ตอนที่ 1298 เตรียมตัว
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นท่าทีจริงจังของเยว่สือจึงหลุดขำออกมา เขาวางฎีกาลงบนโต๊ะพลางเอ่ยถามเยว่สือ
“เจ้าไปเรียนมาจากผู้ใดกัน”
“ลุงเฝิงขอรับ!” เยว่สือกล่าวสีหน้าจริงจัง
“วันนี้ข้ากล่าวกับลุงเฝิงว่านายท่านรีบร้อนออกมาจากวังหลวงข้าจึงไม่มีโอกาสขอคำแนะนำจากหวังจิ่วโจว ลุงเฝิงจึงบอกกับข้าว่าไทเฮาต้องเสด็จมาพบนายท่านเพราะเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของสองแคว้นแน่นอน หากผู้อื่นมาสอบถามเรื่องนี้จากข้าให้ข้าถอนหายใจพลางส่ายหน้า จากนั้นแสดงท่าทีอัดอั้นตันใจออกมาขอรับ!”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้ายิ้มๆ
“เช่นนั้นเจ้าจงจำไว้ให้ดี!”
“นายท่านไม่ต้องห่วง เยว่สือจะจำไว้ให้ขึ้นใจขอรับ”
เยว่สือตบอกรับประกัน
ครั้งนี้เมื่อเตรียมการเรื่องทุกอย่างในต้าเยี่ยนเสร็จเซียวหรงเหยี่ยนตั้งใจจะพาเฝิงเย่าไปยังต้าโจวด้วย เฝิงเย่าคือคนเก่าแก่ของมารดาของเขา ที่สำคัญเฝิงเย่าเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ตอนเขายังเด็ก ต่อมาเฝิงเยายินดีติดตามรับใช้พี่ชายของเขาด้วยความจงรักภักดี เมื่อพี่ชายของเขาจากไปเฝิงเย่าก็ยังไม่ยอมเกษียณตัวเอง กล่าวว่าไม่อยากอยู่ว่างๆ
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีว่าเฝิงเย่าเป็นห่วงเขา
ครั้งนี้เซียวหรงเหยี่ยนอยากให้เฝิงเย่าได้เห็นลูกทั้งสองของเขาเช่นเดียวกัน ในสายตาของเซียวหรงเหยี่ยนแม้เฝิงเย่าจะเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ทว่า เขาถือเป็นญาติผู้ใหญ่ของเซียวหรงเหยี่ยนคนหนึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น ขุนนางใหญ่ในราชสำนักต้าเยี่ยนแทบจะรู้เรื่องที่ไทเฮาเสด็จไปจวนผู้สำเร็จราชการยามวิกาลกันหมดทุกคน
ขุนนางบางคนเดาว่าไทเฮาไปแสดงจุดยืนว่านางคิดเช่นเดียวกับผู้สำเร็จราชการ ไม่มีทางนำแคว้นต้าเยี่ยนไปเดิมพันแน่นอน
บางคนเดาว่าไทเฮาเป็นห่วงโอรสของตัวเอง นางไปขอร้องอ๋องเก้าเห็นด้วยกับวิธีของจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนที่จวนผู้สำเร็จราชการเพื่อยับยั้งไม่ให้อ๋องเก้าคิดปลดจักรพรรดิต้าเยี่ยนลงมาจากบัลลังก์
ขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดากันไปต่างต่างนานาจักรพรรดิมู่หรงลี่ออกว่าราชการด้วยตัวเองเป็นการชั่วคราว ทว่า ผู้สำเร็จราชการแห่งต้าเยี่ยนกลับไม่ปรากฏตัวในที่ว่าราชการ นางกำนัลข้างกายของไทเฮาไปประกาศราชโองการของไทเฮากลางท้องพระโรงว่าไทเฮาทรงประชวรมาพักใหญ่แล้ว บัดนี้ผู้สำเร็จราชการกลับมาแล้ว ไทเฮาจะพักรักษาตัว ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักอีก
ขุนนางสบตากันด้วยความสงสัยและตกตะลึง มู่หรงลี่ซึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์สูงกำชับให้นางกำนัลข้างกายไทเฮาดูแลไทเฮาให้ดี เขาจะไปเยี่ยมไทเฮาหลังว่าราชการตอนเช้าเสร็จ จากนั้นมู่หรงลี่หันไปมองจงสิงเสี่ยวพลางกล่าวขึ้น
“ไทเฮาพระวรกายไม่ค่อยแข็งแรงต้องการคนอยู่เป็นเพื่อน หากท่านลุงไม่ได้มีธุระอันใดต่อไปเยี่ยมเสด็จแม่กับเราหลังว่าราชการเสร็จดีหรือไม่”
จงสิงเสี่ยวรีบก้าวไปทำความเคารพมู่หรงลี่
“ขอบพระทับฝ่าบาทที่ทรงเมตตา ไทเฮาทรงประชวร กระหม่อมเป็นห่วงยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางฝ่ายไทเฮาต่างมองไปทางจงสิงเสี่ยวเป็นตาเดียว เมื่อวานจงสิงเสี่ยวได้รับจดหมายจากไทเฮาว่านางเกลี้ยกล่อมอ๋องเก้าสำเร็จแล้ว ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่านับจากนี้เป็นต้นไปไทเฮาจะไม่ออกว่าราชการและยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักอีก
ตั้งแต่ที่อ๋องเก้าพาคนสนิทของแม่ทัพชราชุนซานจงกลับมาถึงต้าเยี่ยนขุนนางฝ่ายไทเฮาก็รู้แล้วว่าจะมีวันนี้ นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของเรื่องนี้แล้ว
เทียบกับคราวที่แล้วที่ฝ่าบาทกักบริเวณไทเฮาอยู่แต่ในตำหนักด้วยความโกรธ ครั้งนี้ฝ่าบาทไว้หน้าไทเฮามากแล้ว อย่างน้อยก็ยังอนุญาตให้จงสิงเสี่ยวไปเยี่ยมไทเฮาได้ แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทและไทเฮายังคงดีอยู่
แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายสำหรับขุนนางฝ่ายผู้สำเร็จราชการ ทว่า ถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ไทเฮาสร้างปัญหาใหญ่จนต้าเยี่ยนเดือดร้อนถึงเพียงนี้ หากยังปล่อยให้นางช่วยปกครองแคว้นต่อไปขุนนางอย่างพวกเขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน
แม้เรื่องของจีโฮ่วจะทำให้พวกเขาไม่กล้ากล่าวคำว่า ‘สตรีไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก’ ทว่า ไทเฮาแตกต่างกับจีโฮ่วอย่างลิบลับ นางเทียบไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียวของจีโฮ่วด้วยซ้ำ หวังว่านับจากนี้เป็นต้นไปไทเฮาจะสำนึกผิด อยู่อย่างสงบเสงี่ยมในวังหลังของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักอีก
“ผู้สำเร็จราชการเสด็จถึงแล้ว…”
ขณะที่ขุนนางทุกคนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ขันทีด้านนอกตำหนักตะโกนขึ้น
เหล่าขุนนางหันไปมองทางประตูตำหนักและพากันคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อทำความเคารพทันที มู่หรงลี่ลุกขึ้นยืนมองไปทางประตูเช่นเดียวกัน
ผู้สำเร็จราชการมู่หรงเหยี่ยนสวมชุดขุนนางและหน้ากากสีเงินเข้ามาในตำหนักอย่างไม่รีบร้อน มู่หรงลี่โค้งกายคำนับ “ท่านอาเก้า…”
เซียวหรงเหยี่ยนเดินขึ้นไปบนแท่นสูงทางบันไดข้าง จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ของผู้สำเร็จราชการที่อยู่ถัดจากบัลลังก์ของจักรพรรดิ
มู่หรงลี่นั่งลงบนบัลลังก์ของตัวเองด้วยท่าทีหวาดกลัวผู้สำเร็จราชการ ขุนนางบางส่วนลอบตำหนิผู้สำเร็จราชการอยู่ในใจว่าไม่เห็นจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนอยู่ในสายตา ยังปฏิบัติต่อจักรพรรดิต้าเยี่ยนราวกับเขายังเป็นเพียงเด็ก ไม่ได้ทำตัวเหมือนขุนนางแม้แต่น้อย
ขุนนางบางส่วนคาดเดาว่าครั้งนี้ผู้สำเร็จราชการจะปลดจักรพรรดิลงจากบัลลังก์แล้วสนับสนุนจักรพรรดิหุ่นเชิดคนใหม่ขึ้นครองบัลลังก์แทนหรือไม่
“เมื่อวานหลังจากที่เรากลับไปจวน เราคิดทบทวนเรื่องการใช้ระบอบการปกครองของสองแคว้นตัดสินผลแพ้ชนะของฝ่าบาทอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว”
เซียวหรงเหยี่ยนวางมือข้างหนึ่งลงบนที่วางแขน จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน
“แม้ข้าจะคิดว่ามีหลายจุดไม่เหมาะสม ทว่า ฝ่าบาทคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยน ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดตรัสแล้วคืนคำ!”
“ท่าอาเก้า…”
ใบหน้าของมู่หรงลี่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ตอนนี้ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้ว ต้าโจวแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ต้าโจวแข็งแกร่งกว่าพวกเราหลังจากทำลายล้างซีเหลียงสำเร็จ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า
“เป็นดั่งที่ฝ่าบาทตรัส ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การที่ขุนนางต้าเยี่ยนเห็นด้วย ทว่า คือการทำให้ต้าโจวยอมเห็นด้วยให้ได้”
“ท่านอาเก้า แสดงว่าท่านเห็นด้วยแล้วใช่หรือไม่ขอรับ!”
มู่หรงลี่มีสีหน้าตื่นเต้นราวกับเด็กที่เชื่อใจเซียวหรงเหยี่ยนมาก
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า
“ตอนนี้ข้าคิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออก เมื่อวานหลังจากปรึกษากับไทเฮาเรียบร้อยแล้ว…ข้าจะเป็นคนเดินทางไปยังต้าโจวด้วยตัวเอง เช่นนี้ต้าโจวจะได้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้! ข้าเคยยกทัพไปช่วยเหลือจักรพรรดินีแห่งต้าโจวที่เมืองเจียงจือ จักรพรรดินีแห่งต้าโจวให้ความสำคัญกับชาวเมืองต้าโจวมาก หากครั้งนี้ข้าจะใช้ชาวบ้านทั่วใต้หล้าโน้มน้าวจักรพรรดินีแห่งต้าโจวให้สำเร็จ ให้นางยอมเห็นด้วยกับวิธีของต้าเยี่ยนเพื่อชาวบ้านทั่วใต้หล้า!”
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋องเก้า!”
ขุนนางฝ่ายผู้สำเร็จราชการรีบคุกเข่าลงบนพื้น
“หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ ท่านอ๋องเก้าอาจมีอันตรายได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้าคือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน ข้าไปจึงจะมีน้ำหนักเพียงพอ!”
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงราบเรียบ จากนั้นกล่าวคำที่ไทเฮากล่าวกับเขาเมื่อวานกับขุนนาง
“หากข้าไม่ไป พวกเจ้าจะให้ฝ่าบาทเสด็จไปเองอย่างนั้นหรือ”
เหล่าขุนนางเงียบกริบ
เซียวหรงเหยี่ยนหันไปทางมู่หรงลี่
“กระหม่อมจะเตรียมการเรื่องทุกอย่างในต้าเยี่ยนให้เรียบร้อยก่อนกระหม่อมเดินทางไปต้าโจว หากกระหม่อมโน้มน้าวจักรพรรดินีของต้าโจวไม่สำเร็จ ฝ่าบาทต้องเตรียมทำสงครามกับต้าโจวพ่ะย่ะค่ะ”