ตอนที่ 1293 หลับสนิท
ไป๋จิ่นถงมองตามแผ่นหลังเล็กของตานจือพลางคำนวณอายุของตานจืออยู่ในใจ นางคิดว่าสิ้นปีนี้นางจะส่งตานจือกลับไปให้ท่านแม่ช่วยหาคู่ครองที่ดีให้ตานจือ นางจะให้ตานจือติดตามรับใช้นางไปตลอดชีวิตจนพลาดการแต่งงานของตัวเองไม่ได้
ไป๋จิ่นถงกำลังจิบชาร้อนในมือ ทว่า นางได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่หน้าต่างจึงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะพลางมองไปทางนอกหน้าต่าง ไป๋จิ่นถงดันหน้าต่างเปิดออกเล็กน้อยจึงเห็นองครักษ์ลับยืนอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่าง “นายท่านสาม คนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนผู้สำเร็จราชการมารายงานว่าไทเฮาลอบออกจากวังไปที่จวนผู้สำเร็จราชการขอรับ”
“ข้ารับรู้แล้ว” ไป๋จิ่นถงกล่าวด้วยแววตาเยือกเย็น “กลับไปได้”
ความจริงไป๋จิ่นถงเดาได้ตั้งนานแล้วว่าไทเฮาต้องทนไม่ไหวและลอบไปพบผู้สำเร็จราชการยามวิกาลแน่นอน
เป็นเพราะข่าวลือซึ่งไม่มีที่มาที่ไปลือกันว่าขุนนางฝ่ายผู้สำเร็จราชการแอบรวมตัวกันเพื่อเตรียมถวายฎีกาขอให้ไทเฮาและผู้สำเร็จราชการแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่
หากปลดมู่หรงลี่ลงมาจากบัลลังก์ตอนนี้ องค์ชายใหญ่ไร้ความสามารถเกินกว่าจะนั่งบนบัลลังก์แห่งนั้น องค์ชายสองเป็นแม่ทัพ ดังนั้นคงมีเพียงอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนเท่านั้นที่เหมาะสมกับบัลลังก์นั้นมากที่สุด
ราชสำนักต้าเยี่ยน…ช่างวุ่นวายเสียจริง!
ทว่า ไป๋จิ่นถงคิดว่ายิ่งวุ่นวายยิ่งส่งผลดีต่อต้าโจว
ทว่า ไป๋จิ่นถงรู้สึกเสียดายแทนมู่หรงลี่จริงๆ แม้เขาจะคิดวิธีการใช้การปกครองตัดสินผลแพ้ชนะของสองแคว้นเพื่อรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของต้าเยี่ยน เพื่อรักษาแคว้นต้าเยี่ยนให้ดำรงอยู่ต่อไปเท่านั้น ทว่า แค่เขาคิดได้ก็ทำให้ไป๋จิ่นถงนับถือในความใจกว้างของมู่หรงลี่มากแล้ว
ความจริงไป๋จิ่นถงยินดีช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จลุล่วง
ไป๋จิ่นถงรู้จักนิสัยของพี่หญิงใหญ่ของนางดี พี่หญิงใหญ่ต้องเต็มใจใช้วิธีนี้รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอย่างแน่นอน
พวกนางเกิดในตระกูลนักรบ ทว่า ต่อให้พวกนางจะทำสงครามเก่งกาจสักเพียงใด พวกนางก็ไม่อยากเห็นเหล่าทหารเสียสละชีวิตของตัวเองโดยไม่จำเป็นอยู่ดี พวกนางยิ่งไม่อยากให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากสงครามไปมากกว่านี้ ไม่อยากเห็นการพลัดพรากจากสงครามอีกแล้ว
