสาวกลับบ้าน
เหยาจิ้งจือเพิ่งกลับมา เมื่อเห็นสองแม่ลูกกลับมาจากข้างนอก จึงอดถามไม่ได้ “หว่านอี๋ เธอกับมู่หลานไปทำอะไรมาเหรอ ทำไมเธอถึงรีบร้อนจัง”
เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือกลับมาแล้ว ซูหว่านอี๋ก็บอกข่าวดีให้ฟังอย่างอดไม่ได้ “จิ้งจือ มู่หลานท้องแล้ว”
“อะไรนะ…”
สีหน้าของเหยาจิ้งจือดูเหลือเชื่อ หลังจากนั้นก็ทำหน้าประหลาดใจ “จริงเหรอ ดีจังเลย ฉันจะได้เป็นคุณย่าอีกแล้ว” ขณะพูดก็รีบดึงฉินมู่หลานเข้าไปในบ้านให้นั่งลง “มู่หลาน เธออยากกินอะไรไหม เดี๋ยวฉันเข้าครัวไปทำของอร่อยให้เธอกินสักหน่อย”
เมื่อเห็นสีหน้าของเหยาจิ้งจือเต็มไปด้วยความสุข ฉินมู่หลานก็ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “แม่คะ ฉันยังไม่หิว”
เหยาจิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ยังคงยิ้มแล้วบอกกล่าว “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปดูในครัวหน่อย จะได้ทำของว่างให้เธอกินก่อน” พูดจบก็เดินเข้าห้องครัวไปอย่างมีความสุข
หลังจากเหยาจิ้งจือไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็หันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ดูสิว่าจิ้งจือมีความสุขนาดไหน ถ้าหล่อนรู้ว่าลูกอยากจะทำแท้งก็คงเศร้าใจมากแน่นอน”
“แม่ หนูยังไม่ได้บอกเลยนะคะว่าจะทำแท้งลูก”
ซูหว่านอี๋เหลือบมองลูกสาวแล้วเอ่ยขึ้น “ก็ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ลูกบอกว่าขอคิดก่อน ลูกกำลังพูดถึงเรื่องทำแท้งชัดๆ”
หลังจากพูดถึงตอนท้ายก็รีบก้มมองท้องของฉินมู่หลานแล้วเอ่ย “เด็กน้อย ไม่ฟังนะไม่ฟัง ยายไม่ยอมให้แม่หลานเอาหนูออกหรอก”
เมื่อเห็นท่าทางของซูหว่านอี๋เป็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
“แม่ ตอนนี้ลูกยังโตไม่ได้เท่าเมล็ดถั่วเหลืองเลย แม่พูดไปเขาก็ไม่ได้ยินหรอกค่ะ”
ซูหว่านอี๋จ้องมองลูกสาวอย่างขุ่นเคือง พลางเอ่ยขึ้น “ลูกจะไปรู้อะไร เด็กอยู่ตรงนี้แล้ว อยูในท้องแล้ว บางทีอาจจะได้ยินที่พวกเราคุยกันก็ได้ เพราะฉะนั้นลูกห้ามพูดอะไรที่เหมือนว่าไม่ต้องการเด็กนะ”
“ไม่ต้องการเด็กอะไรเหรอ?”
ฉินเจี้ยนเซ่อกับเซี่ยเหวินปิงเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ การไปทำงานที่บ้านใกล้เรือนเคียงของพวกเขาก็สะดวกมากขึ้นเพราะอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ก้าว แต่คราวนี้เพิ่งกลับมาถึงไม่ทันไรก็เห็นมู่หลานกับซูหว่านี๋สองปแม่ลูกดูเหมือนจะทะเลาะกัน
ซูหว่านอี๋เห็นว่าเซี่ยเหวินปิงก็อยู่ที่นั่นด้วย จึงไม่ได้พูดอะไรมาก ด้วยความกลัวว่าตระกูลเซี่ยจะเข้าใจมู่หลานผิดไป “พวกคุณฟังผิดแล้ว ฉันกับมู่หลานกำลังพูดเรื่องเด็กอยู่”
“ชิงชิงกับเฉินเฉินทำไมเหรอ?”
ทั้งสองคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกเด็ก ๆ
ซูหว่านอี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ชิงชิงกับเฉินเฉิน เป็นเพราะมู่หลานท้องแล้วต่างหากพวกเราถึงกำลังดีใจ”
เซี่ยเหวินปิงกับฉินเจี้ยนเซ่อแสดงออกได้ไม่ค่อยเก่งนัก เพียงแต่สีหน้าของทั้งสองกลับมีความปีติยินดีเหมือนกันทุกประการ โดยเฉพาะเมื่อเซี่ยเหวินปิงได้ยินว่าภรรยากำลังทำของว่างอยู่ในครัว เขาก็รีบเดินไปช่วยทันที บอกว่าเดี๋ยวช่วยทำเอง เย็นนี้ทุกคนจะได้กินอาหารเลิศรสด้วยกัน
เมื่อเซี่ยเหวินปิงเดินเข้าไปในครัวแล้ว ซูหว่านอี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ยินชัดเจน เธอจึงหันไปพูดกับลูกสาวต่อ “ลูกเห็นไหม ทุกคนมีความสุขมากเลยนะ”
ฉินเจี้ยนเซ่อรู้สึกสับสนนิดหน่อย แต่ไม่นานเขาก็ได้เข้าใจ หลังจากทราบว่าลูกสาวกำลังลังเล เขาจึงอดถามไม่ได้ “มู่หลาน ลูกกลัวว่าจะกระทบเรื่องเรียนใช่ไหม จริง ๆ พ่อว่าลูกก็เก่งมากแล้ว ขาดเรียนไปบางช่วงก็ไม่เป็นไรหรอก”
ซูหว่านอี๋พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้วมู่หลาน ไม่กระทบผลการเรียนของลูกหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ถึงตอนนี้ลูกจะท้องแล้วแต่ก็ยังไปเรียนได้ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลย กว่าจะถึงเวลาคลอดก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเลยนะ แถมแม่คำนวณดูแล้วว่ามันตรงกับช่วงปิดเทอมปีหน้าพอดี แล้วลูกยังลังเลอะไรอีกล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ลองคำนวณ ก่อนจะพบว่าเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาปีหน้า
เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดยิ้มเสียไม่ได้ แล้วบอกกล่าว “เป็นอย่างนั้นจริงด้วย ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเลือกเวลาได้ดีมากเลยนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ถึงเวลาก็คลอดได้พอดีเลย”
เมื่อเห็นลูกสาวพูดแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็โล่งใจ
“มู่หลาน ลูกคิดได้ถูกแล้วล่ะ”
ในตอนนี้ เหยาจิ้งจือก็ทำขนมถั่วแดงตัดเสร็จเรียบร้อยแล้วนำออกมาให้ “มู่หลาน เธอกินรองท้องหน่อยนะ เดี๋ยวฉันไปทำมื้อเย็น เธออยากกินอะไรไหม?”
“แม่คะ ทำอาหารย่อยง่ายให้ฉันก็พอค่ะ ว่าจะกินผัดผักสักหน่อย”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานบอกแบบนั้น เหยาจิ้งจือก็กล่าวอย่างสุขใจ “ได้ เดี๋ยวฉันไปทำ”
มีของที่อยากกินก็ดี หล่อนสามารถทำของที่มู่หลานอยากกินได้ทุกวันเลย แต่เมื่อนึกถึงทักษะการทำอาหารของตัวเองก็ทำให้นึกถึงอาจารย์จินจากบ้านตระกูลเจี่ยงขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองต้องฝึกฝนเพิ่มเติม
มื้อเย็นวันนี้อิ่มหนำสำราญมาก ฉินเคอวั่งที่กลับมาช้าจึงไม่ทราบเรื่องก่อนหน้านี้ หลังจากทราบว่าพี่สาวตั้งครรภ์ ก็รีบแสดงความยินดี จากนั้นก็มาร่วมกินข้าวด้วย
ฉินมู่หลานถูกซูหว่านอี๋เกลี้ยกล่อม ตอนนี้จึงตัดสินใจได้แล้วว่าจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ ดังนั้นเธอจึงเขียนจดหมายหาเซี่ยเจ๋อหลี่เพื่อบอกเล่าเรือ่งนี้โดยตรง เพื่อให้เขาในฐานะพ่อได้ทราบเรื่อง
และแล้วสิ่งที่ฉินมู่หลานคาดไม่ถึงก็คือ ยังไม่ถึงสองวันเต็มดี เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมาแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่หลี่มีลูกอีกแล้วนะคะ ยินดีด้วยค่ะ
ไหหม่า(海馬)