สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 1095 ตอนพิเศษ (2)

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 1095 ตอนพิเศษ (2)

บทที่ 1095 ตอนพิเศษ (2)

ในสวน แม่นางน้อยรีบเก็บเสื้อผ้าและสมุนไพรที่ตากไปไว้ที่มุมห้อง

อากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ดูเหมือนฝนใกล้จะตกแล้ว

ทันทีที่เก็บเสร็จ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา

หญิงสาวยืนอยู่ข้างหน้าบานหน้าต่างที่ชำรุดทรุดโทรม มองออกไปข้างนอกแล้วกล่าว “โชคดีที่ข้าเก็บเร็ว”

ขณะที่กล่าวเช่นนั้น นางก็ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าตนเอง

ลู่ฉาวจิ่งมองใบหน้าด้านข้างของนางแล้วเอ่ยเตือน “เจ้าอยากล้างหน้าหรือไม่?”

เดิมทีใบหน้านางก็มีดินเปรอะอยู่แล้ว บัดนี้เมื่อนางเช็ดยิ่งเละเทะไปกันใหญ่

แม่นางน้อยหันกลับมามองเขา ดวงตาวาวน้ำคู่นั้นเต็มไปด้วยความงุนงง “มีอะไรหรือ?”

ดวงตาคู่นั้นประหนึ่งว่าพูดได้

ลู่ฉาวจิ่งกลั้นยิ้ม “หน้าเปื้อนดินน่ะ”

แม่นางน้อยใช้มือเช็ดดู เมื่อเห็นดินที่เปรอะบนนั้นจึงร้องอุทานหนึ่งเสียงแล้ววิ่งไปที่ห้องครัว

ไม่นานนัก แม่นางน้อยก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่มีหยดน้ำเกราะพราว

“ข้าเพิ่งขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาจึงไม่ทันได้สนใจ”

ลู่ฉาวจิ่งมองแก้มกลม ๆ ของแม่นางน้อย ดวงตากลมโตเฉลียวฉลาดคู่นั้นทอแสงระยิบยับ ดูไปแล้วคล้ายกับแมวที่เขาเคยเลี้ยงเป็นอย่างยิ่ง นุ่มฟูน่ารักเป็นพิเศษ

แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เขากระแอมหนึ่งครั้ง แล้วเหลียวมองไปรอบ ๆ “บ้านเจ้ามีกี่ห้องหรือ?”

“เดิมทีมีสองห้อง เพียงแต่หลังจากย่าข้าจากไป แม่เลี้ยงก็บอกว่าที่บ้านไม่ได้ใช้เตียงมากเพียงนั้น นางจึงเอาเตียงกับผ้าห่มของข้าไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงห้องนี้ให้อยู่อาศัยเท่านั้น”

ลู่ฉาวจิ่งขมวดคิ้ว “ข้างนอกฝนตก ตอนนี้อากาศเย็นมาก ดูท่านี่ก็ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว”

“ดังนั้น ข้าเบียด ๆ กับเจ้าได้หรือไม่?” หลิวจิ่วจู๋กะพริบตาปริบ ๆ มองเขาอย่างคาดหวัง

ลู่ฉาวจิ่ง “…”

แม่นางน้อยผู้นี้รู้หรือไม่ว่าสถานการณ์ของนางอันตรายเพียงใด?

เขามองนางอย่างจริงจัง “แม่นางหลิว ข้าเข้าใจความต้องการที่จะหลุดพ้นจากการควบคุมของเจ้า เพียงแต่ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า เจ้าหุนหันพลันแล่นซื้อบุรุษแต่งเข้าบ้าน หากอีกฝ่ายเป็นคนเลว เจ้าจะต้องทุกข์ทรมาน”

หลิวจิ่วจู๋พยักหน้า “ข้ารู้ แต่ว่า… เจ้าไม่ใช่คนเลว”

“หากข้าเป็นคนเลวเล่า?”

“เจ้าไม่ใช่นี่นา!”

“เจ้าไม่รู้จักข้า จักรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่?”

“เพราะเจ้าแดงชอบเจ้า”

“เจ้าแดงคือ…”

ลู่ฉาวจิ่งเห็นงูสีแดงตัวเล็ก ๆ เลื้อยออกมาจากเสื้อผ้าของหลิวจิ่วจู๋

เขาชะงักค้างไปแล้ว

หลิวจิ่วจู๋ลูบหัวงูแดงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าแดง อย่าออกมานะ เจ้าทำให้เขากลัวแล้ว”

ในที่สุดลู่ฉาวจิ่งก็รู้แล้วว่าเหตุใดหลิวจิ่วจู๋ถึงกล่าวว่าแม้เขาจะเป็นคนเลวก็ไม่กลัว เพราะนางยังมีเครื่องรางเช่นนี้อยู่นี่เอง

“เจ้าหิวแล้วกระมัง? ข้าจะไปทำอะไรให้กิน”

เสียงตึงตัง ๆ ดังมาจากห้องครัว

ลู่ฉาวจิ่งปวดแผลเล็กน้อยจึงหลับตาลงพักผ่อน

ฝนสาดซัดลงมา โลกทั้งใบเงียบสงบลงเว้นก็แต่เสียงสายฝน เสียงที่ดังมาจากห้องครัวข้าง ๆ ยังทำให้คนเกิดความรู้สึกสบายใจ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็ยังรู้สึกสงบ

เขาต้องการทราบว่าที่แห่งนี้คือที่ใด อยู่ห่างจากเมืองถงหยางมากเพียงใด หากไกลเกินไป เขาต้องหาร้านค้าสักแห่งเพื่อส่งข่าวคราว เช่นนี้คนของสกุลลู่จะได้มารับเขากลับ

ส่วนแม่นางน้อยผู้นั้น เขาจะขอบคุณนางจากใจจริง

“กินข้าวกันเถอะ”

หลิวจิ่วจู๋ถือถ้วยเข้ามา

ลู่ฉาวจิ่งมองโจ๊กจากแป้งข้าวโพดสีเหลืองตรงหน้า ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะค้นหาเสียงของตนเจอ “นี่อะไร?”

“โจ๊กข้าวโพด” หลิวจิ่วจู๋บอก “เจ้าลองชิมดูสิ”

ลู่ฉาวจิ่ง “…”

ถึงแม้ท่านแม่จะเคยบอกว่าสกุลลู่เคยต้องกินโจ๊กข้าวโพดตอนที่พวกเขายังยากจน ทว่านั่นเป็นเพียงคำบอกเล่า แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยกินมัน

นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ฉาวจิ่งได้เห็นของจริง

เขารับมันมาชิมดูหนึ่งคำด้วยความสงสัย แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อร่อย”

ยามหลิวจิ่วจู๋ยิ้ม ใบหน้าของนางปรากฏลักยิ้มขึ้นมา ดวงตาของหญิงสาวโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว

“เช่นนั้นเจ้าก็กินให้มากหน่อย”

ตกกลางคืน ลู่ฉาวจิ่งตื่นขึ้นมาด้วยความเหน็บหนาว

ยามนี้มีเกี๊ยวน้อยตัวหนึ่งนอนสั่นเทิ้มอยู่ในอ้อมแขนเขา

ลู่ฉาวจิ่งถอนหายใจออกมาเบา ๆ

แม่นางน้อยผู้นี้ไม่รู้ซึ้งถึงอันตรายในโลกจริง ๆ! เพียงแต่โชคยังดีที่ได้พบเขา มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

คืนหนึ่งผ่านพ้นไปโดยปราศจากอันตรายใด ๆ

รุ่งเช้าวันถัดมา ท้องฟ้าแจ่มใส ทว่าอากาศดูเหมือนจะเย็นลงอีกแล้ว ทำให้ลู่ฉาวจิ่งรู้สึกปวดแผลยิ่งกว่าเดิม

หลิวจิ่วจู๋ถือถ้วยแตก ๆ เข้ามา

“นี่อะไร?”

“ยาขี้ผึ้ง” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “นี่เป็นตำรับลับที่ท่านย่าสอนข้า รักษาคนดีขึ้นมาไม่น้อย เจ้าวางใจเถอะ ขาเจ้าจะต้องหายดีเป็นแน่”

“เจ้าเป็นท่านหมอหรือ?”

“ท่านย่าของข้าเป็นท่านหมอ ข้าเพียงแค่เรียนรู้จากนางมาเล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงไม่นับเป็นท่านหมอ เพียงแต่ ข้าเคยเห็นท่านย่าปรุงยาจึงสามารถปรุงยาขายได้” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าจะใส่ยาให้เจ้า”

“ข้าบาดเจ็บที่ขา…”

“ก่อนหน้าก็เป็นข้าที่ใส่ยาให้เจ้า”

ลู่ฉาวจิ่งดึงขากางเกงขึ้นอย่างกระอักกระอ่วน

“เจ้าดูเปราะบางมาก”

ลู่ฉาวจิ่ง “…”

หลังจากทายา ความรู้สึกเจ็บปวดแต่เดิมก็ทุเลาลง ทั้งยังมีความรู้สึกอุ่น ๆ ขึ้นมาแทน

“ขอบคุณ”

หลังจากทายา ลู่ฉาวจิ่งมองนางเก็บกวาดพลางเอ่ยถาม “แม่เลี้ยงเจ้าบอกว่า วันนี้คนของคหบดีจางจะมา ดังนั้นเจ้าไม่ต้องออกไปข้างนอก อยู่แต่ที่บ้าน”

“แม่เลี้ยงของข้าต้องการที่ดินสามหมู่ที่ท่านย่าทิ้งไว้ นางจึงกระตือรือร้นที่จะแต่งข้าออกไป เช่นนี้นางก็จะได้สินสอดทองหมั้น” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “อย่างไรก็ตาม เจ้ากับข้าจดทะเบียนสมรสแล้ว พวกเขาบังคับให้ข้ายอมไม่ได้”

ดังคำกล่าวที่ว่าพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา มีเสียงดังมาจากข้างนอก จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงของอวี๋ซื่อ

“คหบดีจาง นังหนูเหม็นโฉ่ผู้นั้น เพื่อให้ไม่ต้องแต่งออกไปจึงไปหาบุรุษอัปลักษณ์ผู้หนึ่งมาจากข้างนอกมาหลอกลวงท่าน ท่านเชื่อข้า ข้าเป็นแม่นาง ข้ารับปากแล้วว่าจะแต่งนางให้ท่าน นางก็ควรไปสกุลจาง การแต่งงานระหว่างบุรุษอัปลักษณ์ผู้นั้นกับนางไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น”

“ที่ข้าต้องการคือหญิงพรหมจรรย์ นางหาบุรุษหน้าตาอัปลักษณ์ผู้หนึ่งมาจากข้างนอก คงไม่ใช่ว่านางไม่บริสุทธิ์แล้วกระมัง?” เสียงหยาบกระด้างเสียงหนึ่งดังขึ้น

“จะทำได้หรือไร? ข้าไปสอบถามมาแล้ว ได้ความว่าบุรุษอัปลักษณ์ผู้นั้นเป็นทาสที่นางซื้อมาจากนายหน้าค้าทาส ไม่เพียงหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ขายังพิกลพิการ นังเด็กเหม็นโฉ่จงใจหลอกลวงท่าน ท่านอย่าได้หลงกลเชียวนะเจ้าคะ”

ปัง! จากนั้นก็มีเสียงประตูถูกเตะ

สีหน้าของหลิวจิ่วจู๋แปรเปลี่ยนฉับพลัน

นางมองไปรอบ ๆ ห้อง คล้ายจะหาที่ซ่อนตัว

ลู่ฉาวจิ่งคว้าข้อมือหญิงสาวไว้แล้วดึงนางมาอยู่ข้างกายตน

“อยู่ตรงนี้อย่าขยับ”

“แต่ว่า…”

อวี๋ซื่อรุดเข้ามาพร้อมกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง

ด้านหลังชายวัยกลางคนผู้นั้นมีอันธพาลหลายคน

ดูจากใบหน้าดุร้ายของชายวัยกลางคนแล้ว อีกฝ่ายดูเหมือนคนขายเนื้อผู้หนึ่งมากกว่า ไม่ใช่คหบดีอะไร

“นังเด็กเหม็นโฉ่ เจ้ามานี่!” เมื่อวานอวี๋ซื่อกล้ำกลืนความอัปยศ วันนี้มีคนหนุนหลังแล้ว น้ำเสียงนางจึงกระด้างกระเดื่องขึ้นหลายส่วน

คหบดีจางให้สินสอดทองหมั้นห้าสิบตำลึง หากไม่แต่งนังเด็กเหม็นโฉ่ผู้นี้ไป เช่นนั้นสินสอดห้าสิบตำลึงจะทำอย่างไร? นางไม่มีทางคืนไหว อย่างไรเสียนางก็นำไปให้ลูกชายของนางแต่งภรรยาแล้ว

นอกจากนั้น หากแต่งนังหนูเหม็นโฉ่วผู้นี้ออกไปได้ ยังจะได้ที่ดินสามหมู่นั้นที่หญิงชราผู้นั้นทิ้งไว้ด้วย ถึงแม้บ้านหลังนี้จะทรุดโทรมไปบ้าง แต่หากซ่อมแซมก็ยังพออยู่อาศัยได้ เช่นนี้ลูกสะใภ้ก็ไม่รังเกียจแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท