ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 239 ยุทธภพไม่มีเจ้านาย-1

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 239 ยุทธภพไม่มีเจ้านาย-1

ฮั่ววั่งกลับถึงวังอ๋องของเขาแล้ว

แต่ยามนี้ตรงหน้าเขามีไก่ย่างวางไว้ตัวหนึ่ง

น้ำแกงปลาหม้อดินก่อนหน้านั้น นอกจากเต้าหู้เขาก็ไม่ได้กินอะไรอีก

ไม่ได้กินน้ำแกงสักคำ

เนื้อปลาก็ไม่ได้กินสักชิ้น

ทว่าเต้าหู้ไม่เหลือแม้แต่น้อย เขากินมันทั้งหมด

แม้ตรงหน้ามีไก่ย่างตัวหนึ่ง

แต่เขาไม่มีกะจิตกะใจจับตะเกียบ

ฮั่ววั่งยังคงนึกถึงสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินในเมืองอ๋องวันนี้

ผู้มีฝีมือที่เป่าน้ำตาลปั้น

พ่อลูกที่ขายบะหมี่หยางชุนอยู่ริมทาง

รวมถึงมือกระบี่ขี้เหล้าในร้านอาหารที่บอกว่าจะมาฆ่าตน

เขาไม่รู้ที่ตัวเองนั่งอยู่เช่นนี้เป็นเพราะรออีกฝ่ายหรือไม่

แต่ฮั่ววั่งถือกระบี่ไว้ในมือจริงๆ

ทั้งยังสั่งทัพอีกาดำ

หากคืนนี้มีคนบุกเข้ามา ห้ามขัดขวางเด็ดขาด

ปล่อยให้เขามาหาตนก็พอ

ใช่ว่าประมาทเกินไป

แต่ฮั่ววั่งเชื่อว่าเขามีความสามารถในการปกป้องตัวเอง

ที่มากกว่านั้นคือกระบี่ในมือเขา และคนที่ให้กระบี่

อากาศยามพลบค่ำเทียบความปลอดโปร่งแจ่มใสก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย

ยังไม่ถึงช่วงเริ่มจุดโคมไฟ

บนถนนก็มีลมพัด

ดูท่าทาง

คืนนี้ต้องฝนตกเป็นแน่

ดวงอาทิตย์ยังไม่ลาลับทางตะวันตกดี

แต่ความเย็นสบายหลังลมพัดยังคงทำให้กายใจของคนเป็นสุขไม่น้อย

มือกระบี่ขี้เหล้าเดินอยู่บนถนนสายยาว

นอกจากถนนสายนี้จะเป็นถนนที่เจริญที่สุดในเมืองอ๋องแล้ว ยังเรียกได้ว่าเป็นถนนที่คึกคักที่สุดในละแวกสามพันลี้

แต่จิตใจของเขาไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนถนนสายนี้เลย

เพราะเขาในตอนนี้ไม่มีเป้าหมายใด

ฆ่าคน

ตอนนี้ยังเร็วไป

เขาจึงเดินเล่นวนอยู่บนถนนสายยาวอย่างไร้จุดหมาย

เดินจากสุดฝั่งตะวันออกจนถึงสุดฝั่งตะวันตก จากนั้นเดินย้อนกลับอีกครั้ง

เขาเห็นสตรีหลายคนกินข้าวเย็นทำงานบ้านเสร็จแล้วนัดกันออกมาเดินเล่นเป็นกลุ่มๆ

บางครั้งยืนหารือเสียงจ้อกแจ้กอยู่หน้าหาบพ่อค้าเร่

แต่เพื่อให้ได้ชาดกับแป้งน้ำในราคาถูกลงสองสามอีแปะ พวกนางมักร่วมมือกับเพื่อนที่มาด้วยกันโดยไม่ลังเล