ไป๋จิ่นถงคิดว่าตอนนี้คงเหลือแต่รอดูท่าทีของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเท่านั้น หากสุดท้ายแล้วอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนยังไม่ยอมเห็นด้วยกับวิธีของมู่หรงลี่เกรงว่าเขาคงปลดมู่หรงลี่ออกจากตำแหน่งแน่นอน
น่าเสียดายที่รากฐานของไป๋จิ่นถงในเมืองต้าเยี่ยนไม่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักของต้าเยี่ยนได้
ทว่า หากถึงคราวจำเป็นจริงๆ ไป๋จิ่นถงยินดีหาทางช่วยชีวิตมู่หรงลี่ให้รอดปลอดภัย
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหากอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนปลดมู่หรงลี่ลงมาจากบัลลังก์จริงๆ เขาต้องสังหารจักรพรรดิมู่หรงลี่ทิ้งอย่างแน่นอน
จวนผู้สำเร็จราชการ
เยว่สือเชิญไทเฮาซึ่งแต่งกายในชุดธรรมดา สวมเสื้อคลุมกันลมและหมวกปิดบังใบหน้าเข้าไปในจวนอ๋อง เมื่อเดินไปถึงโถงรับรองนางกำนัลของไทเฮารีบช่วยไทเฮาถอดเสื้อคลุมกันลมออกจากร่างของไทเฮาทันที จากนั้นยืนรออยู่กับไทเฮาที่โถงรับรองหลัก
ไทเฮาเห็นบ่าวรับใช้ของจวนผู้สำเร็จราชการถือชามาให้นางจึงรู้ทันทีว่านางคงต้องรออีกสักพัก นางหันไปถามเยว่สือ “อ๋องเก้าเข้านอนแล้วหรือไม่”
เยว่สือพยักหน้าพลางกล่าวขึ้น “นายท่านเร่งเดินทางมาหลายวัน เมื่อกลับมาถึงก็มีฎีกามากมายต้องสะสาง ขุนนางมากมายมาถามนายท่านเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของต้าเยี่ยนและต้าโจวเพื่อรวมสองแคว้นเป็นหนึ่ง นายท่านเพิ่งเชิญคนเหล่านั้นกลับไปได้ไม่นาน ตอนนี้เพิ่งผล็อยหลับไปบนกองฎีกาพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาได้ยินจึงกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ไทเฮาพอได้ยินเรื่องนี้มาบ้างเหมือนกัน นางได้ยินว่าอาเหยี่ยนบอกให้พวกขุนนางพวกนั้นกลับไปก่อน เขาไม่มีทางปล่อยให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้แน่นอน ไทเฮาจึงยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
นางกลัวว่าสุดท้ายอาเหยี่ยนจะปลดอาลี่ลงจากตำแหน่งเพื่อรักษาแคว้นของตระกูลมู่หรงเอาไว้
ไม่นานไทเฮาจึงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ด้านนอกโถงรับรอง นางรีบหันไปมองผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ทันที
โคมไฟหกแฉกซึ่งแขวนอยู่ใต้ชายคาระเบียงทางเดินแกว่งไปมาตามแรงลม เงาจากแสงไฟสีเหลืองนวลสั่นไปมาอยู่บนพื้น เซียวหรงเหยี่ยนกำลังเดินขึ้นบันไดโถงรับรองมาทางนาง
เยว่สือรีบออกไปต้อนรับเจ้านายของตัวเองอย่างรู้งาน “นายท่าน!”
ปรอยฝนสาดโดนเส้นผม หมวกขุนนาง และแขนเสื้อตัวยาวของเซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย ชายหนุ่มยืนปัดน้ำฝนบนบ่าของตัวเองพลางกล่าวกับเยว่สือ “เจ้าจงเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก ห้ามให้ผู้ใดเข้าไปเด็ดขาด”
“ขอรับ นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ!”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาด้านในและเสียงกระทบของป้ายหยกที่เอวของชายหนุ่มยามเขาก้าวเท้า นางกำนัลที่คอยรับใช้ข้างไทเฮาจึงรีบก้มหน้าทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นถอยออกไปยืนรอที่ด้านนอกอยู่กับเยว่สือ
“เหตุใดพี่สะใภ้จึงฝ่าสายฝนมาเช่นนี้ขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไทเฮาเป็นอันดับแรก
“อาเหยี่ยนไม่ต้องมากพิธี” นี่เป็นครั้งแรกที่ไทเฮาไม่ได้นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยมาดของไทเฮา นางรีบลุกขึ้นเดินมาประคองเซียวหรงเหยี่ยน “เมื่อครู่ได้ยินเยว่สือบอกว่าเจ้าหลับไปแล้ว พี่มารบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าแล้ว”
เซียวหรงเหยี่ยนอยู่ในจวนของตัวเองจึงไม่ได้สวมหน้ากาก แสงไฟส่องกระทบจนใบหน้าของชายหนุ่มดูคมคายขึ้นกว่าเดิม แววตาลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม “อาลี่ก่อปัญหาใหญ่ที่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรไว้เช่นนี้ ข้าจะหลับลงได้อย่างไรขอรับ”
เมื่อเห็นไทเฮาเตรียมจะกล่าวสิ่งใดออกมาเซียวหรงเหยี่ยนจึงผายมือเชิญให้นางนั่งลงก่อน “พี่สะใภ้ พวกเรานั่งสนทนากันเถิดขอรับ”
ไทเฮาพยักหน้าพลางนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นจึงได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้น “ตอนนี้อาลี่ต้องการนำแคว้นต้าเยี่ยนไปพนันกับต้าโจวให้ได้ พี่สะใภ้ต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาล้มเลิกความคิดให้ได้นะขอรับ ข้าส่งคนไล่ตามหวังหานปิงไปแล้ว หวังว่าจะพบตัวเขาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป หากคนของข้าไล่ตามหวังหานปิงไม่ทัน ปล่อยให้เขาเดินทางไปถึงวังหลวงของต้าโจวและมอบราชสาส์นของอาลี่ให้จักรพรรดิแห่งต้าโจว…”
ใจของไทเฮาตึงเครียดขึ้นทันที “อาเหยี่ยนจะทำเช่นไร”
เซียวหรงเหยี่ยนเม้มปากแน่น เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ แววตาขรึมลงกว่าเดิม
ไทเฮานึกถึงคำของพี่ชายขึ้นมาอีกครั้ง ใจของนางหนักอึ้งกว่าเดิม นางไม่ได้กล่าวเรื่องนี้กับเซียวหรงเหยี่ยนต่อ ทว่า เปลี่ยนไปเอ่ยถึงลูกทั้งสองที่ไป๋ชิงเหยียนคลอดออกมาแทน “พี่ได้ยินว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวประสูติโอรสธิดาฝาแฝดออกมา พี่ยังไม่ได้แสดงความยินดีกับอาเหยี่ยนเลย ตอนนี้อาเหยี่ยนกลายเป็นพ่อคนแล้ว!”
เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินไทเฮาเอ่ยถึงลูกน้อยทั้งสองของตนจึงหยุดชะงักนิ้วที่กำลังเคาะโต๊ะลงครู่หนึ่ง แววตาของเขาขรึมลงกว่าเดิม ชายหนุ่มก้มหน้าลงใช้ขนตายาวของตัวเองอำพรางความรู้สึกในแววตา จากนั้นจึงกล่าวขึ้นเสียงแหบพร่า “พี่สะใภ้ เด็กสองคนนั่นคือทายาทของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว พวกเราตกลงกันแล้วว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับข้าทั้งสิ้นขอรับ”
ทั้งๆ ที่ไทเฮารู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนและไป๋ชิงเหยียนคงแตกหักกันเพราะเรื่องที่ไป๋ชิงอวี๋ถูกซีเหลียงจับไปเป็นตัวประกันและเรื่องที่ต้าโจวยกทัพมาประชิดชายแดนต้าเยี่ยนแล้ว ทว่า นางยังแสร้งทำเป็นโน้มน้าวเซียวหรงเหยี่ยนอยู่ “ไม่ว่าอย่างไรเด็กสองคนนั่นก็เป็นสายเลือดแท้ๆ ของอาเหยี่ยน อาเหยี่ยนกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”