ตอนที่ 1280 กลับบ้าน
หากเริ่มนับหลังจากกองทัพใหญ่บุกเข้าไปในเมืองได้สำเร็จว่ากองทัพแคว้นใดบุกไปถึงวังหลวงก่อนเช่นนั้นกองทัพของไป๋ชิงฉีคือกองทัพกลุ่มแรกที่บุกไปถึงวังหลวงอวิ๋นจิง กองทัพไป๋เป็นคนควบคุมประตูวังหลวงได้ก่อนกองทัพต้าเยี่ยน
เมื่อเห็นเซียวหรงเหยี่ยนสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป เมื่อเห็นมู่หรงผิงเดินตามหลังอาเก้าของตัวเองจากไป แม่ทัพต้าเยี่ยนคนอื่นๆ จึงรีบไปล้อมเซี่ยสวินไว้ทันที พวกเขาขอร้องให้เซี่ยสวินช่วยไปเกลี้ยกล่อมไม่ให้เซียวหรงเหยี่ยนยกอวิ๋นจิงให้ต้าโจว
เซี่ยสวินกล่าวเพียง
“ท่านอ๋องเก้ามีรับสั่งมาเช่นนี้ ข้าต้องทำตามบัญชา! ปณิธานของอ๋องเก้าอยู่ที่ใต้หล้า ดังนั้นพวกเราจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับใต้หล้าไม่ได้เด็ดขาด ทุกท่านจงเปิดใจให้กว้างและมองการณ์ให้ไกลกว่านี้เถิด”
เซี่ยสวินกล่าวจบจึงเดินจากไปทันที
“ท่านแม่ทัพเซี่ย! ท่านแม่ทัพเซี่ย!”
เมื่อแม่ทัพต้าเยี่ยนเห็นเซี่ยสวินจากไปอย่างไม่ใยดีจึงเดือดดาลขึ้นทันที เขาตะโกนไล่หลังเซี่ยสวินว่าจะเขียนฎีการายงานไทเฮาแห่งต้าเยี่ยน
บ่ายวันนั้น
ในที่สุดคนที่เซียวหรงเหยี่ยนส่งไปตามหาไป๋จิ่นเซ่อก็พบตัวไป๋จิ่นเซ่อและเด็กชายที่มีท่าทีราวกับลูกหมาป่าซึ่งกำลังดื่มน้ำอยู่ที่ริมแม่น้ำนอกเมือง
ไป๋จิ่นเซ่อเตรียมวิดน้ำขึ้นมาดื่มโดยไม่สนใจว่าน้ำสะอาดหรือไม่ ทว่า เด็กชายคนนั้นกระชากแขนของไป๋จิ่นเซ่อไปหลบอยู่ด้านหลังต้นไม้เสียก่อน ไม่นานพวกเขาจึงเห็นทหารม้ากลุ่มหนึ่งขี่ม้ามายังริมแม่น้ำ
ไป๋จิ่นเซ่อซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้จำชุดทหารของต้าเยี่ยนได้ ทว่า นางไม่ได้รีบร้อนออกไปปรากฏตัว
นางเห็นทหารเหล่านั้นลงจากหลังม้าไปดื่มน้ำที่ลำธารพลางปรึกษากันว่าใช้เวลาอีกเท่าใดจึงจะไล่ตามชาวบ้านลี้ภัยพวกนั้นทัน ใช้เวลาเท่าใดจึงจะช่วยคุณหนูเจ็ดตระกูลไป๋กลับมาได้เพื่อชดเชยความผิดพลาดของต้าเยี่ยน
ไป๋จิ่นเซ่อได้ยินทหารกลุ่มนั้นคุยกันว่าตอนนี้กองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนคงเริ่มบุกโจมตีเมืองอวิ๋นจิงแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เมืองอวิ๋นจิงจะตกเป็นของต้าเยี่ยนหรือต้าโจวกันแน่
หัวหน้าทหารดื่มน้ำจนหายกระหาย เขาสั่งให้ทุกคนเติมน้ำให้เต็มกระบอก จากนั้นรีบเดินทางไล่ตามชาวบ้านลี้ภัยไปต่อ ยิ่งพบตัวคุณหนูเจ็ดเร็วเท่าใดคุณหนูเจ็ดก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ไป๋จิ่นเซ่อที่จับตาดูทหารต้าเยี่ยนเหล่านั้นอยู่พักใหญ่ยังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายนางตัดสินใจเดินออกมาจากหลังต้นไม้และบอกฐานะที่แท้จริงของตัวเอง
“ข้าคือคุณหนูเจ็ดของตระกูลไป๋…”
เดิมทีไป๋จิ่นเซ่อไม่อยากให้ทหารต้าเยี่ยนเป็นคนพาตัวนางกลับไปเพราะหลังจากทำลายซีเหลียงสำเร็จแล้วต้าเยี่ยนและต้าโจวจะกลายเป็นศัตรูกันทันที หากต้าเยี่ยนแอบจับตัวนางกลับไปเป็นตัวประกันจะทำเช่นไร!
ทว่า พวกนางไม่มีเสบียงหลงเหลืออยู่แล้ว หากเดินเข้าไปในป่าลึกต่อไปแล้วพบกับชาวบ้านลี้ภัย พวกนางคงไม่มีแรงวิ่งหนีอีก พวกนางเพิ่งหนีออกมาได้อย่างลำบาก นางไม่อยากถูกจับไปเป็นอาหารของคนเหล่านั้นอีก
เมื่อทบทวนดูแล้วไป๋จิ่นเซ่อจึงตัดสินใจรักษาชีวิตของตัวเองไว้ก่อน
ที่สำคัญต้าเยี่ยนอาจไม่จับนางไปเป็นเชลยก็ได้ ต้าเยี่ยนทรยศต้าโจวจนนางถูกชาวบ้านลี้ภัยจับตัวไปล้วนเป็นความผิดของต้าเยี่ยน พี่หญิงใหญ่รักและปกป้องน้องชายและน้องสาวอย่างพวกนางถึงเพียงนี้ หากต้าเยี่ยนหาตัวนางไม่พบ พวกเขาต้องยิ่งร้อนรนเพราะกลัวว่าต้าโจวจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเปิดศึกกับต้าเยี่ยนเพื่อรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งแน่นอน
ตอนนี้กำลังหลักของต้าเยี่ยนอยู่ที่เมืองอวิ๋นจิง หากต้าโจวต้องการทำสงครามกับต้าเยี่ยนขึ้นมาจริงๆ กองทัพของต้าโจวที่อยู่ติดกับชายแดนของต้าเยี่ยนจะยกทัพบุกไปโจมตีต้าเยี่ยนได้ทันที เช่นนี้ต่อให้ต้าเยี่ยนจะไม่ดับสูญพวกเขาก็คงพ่ายแพ้จนย่อยยับแน่นอน โดยเฉพาะสถานการณ์ตอนที่ต้าเยี่ยนกำลังขาดแคลนเสบียงอาหารเช่นนี้
ไป๋จิ่นเซ่อจึงตัดสินใจพนันว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่ดูฉลาดผู้นั้นไม่มีทางจับตัวนางไว้เป็นตัวประกันที่ต้าเยี่ยน การใช้วิธีเช่นนี้ไม่ส่งผลดีต่อต้าเยี่ยนแม้แต่น้อย
สิ่งที่ต้าเยี่ยนควรทำหลังจากสองแคว้นกำชัดซีเหลียงได้แล้วคือการหลีกเลี่ยงการปะทะกับต้าโจวให้ได้มากที่สุด พวกเขาควรเก็บแรงไว้ทำสงครามกับต้าโจวในวันหน้าถึงจะถูก
เมื่อพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างถี่ถ้วนแล้วไป๋จิ่นเซ่อจึงตัดสินใจกลับไปพร้อมทหารของต้าเยี่ยน
หัวหน้าทหารของต้าเยี่ยนมองมาทางไป๋จิ่นเซ่อและเด็กชายเนื้อตัวมอมแมมที่อยู่ด้านหลังเด็กสาว เขารีบลงจากหลังม้าไปทำความเคารพไป๋จิ่นเซ่อ เขาประคองไป๋จิ่นเซ่อขึ้นไปบนหลังม้าจากนั้นเอ่ยถามไป๋จิ่นเซ่อว่าจะจัดการกับเด็กชายอย่างไร
ไป๋จิ่นเซ่อมองไปทางเด็กชายที่ยืนมองมาที่นางนิ่งอยู่ที่เดิม จากนั้นเอื้อมมือไปหาเด็กชาย
“เจ้าจะกลับไปกับข้าหรือไม่ ข้าคือคนของต้าโจว…”
เด็กชายยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพักใหญ่ ไม่นานจึงขยับเข้าไปใกล้ไป๋จิ่นเซ่ออย่างช้าๆ เขาเอื้อมมือที่มอมแมมของตัวเองไปจับมือไป๋จิ่นเซ่อไว้แน่น
ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างอุ้มเด็กชายไปวางบนหลังม้าตัวเดียวกับไป๋จิ่นเซ่อ จากนั้นเอ่ยถามเสียงเบา
“คุณหนูเจ็ดขี่ม้าเป็นหรือไม่ขอรับ”
“ที่นี่ห่างจากเมืองอวิ๋นจิงเพียงใด” ไป๋จิ่นเซ่อถาม
“เรียนคุณหนูเจ็ด ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนขอรับ”
หัวหน้าทหารต้าเยี่ยนเอ่ยตอบ
“มีเสบียงอาหารหรือไม่”
ไป๋จิ่นเซ่อหิวจนปวดท้องไปหมด เด็กชายก็คงหิวเช่นเดียวกับนาง
หัวหน้าทหารต้าเยี่ยนได้ยินจึงรีบหยิบย่ามอาหารแห้งส่งให้ไป๋จิ่นเซ่ออย่างรวดเร็ว
ไป๋จิ่นเซ่อส่งถุงอาหารแห้งให้เด็กชายซึ่งอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นกล่าวขึ้น
“กินรองท้องไปก่อน พวกเราต้องรีบเดินทางกลับ ข้าไม่อยากให้พี่ชายและพี่สาวของข้าเป็นห่วง!”
เด็กชายแกะเชือกถุงเอาหารแห้งออก เขาล้วงมือที่มอมแมมของเขาเข้าไปย่าม จากนั้นหยิบเนื้อช้างตากแห้งซึ่งโรยเกลือไว้ที่ด้านบนส่งไปยังริมฝีปากของไป๋จิ่นเซ่อ
ไป๋จิ่นเซ่อคุมบังเหียนม้าด้วยมือข้างเดียว มืออีกข้างรับเนื้อช้างมาจากเด็กชาย นางเห็นเด็กชายเอาเนื้อเข้าปากด้วยท่าทีที่หิวโซ นางเอ่ยกับเขา
“เมื่อกลับถึงบ้าน ข้าจะให้พี่ชายของข้าให้คนพาเจ้าไปส่งที่บ้านของเจ้า”
เด็กชายได้ยินจึงตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาเคี้ยวเนื้อช้างต่อโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ไป๋จิ่นเซ่อทะยานม้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ใจของไป๋จิ่นเซ่อลอยไปอยู่กับพวกพี่ๆ ของนางแล้ว ไม่รู้ว่าช่วงที่นางหายไปพี่ชายและพี่สาวจะเป็นห่วงนางมากเพียงใด
ไป๋จิ่นเซ่อไม่รู้สถานการณ์ในเมืองอวิ๋นจิง อีกทั้งกลัวว่านางอาจคิดไม่รอบคอบจนถูกอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจับไปเป็นตัวประกันเพื่อแย่งชิงอวิ๋นจิงกับต้าโจวดังนั้นไป๋จิ่นเซ่อจึงไม่ให้ทหารต้าเยี่ยนเหล่านี้ส่งข่าวให้ต้าเยี่ยนรับรู้
ทว่า ไป๋จิ่นเซ่อขี่ม้าไปได้ไม่นาน เสิ่นชิงจู๋ก็ขี่ม้าเหงื่อโลหิตของพี่ชายห้าที่นางใช้ขี่ตามพี่ชายห้าไปออกรบไล่ตามนางมาทันพอดี
เสิ่นชิงจู๋ไล่ตามไปถึงขบวนลี้ภัยของชาวบ้านแล้ว นางสอบถามจนรู้ว่าไป๋จิ่นเซ่อหนีออกมาได้จึงออกตามหาไป๋จิ่นเซ่อต่อ นึกไม่ถึงว่าทหารต้าเยี่ยนจะพบตัวไป๋จิ่นเซ่อก่อนพวกนาง
เมื่อไป๋จิ่นเซ่อเห็นเสิ่นชิงจู่ที่ออกมาตามหานางจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เสิ่นชิงจู่เห็นไป๋จิ่นเซ่อสวมเพียงเสื้อตัวบางจึงปลดเสื้อคลุมกันลมของตัวเองออกมาคลุมร่างให้เด็กน้อย
ไป๋จิ่นเซ่อไม่ได้ปฏิเสธ นางมองเสิ่นชิงจู๋ที่กำลังผูกเชือกเสื้อคลุมให้นางพลางเอ่ยถาม
“พี่ชิงจู๋ สถานการณ์ที่เมืองอวิ๋นจิงเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ พวกเรายึดอวิ๋นจิงได้แล้วหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัดเหมือนกันเจ้าค่ะ พอคุณหนูเจ็ดหายตัวไปข้าจึงเตรียมไปตามหาคุณหนูในเมืองอวิ๋นจิง ทว่า ข้าพบม้าของคุณชายห้าเสียก่อนเจ้าค่ะ”
เสิ่นชิงจู๋ลูบหลังม้าศึกที่นั่งอยู่เบาๆ พลางกล่าว
“เมื่อข้าขี่ม้าตัวนี้ไปถึงตำแหน่งที่ชาวบ้านลี้ภัยใช้อพยพมันก็ส่งเสียงร้องไม่หยุด…”