มือกระบี่ขี้เหล้ามองทุกใบหน้าของคนเหล่านี้ ยักไหล่ด้วยความหดหู่

แม้อาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้กินเนื้อดีๆ สักมื้อ

แต่มีที่อยู่เป็นของตัวเองในเมืองอ๋องแห่งนี้

มีคนรักเคียงคู่กันชั่วชีวิต มีผู้สืบทอดสายเลือด

แม้วันปกติกินได้แค่ผักต้มผักตุ๋น แต่ชีวิตก็หวานชื่นยิ่ง

เขามองกระบี่ในมือและรองเท้าบนเท้าของตน

พลันรู้สึกตัวเองไม่ค่อยเข้ากับคนบนถนนสายยาวนี้เท่าไร

หากคนที่เดินผ่านกวาดสายตาเข้ามาก็จะหยุดมองเขาชั่วครู่

นี่ไม่ใช่เรื่องดี…

สำหรับคนอื่นการดึงดูดสายตาคนอื่นได้ต้องรู้สึกเบิกบานมากเป็นแน่

แต่สำหรับมือกระบี่ขี้เหล้าไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ

หากเขามีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วหล้าแล้วนี่จะกลายเป็นเรื่องปกติ

แต่สำหรับเขาในตอนนี้ควรกลมกลืนเข้ากับผู้คนจะดีกว่า

ไม่อย่างนั้นคงได้ถูกทหารลาดตระเวนดึงตัวมาสอบถามตั้งแต่ยังไม่ถึงวังอ๋อง

และเขาก็ไม่ใช่คนพูดโกหกได้ง่าย

เขาอยากทำอะไรก็จะพูดออกมาตามตรง

ดังนั้นวิธีเลี่ยงไม่ให้ตนเปิดเผยที่ดีที่สุดก็คือไม่ดึงดูดความสนใจคนอื่นแม้แต่น้อย

เขาจึงตัดสินใจไปซื้อชุดตัวหนึ่ง

และเปลี่ยนรองเท้าคู่หนึ่ง

หากเวลายังเหลือก็ค่อยไปอาบน้ำสางผมในโรงอาบน้ำใกล้ๆ สักรอบ

เขาไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ามานานมากแล้ว

ภาพจำเกี่ยวกับเสื้อผ้ายังหยุดอยู่ที่ต้องไปตัดผ้าในร้านขายผ้าแล้วค่อยไปวัดขนาดกับฝ่ายตัดเย็บ

แต่ตอนนี้เขากลับเห็นร้านอาภรณ์สำเร็จรูปร้านหนึ่งทางฝั่งซ้ายของถนน

เขาไม่เข้าใจความหมายของสามคำว่า ‘ร้านอาภรณ์สำเร็จรูป’

แต่เขาเห็นเสื้อผ้าเป็นชุดที่ตัดเย็บเรียบร้อยแล้วแขวนอยู่เต็มร้านผ่านทางประตู

มือกระบี่ขี้เหล้าเดินเข้าไป

เดิมเสี่ยวเอ้อร์ที่เฝ้าอยู่ด้านในมองแวบแรกก็คร้านจะไปดูแล

อย่างไรลูกค้าที่แต่งตัวซอมซ่อเช่นนี้ก็ซื้อเสื้อผ้าดีๆ ไม่ได้อยู่แล้ว

ชอบวิจารณ์พูดไร้สาระไม่พอ สุดท้ายหยิบเสื้อไหมสักตัวก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว

แต่มองแวบที่สองกลับเห็นกระบี่ในมือเขา

เห็นไข่มุกมากมายที่ฝังอยู่บนด้ามกระบี่

“นายท่าน! ต้องการสิ่งใด ให้ข้าแนะนำท่านดีหรือไม่ขอรับ”

เสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้รีบเปลี่ยนสีหน้า เดินออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงินและยิ้มกล่าวประจบประแจง

“นายท่าน? เหตุใดเจ้าถึงเรียกข้าว่านายท่าน”

มือกระบี่ขี้เหล้าแปลกใจเล็กน้อย

“ท่านดูราศีของท่านสิขอรับ! เป็นถึงระดับเจ้านายแห่งยุทธภพเลยนะขอรับ!”

เสี่ยวเอ้อร์กล่าว

เขายื่นมือขวาออกมาวาดมือกระบี่ขี้เหล้าตั้งแต่หัวจรดเท้า

สีหน้ายิ่งนอบน้อม

มือกระบี่ขี้เหล้าแอบหัวเราะในใจ

‘เจ้านายแห่งยุทธภพ’

เขาเพิ่งได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก

มีคนเสเพลแห่งยุทธภพ วีรบุรุษแห่งยุทธภพ แต่ไม่เคยได้ยินเจ้านายแห่งยุทธภพมาก่อน

หากยุทธภพมีเจ้านายแล้ว

เช่นนั้นยุทธภพนี้ยังนับเป็นยุทธภพได้อีกหรือ

มือกระบี่ขี้เหล้าถอนหายใจ

ไม่อยากจะอ้าปากโต้เถียงกับเสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้

เขารู้ความคิดของเสี่ยวเอ้อร์

แค่อยากประจบตน อีกเดี๋ยวจะได้ขอเงินรางวัลสักเล็กน้อยเท่านั้น

พูดตรงๆ ก็คือเพื่อให้อยู่รอด

เรื่องนี้ไม่ง่ายสำหรับใครเลย

สี่คำนี้อาจเป็นสิ่งที่เขาพยายามใช้ความคิดอย่างยิ่งยวดก็เป็นได้

มือกระบี่ขี้เหล้าเดินอยู่ในร้านอาภรณ์สำเร็จรูปนี้อย่างน้อยสองก้านธูป

เสี่ยวเอ้อร์ก็ตามติดอยู่ด้านหลังเขาในระยะครึ่งก้าวอย่างเคารพนบนอบเช่นนี้

เตรียมพร้อมให้ ‘เจ้านายแห่งยุทธภพ’ ผู้นี้ถามได้ตลอดเวลา

แต่ทำอย่างไรได้ มือกระบี่ขี้เหล้าไม่มีความเห็นเรื่องเสื้อผ้าเลยจริงๆ

ก็เหมือนให้คนไม่รู้หนังสือไปชื่นชมผลงานองก์สุดท้ายแห่งภูเขาแม่น้ำ

ตอนมือกระบี่ขี้เหล้าออกมาอีกครั้ง

เขาใส่ชุดสีน้ำเงินทั้งตัว

ตรงเอวสายคาดเอวไหมสีครามเส้นหนึ่ง

เท้าสวมรองเท้าพื้นบางทะมัดทะแมง

เขาใช้มือสางผมที่ยุ่งเหยิงลูบไปด้านหลังทั้งหมดลวกๆ

พอเปลี่ยนรูปโฉมเช่นนี้แล้วดูสง่างามกว่าก่อนหน้านี้มากจริงๆ

หนำซ้ำหน้าตาเขาก็ไม่ขี้เหร่อยู่แล้ว

เพียงแต่สกปรกเล็กน้อย

ทว่าตอนนี้เข้าคู่กับเสื้อผ้าสะอาด ใบหน้าที่หมองคล้ำพร้อมไรหนวดเล็กน้อยนี้กลับยิ่งดูเคร่งขรึม

บวกกับในใจเขาครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่จริงๆ

เขาก้มหน้าเดินออกจากร้านอาภรณ์สำเร็จรูปกลับมาบนถนนสายยาว

แต่กลับดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งกว่าเดิม!

มือกระบี่ขี้เหล้าอดยิ้มเจื่อนไม่ได้

ใจคิดว่านี่ตนทำให้มันแย่ลงกว่าเดิมเสียแล้ว

สู้เปลี่ยนเป็นชุดเก่าขาดๆ กับรองเท้าฝ้ายอันก่อนยังสบายกว่าเยอะ

เขาเลือกเสื้อผ้าชุดนี้ออกมาได้อย่างไรน่ะหรือ

เขาเลือกตามที่เห็นการแต่งตัวของฮั่ววั่งในร้านอาหารก่อนหน้านี้

แม้มือกระบี่ขี้เหล้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้

แต่ฮั่ววั่งเป็นคนเดียวที่เขาเข้ามาประจันหน้าพูดคุยด้วยอย่างแท้จริง

จึงติดภาพจำของเขาขึ้นใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

เมื่อครู่อยู่ในร้านอาภรณ์สำเร็จรูป หาไปหามาก็ไม่รู้ตัวเองควรใส่อะไร

เขาจึงบรรยายเสื้อผ้าการแต่งกายของฮั่ววั่งในวันนี้ที่จำได้

เสี่ยวเอ้อร์นั่นก็ว่องไวนัก!

มือกระบี่ขี้เหล้าเพิ่งพูดจบ

เขาก็ดึงเสื้อสีน้ำเงินกับสายคาดเอวชุดหนึ่งออกมาจากหลังเสื้อผ้ากองโต

จากนั้นวิ่งไปซื้อรองเท้าคู่หนึ่งให้เขาที่ร้านเฉียงฝั่งตรงข้ามตอนมือกระบี่ขี้เหล้ากำลังเปลี่ยนชุด

ร้านอาภรณ์สำเร็จรูปไม่มีรองเท้า

แต่เสี่ยวเอ้อร์วิ่งไปช่วยเขาซื้อด้วยความคิดที่ว่า ‘ต้องรับใช้เจ้านายแห่งยุทธภพผู้นี้ให้ดี’

ถึงอย่างนั้นรองเท้านี้ก็ทำให้มือกระบี่ขี้เหล้าพอใจมากจริงๆ

สบายกว่ารองเท้าฝ้ายขาดเป็นรูคู่ก่อนหน้านั้นไม่น้อย

เขาไม่ได้โกหก

ตอนอยู่เขตเจิ้นเป่ยอ๋อง มือกระบี่ขี้เหล้าเท้าเปล่าตลอดจริงๆ

ไม่ใส่รองเท้าสบายที่สุดไม่ใช่หรือ

พอเขาเข้าเมืองติ้งซีอ๋องแล้วถึงได้เก็บรองเท้าฝ้ายขาดๆ เช่นนี้จากไหนไม่รู้มาสวมบนเท้า

เท้าสบายแล้ว กายก็คล่องแคล่ว

กายคล่องแคล่วแล้ว เพลงกระบี่ก็พลิกแพลงได้ง่าย

เพลงกระบี่พลิกแพลงแล้ว ฆ่าฮั่ววั่งก็ไม่ยาก

เมื่อคิดถึงตรงนี้มือกระบี่ขี้เหล้าพลันสบายอารมณ์ขึ้นมา

ถึงขั้นเริ่มผิวปาก

ยิ้มและพยักหน้าให้คนเดินผ่านไปมาที่จ้องมองเขาเหล่านั้นเป็นการทักทาย

ท้องฟ้าในยามนี้เหมือนปลอดโปร่งขึ้นมาแล้ว

อย่างน้อยอาทิตย์ยามเย็นนี้ก็สว่างกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย

แสงสีแดงทั่วฟ้า

มือกระบี่ขี้เหล้าเพิ่งพบว่าแท้จริงแล้วตรงสุดปลายทางของถนนยาวสายนี้มีแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง

ข้างแม่น้ำสายเล็กเป็นสวนดอกไม้ของบ้านคนรวยแห่งหนึ่ง

ตอนนี้เป็นยามที่ดอกไม้สีสันต่างๆ งดงามสิบส่วนพอดี

เพียงแต่สวนดอกไม้นี้เหมือนสวนดอกไม้ของคนที่มอบกระบี่ให้เขาเหลือเกิน

กระทั่งตำแหน่งที่ปลูกโบตั๋นและกุหลาบจันทร์ก็เหมือนกันทุกประการ

มือกระบี่ขี้เหล้ายืนอยู่ข้างแม่น้ำเงียบๆ

มองเพลินโดยไม่รู้ตัว

ยามนี้เอง ในสวนดอกไม้พลันปรากฏร่างเด็กหญิงคนหนึ่ง

………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน