ตอนที่ 1292 รับใช้
สถานการณ์ของต้าเยี่ยนในตอนนี้ กองทัพต้าโจวยกทัพประชิดชายแดนของต้าเยี่ยนอยู่ ต้าเยี่ยนไม่สามารถส่งตัวของไทเฮาให้ต้าโจวเพื่อชดใช้ได้ มิเช่นนั้นจักรพรรดิของต้าเยี่ยงต้องถูกชาวบ้านต้าเยี่ยนสาปแช่งจนไม่มีที่ยืนในต้าเยี่ยนแน่นอน!
ตอนที่คนทั่วใต้หล้าต่างรับรู้ว่าต้าโจวต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง นี่คือโอกาสอันดีที่ต้าโจวจะกำจัดต้าเยี่ยนได้ ต้าโจวจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไรกัน
มีเพียงการใช้ระบอบการปกครองตัดสินผลแพ้ชนะเพื่อรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งที่มู่หรงลี่คิดขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ใช่ชาวบ้านต้องเดือดร้อนเพราะสงครามอีกครั้งเท่านั้นที่จะทำให้พี่หญิงใหญ่จำต้องตกลงเห็นด้วยกับวิธีนี้เพราะกลัวคำครหาของคน ต้าเยี่ยนจึงจะมีโอกาสรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้
ทว่า มู่หรงลี่ส่งหวังหานปิงไปต้าโจวตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดนางจึงไม่รู้ข่าวนี้สักนิด
ไป๋จิ่นถงรู้จักขุนนางในราชสำนักต้าเยี่ยนทุกคน หญิงสาวไม่เพียงรู้จักพวกเขาเท่านั้น ยังรู้จักชาติตระกูล ภรรยาและความลับที่พวกเขาซ่อนไว้เป็นอย่างดีด้วย
หวังหานปิงคือบัณฑิตยากจนที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งในระดับสองของการสอบหน้าท้องพระโรงครั้งที่แล้ว นิสัยของเขาค่อนข้างเข้ากับคนยาก อีกทั้งเป็นคนค่อนข้างหยิ่งผยอง เขาจึงถูกแบ่งแยกจากผู้อื่น เขาดูไม่มีอนาคตในกรมขุนนางเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกไป๋จิ่นถงไม่ได้ใส่ใจคนผู้นี้มากนัก ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้จะแสร้งลาออกจากนั้นตำแหน่งเพื่อเดินทางไปต้าโจวเช่นนี้
เป็นความผิดพลาดของนางเองที่ไม่ได้ตรวจสอบประวัติของหวังหานปิงผู้นี้อย่างละเอียด กลับคิดเอาเองว่าเขาลาออกจากตำแหน่งเพราะถูกกีดกันและเข้ากับผู้อื่นไม่ได้
คนของไป๋จิ่นถงสืบประวัติทั้งหมดของหวังหานปิงอย่างละเอียดทั้งเรื่องชาติกำเนิด นิสัยและความชอบ จากนั้นนำมารายงานไป๋จิ่นถงภายในเวลาเพียงสองชั่วยามเท่านั้น
ไป๋จิ่นถงที่กำลังอาบน้ำฟังรายงานของลูกน้องจบจึงรีบลุกเดินไปเขียนจดหมายลับส่งถึงพี่หญิงใหญ่ของตัวเองทันที
ไป๋จิ่นถงนั่งสยายผมที่ยังไม่แห้งสนิทอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือที่ประดับตกแต่งอย่างสวยหรู หญิงสาวเอนกายพิงหมอนอิงสีเหลืองขมิ้นพลางอ่านทบทวนจดหมายลับที่นางเขียนถึงพี่หญิงใหญ่อีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาจึงใส่มันลงในกระบอกไม้ไผ่และสั่งให้องครักษ์ลับนำไปมอบให้พี่หญิงใหญ่ จากนั้นนางจึงหันไปตรวจสอบสมุดบัญชีร้านค้าต่อ
แสงไฟภายในห้องส่องลอดออกมากระทบลงบนพื้นกระเบื้องที่สวนหญ้าผ่านทางหน้าต่างจนพื้นกระเบื้องและตะไคร้น้ำที่เกาะอยู่ตามกำแพงจวนทอแสงเหลือนวล ไม่นานฝนเม็ดลงตกปรอยลงบนหลังคากระเบื้อง ใบของดอกกล้วยไม้ที่แขวนอยู่ใต้ชายคาสะบัดไปมาเล็กน้อย
ตานจือที่แต่งกายในชุดฮูหยินตระกูลสูงศักดิ์สั่งให้บ่าวรับใช้ย้ายดอกกล้วนไม้เข้าไปหลบในเรือน เมื่อหันกลับไปเห็นร่างของไป๋จิ่นถงผ่านทางหน้าต่างจึงหันไปถามสาวใช้ข้างกาย
“ต้มรังนกของท่านพี่เสร็จแล้วหรือไม่”
“ฮูหยินไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ โรงครัวเล็กต้มเสร็จแล้วเจ้าค่ะ อุ่นร้อนอยู่ตลอดเวลาเจ้าค่ะ”
สาวใช้ข้างกายของตานจือกล่าวขึ้น
ไม่นานตานจือในชุดกระโปรงลายพระจันทร์สีแดงทับทิมจึงถือรังนกเข้าไปด้านใน นางวางถ้วยรังนกไว้ด้านข้างลูกคิดของไป๋จิ่นถง จากนั้นย้ายสมุดบัญชีสีดำหนีไป
“ท่านพี่ดื่มรังนกสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ อ่านบัญชีตอนกลางคืนไม่ดีต่อสายตา ท่านพี่พักผ่อนก่อนแล้วค่อยอ่านพรุ่งนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ”
ครั้งนี้ไป๋จิ่นถงพาตานจือสาวใช้ข้างกายของนางเดินทางติดตามมาด้วย นางให้ตานจือปลอมตัวเป็นอนุคนโปรดของชุยเฟิ่งเหนียน
ไป๋จิ่นถงบอกกับคนภายนอกว่าชุยเฟิ่งเหนียนเติบโตมากับตานจือ ตอนที่ตระกูลชุยประสบปัญหาตานจือไม่เคยทอดทิ้งเขาไป นางร่วมทุกข์กับเขาดังนั้นนางจึงมีความสำคัญกับเขามาก ชาตินี้ชุยเฟิ่งเหนียนไม่มีทางทำผิดต่อตานจือ ทว่า ด้วยฐานะของตานจือทำให้ชุยเฟิ่งเหนียนทำได้เพียงแต่ตั้งนางเป็นอนุคนโปรดทั้น ทว่า ในใจของชุยเฟิ่งเหนียนตานจือคือภรรยาเพียงคนเดียวของเขา
ไป๋จิ่นถงแต่งเรื่องราวความรักระหว่างชุยเฟิ่งเหนียนและตานจือขึ้นมาเพราะจะได้มีข้ออ้างในการไม่แตะต้องสตรีนางอื่นยามไปงานเลี้ยงสังสรรค์ ชุยเฟิ่งเหนียนไม่เคยค้างอ้างแรมที่หอนางโลมเลยสักครั้ง
ประการต่อมาเป็นเพราะแม้ชุยเฟิ่งเหนียนจะเป็นเพียงพ่อค้าที่มีฐานะต้อยต่ำ ทว่า ตอนที่เขาอยู่ที่ซีเหลียง ตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดของซีเหลียงเห็นความสามารถในการทำการค้าของชุยเฟิ่งเหนียนจึงอยากให้เขาแต่งเข้าตระกูล
อีกเหตุผลเป็นเพราะไป๋จิ่นถงต้องการป้องกันไม่ให้ขุนนางในต้าเยี่ยนดึงชุยเฟิ่งเหนียนไปเป็นลูกเขยนางจึงจงใจแต่งเรื่องราวความรักน่าประทับใจนี้ขึ้นมา ชุยเฟิ่งเหนียนไม่เคยแตะต้องสตรีนางอื่นเพราะอนุของเขา ขุนนางที่ต้องการแต่งชุยเฟิ่งเหนียนเข้ามาเป็นเขยในตระกูลต้องคิดให้ดีว่าจะยกบุตรสาวของตัวเองให้แต่งงานกับบุรุษที่มีอนุก่อนภรรยาเอกและยกย่องนางเท่าเทียมกับภรรยาเอกอีกหรือไม่
ตานจือจะเรียกไป๋จิ่นถงว่าท่านพี่ทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าผู้อื่นหรือลับหลังผู้อื่นเพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นจับพิรุธได้ ที่สำคัญนางจะนอนห้องเดียวกับไป๋จิ่นถงทุกคืน
“เดี๋ยวข้าค่อยดื่ม”
ชุยเฟิ่งเหนียนก้มหน้าพลิกหน้าบัญชีพลางคำนวณอยู่ในใจ
“อีกนิดเดียวก็จะคำนวณเสร็จแล้ว”
ไป๋จิ่นถงเป็นคนคล่องแคล่วมาก หญิงสาวนั่งคิดลูกคิดด้วยมือข้างเดียวอยู่ใต้แสงไฟจนมองทันเพียงเงาของมือนางเท่านั้น มีเพียงเสียงดังของลูกคิดที่ทำให้คนรู้ได้ว่าหญิงสาวคิดคำนวณได้เร็วเพียงใด
ตานจือนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไป๋จิ่นถง นางกล่าวขึ้นเสียงเบา
“ท่านพี่ วันนี้ฮูหยินเมิ่งส่งบัตรเชิญมาที่จวนเราบอกว่าวันที่สิบห้าเดือนนี้คือวันเกิดของเหล่าไท่จวินของตระกูลพวกเขา ทว่า ตอนนี้ตระกูลชุยไม่มีนายหญิงของตระกูลจึงเชิญข้าไปแทน ข้าคิดว่าฐานะของข้าไม่ค่อยเหมาะสมนัก ท่านพี่ไปเองดีหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋จิ่นถงไม่ได้หยุดมือที่กำลังคิดลูกคิด นางกล่าวขึ้น
“เขาส่งบัตรเชิญมาให้เจ้า ข้าเป็นเพียงพ่อค้าต่ำต้อย หากไปผู้อื่นอาจคิดว่าข้าต้องการประจบตระกูลเมิ่ง ฮูหยินเมิ่งไม่ได้ตั้งใจจะเชิญเจ้าไปร่วมงานจริงๆ นางแค่อยากถามเรื่องของเมิ่งเจาหรงจากเจ้าเท่านั้น”
ไป๋จิ่นถงพลิกบัญชีหน้าถัดไป จากนั้นกล่าวต่อ
“เจ้าไปเลือกของมีค่าในคลังแล้วพรุ่งนี้ให้ผู้ดูแลนำไปมอบให้ที่จวนเมิ่ง บอกฮูหยินเมิ่งว่าฐานะของเจ้าต้อยต่ำเกรงจะเป็นการทำลายเกียรติของตระกูลเมิ่ง หลังเสร็จสิ้นงานของเหล่าไท่จวิน หากฮูหยินเมิ่งมีเวลาอยากสนทนากับเจ้าเจ้าพร้อมไปพบนางเสมอ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ”
ตานจือเห็นไป๋จิ่นถงกำลังคิดลูกคิดอยู่จึงรู้สึกดีใจแทนคุณหนูสามของนางมาก ตอนนี้คุณหนูสามได้ใช้ชีวิตอย่างที่นางอยากจะเป็นมาโดยตลอดแล้ว
นางจำได้ว่าคุณหนูสามเคยขอพรในวันเกิดของตัวเองว่าอยากกลายเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุด ตอนนี้คุณหนูสามของนางกลายเป็นพ่อค้าสมใจปรารถนาแล้ว
“เจ้าไปนอนก่อนเถิด ไม่ต้องรอข้า” ไป๋จิ่นถงกล่าว
“มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านพี่เจ้าค่ะ” ตานจือกล่าวยิ้มๆ
เมื่อเห็นไป๋จิ่นถงอ่านบัญชีจบแล้วตานจือจึงรีบส่งผ้าขนหนูให้ไป๋จิ่นถงเช็ดมือ เมื่อเช็ดมือเสร็จตานจือจึงรีบยื่นชาร้อนให้หญิงสาว นางดูแลรับใช้ไป๋จิ่นถงอย่างไม่มีที่ติด
“ในที่สุดก็ตรวจบัญชีเสร็จแล้ว ท่านพี่รีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ…”
ตานจือกล่าวยิ้มๆ “ข้าจะปูเตียงให้ท่านพี่นะเจ้าคะ”