ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 468 ฝาแฝดอีกแล้ว(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 468 ฝาแฝดอีกแล้ว(1)

ตอนที่ 468 ฝาแฝดอีกแล้ว(1)

อย่าว่าแต่นายท่านเหยาเลย แม้แต่เหยาจิ้งจือเองก็มีความสุขมากเหมือนกัน เธออดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปกุมมือเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลานพลางกล่าว “อาหลี่ มู่หลาน ขอบใจพวกเธอมากนะ”

เมื่อเห็นสีหน้าแม่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดูซับซ้อนอธิบายยากนิดหน่อย แต่เมื่อตกลงกันไปแล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรมาก ในเมื่อเพิ่งตกลงกันไปเรียบร้อยแล้วว่าจะให้เด็กใช้แซ่เหยา เรื่องนอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เมื่อคิดแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ดูดีขึ้นนิดหน่อย

“แม่ครับ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องขอบคุณเลย ยังไงเด็กก็เป็นลูกของพวกเรา คุณตาก็เพิ่งบอกไปว่านอกจากให้ใช้แซ่เหยาแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ต้องทำอะไร ลูกก็ยังถูกเลี้ยงในครอบครัวของเราเหมือนชิงชิงกับเฉินเฉิน ”

ยังไม่ทันที่เหยาจิ้งจือจะพูดอะไร นายท่านเหยาก็เปิดปากพูดก่อน “ใช่ ตาเพิ่งบอกไป ตอนนี้พวกเรามาเขียนสัญญากันเลยเถอะ”

นายท่านเหยากลัวว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะเปลี่ยนใจ จึงรีบเขียนหนังสือสัญญา แล้วลงนามตัวเอง

เซี่ยเจ๋อหลี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นว่านายท่านเหยาเขียนเรียบร้อยแล้ว “คุณตา ผมเชื่อใจคุณตานะครับ ไม่ต้องเขียนเจ้านี่ก็ได้”

“ยังไงก็ต้องเขียนนะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีหลักฐาน”

หลังจากพูดจบ นายท่านเหยาก็ยื่นหนังสือสัญญาไปที่มือของเซี่ยเจ๋อหลี่ หลังจากนั้นก็หันมองคุณนายเหยาแล้วพูดขึ้น “คุณรีบไปเตรียมซองอั่งเปาเร็ว ถึงเด็กจะยังไม่คลอด แต่ก็ถือเป็นลูกหลานตระกูลเหยาของเรา เพราะฉะนั้นจะต้องมอบอั่งเปาซองใหญ่ให้เสียหน่อย”

คุณนายเหยาไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงหันหลังแล้วกลับไปที่ห้อง ในเมื่อจะมีเด็กใช้แซ่เหยาก็ยังไม่สายที่นางจะมีความสุข

เมื่อเดินกลับมาก็ไม่เพียงแต่จะมอบอั่งเปาซองใหญ่ให้เท่านั้น แต่ยังมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ด้วย

“มู่หลาน นี่คืออั่งเปากับของขวัญปีใหม่สำหรับเด็ก ๆ หลานรับเอาไว้ก่อนนะ”

ฉินมู่หลานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เด็กยังไม่คลอดเลย แต่ตอนนี้นายท่านเหยากลับเตรียมของพวกนี้เอาไว้เสียแล้ว แต่เมื่อเห็นพวกท่านทั้งสองดูคาดหวังแบบนี้ เธอก็ไม่ปฏิเสธ แล้วยอมรับไว้

“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณตาคุณยาย”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานยอมรับไว้ นายท่านเหยากับคุณนายเหยาก็รู้สึกดีใจมาก

หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ท่าทางดูอิจฉานิดหน่อย หล่อนไม่ใช่คนที่จะอิจฉาคนอื่นไปทั่ว แค่อิจฉาที่มู่หลานตั้งท้องอีกครั้งแล้วในขณะที่หล่อนยังไม่มีวี่แววเลย พวกเขาสองสามีภรรยามีลูกเพียงเสี่ยวอวี่เท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นหลังจากรับประทานอาหารแล้ว หลี่เสวี่เยี่ยนก็มาหาฉินมู่หลาน อยากให้เธอช่วยตรวจชีพจรให้

“พี่สะใภ้ นั่งก่อน เดี๋ยวฉันตรวจให้ค่ะ”

“มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนเธอแล้ว”

หลังจากหลี่เสวี่ยเยี่ยนนั่งลง ฉินมู่หลานก็จับชีพจรให้หล่อน จากนั้นก็กล่าวว่า “พี่สะใภ้ สุขภาพของพี่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลไปค่ะ บางครั้งยิ่งพี่กังวลมากก็จะตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นนะคะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็อดพูดไม่ได้ “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”

ช่วงนี้หล่อนเป็นกังวลมาก เพราะลูกชายเริ่มโตแล้ว แต่หล่อนกลับยังไม่มีลูกคนที่สองเลย จึงรู้สึกเป็นกังวลนิดหน่อย เมื่อเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ก็รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าวทันที “ได้ ฉันจะพยายามไม่กังวลแล้วกัน”

“พี่สะใภ้ เดี๋ยวหนูเขียนใบสั่งยาให้พี่ กินเพื่อบำรุงสุขภาพ ยังไงก็ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่แล้วค่ะ”

“ได้เลย ๆ”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รับใบสั่งยาของฉินมู่หลานไป วางแผนจะไปซื้อยาในวันพรุ่งนี้

ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่พาเด็ก ๆ ไปพักที่ลานบ้านตระกูลเหยา แต่ครอบครัวอยู่ที่นั่นสองวันก็เตรียมจะกลับไป เพราะอีกไม่นานซูหว่านอี๋กับฉินเจี้ยนเซ่อจะกลับมาแล้ว และนอกจากพวกเขาแล้ว เหยาจิ้งจือกับเซี่ยเหวินปิงก็กลับมาด้วยกัน

“มู่หลาน พวกพ่อแม่ของเธอไม่อยู่ เธอก็กำลังท้องด้วย อาหลี่แค่คนเดียวก็คงดูแลเด็กทั้งสองไม่พอแน่ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวพวกเรากลับไปกับพวกเธอด้วย”

พ่อแม่สามีกลับไปด้วยได้ก็ดี ฉินมู่หลานจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นช่วงสองสามวันนี้ต้องขอรบกวนแม่กับพ่อด้วยค่ะ”

“เรื่องนี้มีอะไรให้ต้องรบกวนกัน เป็นหน้าที่ของฉันกับพ่อของเธออยู่แล้ว”

คุณนายเหยาลังเลนิดหน่อยที่จะให้ลูกสาวกับลูกเขยกลับไป ช่วงปีใหม่ที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองสามวันนี้ที่บ้านค่อนข้างมีชีวิตชีวามาก แต่เมื่อนึกถึงเด็กที่อยู่ในท้องของหลานสะใภ้คนเล็ก นางก็ไม่ได้พูดขัดอะไร

ทางด้านนี้ หลังจากครอบครัวฉินมู่หลานกลับมาแล้ว เหยาจิ้งจือก็บอกให้มู่หลานรีบไปพักผ่อน ส่วนหล่อนจะพาเด็กทั้งสองกลับไปฝั่งลานบ้านของพวกเอง

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นพ่อแม่พาเด็กทั้งสองไปที่นั่นแล้ว เขาก็ตามมู่หลานกลับมาที่ห้อง

“มู่หลาน คุณอยากนอนสักหน่อยไหม”

ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างเกียจคร้านแล้วกล่าว “ฉันว่าจะนอนสักพัก เมื่อกี้รู้สึกง่วงมากเลย”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะนอนกับคุณ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็เหลือบมองเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วเอ่ย “กลางวันแสก ๆ คุณจะนอนทำไมอีกคะ เดี๋ยวพ่อกับแม่เห็นจะดูไม่ดีนะ”

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยเจ๋อหลี่ก้ดึงฉินมู่หลานให้นอนลง

“พ่อแม่พาลูก ๆ ไปที่ฝั่งลานบ้านของพวกท่านและหลับไปแล้ว พวกท่านไม่เห็นหรอก”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่หลับตาลงแล้ว ฉินมู่หลานก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วนอนหลับตามไป เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าข้างกายไม่มีคนนอนอยู่แล้ว หลังจากที่เธอลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เพิ่งกลับมา

“มู่หลาน คุณตื่นแล้วเหรอ อยากกินอะไรสักหน่อยไหม?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็หันมองไปที่จานซึ่งอยู่ในมือของเซี่ยเจ๋อหลี่อีกครั้ง “คุณทำอะไรเหรอคะ?”

“แม่ผมทำลูกชิ้นทอดกับสาคูข้าวเหนียว คุณอยากกินไหม เด็ก ๆ ก็เพิ่งตื่นเหมือนกัน กำลังกินข้าวอยู่ที่ห้องกินข้าว”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็อดพูดไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปกินที่ห้องกินข้าวด้วย”

“ได้”

เซี่ยเจ๋อหลี่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แต่เขาก็ยังยัดสาคูข้าวเหนียวให้มู่หลานก่อน “ข้างในมีถั่วลิสงงาดำ ผมรู้สึกว่าอร่อยมาก คุณลองดู”

ฉินมู่หลานลองชิมไปหนึ่งอัน ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อื้ม อร่อยมากเลย”

ตอนนี้เธอชอบกินของหวานมาก รู้สึกว่าสาคูข้าวเหนียวชิ้นนี้อร่อยมากเหลือเกิน

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นฉินมู่หลานชอบกิน จึงป้อนให้เธออีกหนึ่งชิ่น “คุณค่อย ๆ กินนะ ลองลูกชิ้นทอดนี่ก่อน แม่ใส่เมล็ดบัวกับผักหั่นเต๋าเพิ่มนิดหน่อย อร่อยมากเหมือนกัน”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ลองกินลูกชิ้นทอดอีกครั้ง และชอบมากเหมือนกัน ระหว่างทางที่เดินไปห้องกินข้าว เธอก็ได้กินลูกชิ้นไปหลายลูกแล้ว

“หม่าม้า~~~”

เด็กน้อยสองคนเห็นพ่อและแม่กำลังเดินมา ก็รีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ฉินมู่หลานลูบหัวพวกเขาแล้วเอ่ย “พวกลูกกินลูกชิ้นทอดกันหรือยัง”

“กินแล้ว อร่อย”

“หม่าม้าก็ว่าอร่อยเหมือนกัน พวกเรามากินกันอีกเถอะ”

“ได้เลย”

เหยาจิ้งจือเห็นว่าฉินมู่หลานก็ชอบเหมือนกัน จึงดีใจมาก แล้วนำสาคูข้าวเหนียวไส้ถั่วแดงอออกมาอีก “มู่หลาน อันนี้มีไส้ถั่วแดงด้วย เธอลองดูสิ”

“ได้ค่ะ”

ฉินมู่หลานรับพร้อมทั้งรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็ลงมือกินทันที

เมื่อเห็นฉินมู่หลานกินไม่น้อย เหยาจิ้งจือก็รีบกล่าวทันที “มู่หลาน เดี๋ยวจะต้องกินมื้อเย็นแล้ว เพราะฉะนั้นกินน้อย ๆ ก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวกินข้าวเย็นไม่ได้นะ”

ฉินมู่หลานรู้สึกว่ายังกินไม่หนำใจ แต่ก็ทราบว่าหากกินมากไปจะทำให้ย่อยยาก จึงยอมวางตะเกียบลง

เหยาจิ้งจือมองดูท้องของลูกสะใภ้คนเล็ก ก็อดถามไม่ได้ “มู่หลาน เธอจะไปตรวจอีกครั้งตอนไหน?”

“ฉันว่าจะไปตรวจพรุ่งนี้ค่ะ”

อันที่จริงก็ถึงเวลาที่ควรตรวจแล้ว แต่เพราะติดช่วงเทศกาลปีใหม่ เธอจึงไปตรวจช้าประมาณสองสามวัน

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ให้อาหลี่ไปกับเธอนะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “แม่วางใจครับ พรุ่งนี้ผมจะไปกับมู่หลานเอง”

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไปโรงพยาบาลกับฉินมู่หลานตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งสองตรงไปตรวจที่โรงพยาบาลปักกิ่ง

“ได้ยินว่าที่โรงพยาบาลปักกิ่งก็มีเครื่องบีอัลตร้าซาวน์แล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันจะลองตรวจบีอัลตร้าซาวน์”

เซี่ยเจ๋อหลี่รับฟังฉินมู่หลานอยู่แล้ว เขายิ้มพร้อมทั้งพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้สิ”

หลังจากทั้งสองไปถึง ฉินมู่หลานก็ตรวจตามโปรแกรม หลังจากนั้นก็ไปตรวจบีอัลตร้าซาวน์ พอคุณหมอได้เห็น ก็ยิ้มแสดงความยินดี “ยินดีด้วยค่ะ พวกเขาเป็นฝาแฝด”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็ดูไม่แปลกใจเลยสักนิด พลางยิ้มนิดหน่อยแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เชื้อแฝดตระกูลเซี่ยมันแรงจริงๆ ได้แฝดสองท้องติดเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท