ตอนที่ 1315 ใต้หล้าที่สงบสุขตลอดไป
เซียวหรงเหยี่ยนยกมือคารวะขุนนางทุกคนของต้าโจว “เมืองที่ยึดมาได้จากการทำสงครามต้องใช้เวลาซ่อมแซม ชาวเมืองล้วนเสียชีวิตเกือบหมด เหตุใดพวกเราต้องทำถึงขั้นนั้นด้วย”
เหล่าขุนนางในราชสำนักต้าโจวยังคงตะโกนด่าต้าเยี่ยนว่าต้าเยี่ยนอับจนหนทางจึงต้องใช้วิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องหาข้ออ้างโน้มน้าวพวกเขา
“ข้ายอมรับ…” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “ต้าเยี่ยนจำต้องเสนอวิธีนี้เพราะอับจนหนทาง หากข้าไม่ไร้สิ้นหนทางข้าคงไม่เอาต้าเยี่ยนมาเดิมพันกับต้าโจวเช่นนี้ ทว่า หากทำสงครามกันขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าต้าโจวหรือต้าเยี่ยนจะเป็นฝ่ายชนะ สุดท้ายสองแคว้นก็ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดพวกเราจึงไม่เลือกวิธีที่เหล่าทหารไม่ต้องสละเลือดเนื้อและชีวิตของตัวเอง ชาวบ้านไม่ต้องพบกับความสูญเสียและพลัดพรากด้วย”
“ต้าโจวและต้าเยี่ยนล้วนอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ล้วนอยากมีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์ อยากให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสงบ มีใต้หล้าที่สงบสุขตลอดไป เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทำลายแคว้นสองแคว้นให้เสียหายไปมากกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องทำร้ายชีวิตของชาวบ้านสองแคว้นไปมากกว่านี้ พวกเราควรปกป้องบ้านเมืองและชาวบ้านที่มีอยู่ในตอนนี้เอาไว้” เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางหลู่ไท่เว่ย “แม้การทำเช่นนี้จะไม่ได้มีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้สร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ทว่า พวกเราจะกลายเป็นสองแคว้นที่ใช้สันติวิธีหยุดยั้งความโกลาหลในใต้หล้าแห่งนี้อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์มาก่อน”
“อีกอย่าง…” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวต่อโดยไม่รอให้ขุนนางต้าโจวเอ่ยแทรก “ต้าเยี่ยนของพวกเรารู้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวรักและห่วงใยชาวบ้านและทหารของตัวเอง ต้าเยี่ยนทำผิดต่อต้าโจวก่อนดังนั้นข้าจึงปรึกษากับจักรพรรดิและไทเฮาของต้าเยี่ยนว่าจะยอมใช้วิธีนี้เพื่อชดเชยให้ต้าโจว! ฝ่าบาททรงทราบดีว่าตระกูลมู่หรงคือจักรพรรดิของต้าเยี่ยนมาทุกยุคทุกสมัย ต้าเยี่ยนคือบ้านของตระกูลมู่หรง หากไม่ใช่เพราะต้าเยี่ยนทำผิดต่อต้าโจวก่อน หากไม่เห็นแก่ไมตรีที่ต้าโจวดูแลแคว้นพันธมิตรอย่างต้าเยี่ยนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นไทเฮา จักรพรรดิต้าเยี่ยนหรือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนอย่างกระหม่อมก็ไม่มีทางเลือกใช้วิธีการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองแน่นอน เพราะจากสถานการณ์ในตอนนี้ต้าเยี่ยนอ่อนแอกว่าต้าโจวในทุกๆ ด้าน ต่อให้แข่งขันด้วยระบอบการปกครองต้าเยี่ยนก็มีโอกาสพ่ายแพ้ต้าโจวมากกว่า!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ชิงเหยียนพบว่าเซียวหรงเหยี่ยนมีวาทศิลป์ที่ดีถึงเพียงนี้
“หากฝ่าบาททรงไม่เชื่อ สามารถตรัสถามพี่ชายของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนได้…” เซียวหรงเหยี่ยนหลีกทางให้จงสิงเสี่ยวซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังตน
สมองของจงสิงเสี่ยวขาวโพลนขึ้นมาทันที เขารีบก้าวไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนทางด้านหน้า “คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้สำเร็จราชการตรัสถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาของพวกกระหม่อมหลงกลแม่ทัพชราชุยซานจงเจ้าเล่ห์ผู้นั้นจึงเผลอหลุดแพร่งพรายความลับทางทหารออกไป เดิมทีนางให้แม่ทัพชราฉู่ส่งข่าวบอกผู้สำเร็จราชการให้ยับยั้งไม่ให้เจิ้นกั๋วอ๋องและอิงฮุ่ยโหวไปเสี่ยงอันตราย ทว่า ไม่คิดเลยว่าแม่ทัพฉู่ผู้นั้นจะไม่ทำตามกระแสรับสั่งของไทเฮา! แม้แม่ทัพฉู่จะทำไปเพื่อแคว้นต้าเยี่ยน ทว่า เขาไม่ควรทรยศแคว้นพันธมิตรของต้าเยี่ยน ไทเฮาและจักรพรรดิต้าเยี่ยนทรงรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มากจึงยอมใช้วิธีการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองเพื่อรวมสองแคว้นให้เป็นหนึ่งอย่างสันติวิธี ชาวบ้านและทหารจะได้ไม่ต้องเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นว่าขุนนางในราชสำนักไม่ได้เดือดดาลเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว แต่หันไปป้องปากกระซิบปรึกษากันเอง ไป๋ชิงเหยียนจึงกระแอมออกมาเล็กน้อย สื่อให้ขุนนางทุกคนของต้าโจวอยู่ในความสงบ
ท้องพระโรงเงียบกริบลงทันที เหล่าขุนนางต่างมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นช้าๆ “เรื่องใหญ่เช่นนี้ข้าต้องปรึกษากับขุนนางของต้าโจวก่อนถึงจะให้คำตอบอ๋องเก้าได้ เชิญอ๋องเก้าไปพักผ่อนที่จวนรับรองก่อนเถิด”
“เช่นนั้น…กระหม่อมจะรอข่าวดีจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนและขุนนางต้าเยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วจากไปทันที
“ช้าก่อน!” แม่ทัพคนหนึ่งก้าวไปด้านหน้า “ฝ่าบาท ไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนทรยศต้าโจวจนเจิ้นกั๋วอ๋องสลบไม่ได้สติอยู่นาน ต้าเยี่ยนส่งพี่ชายของไทเฮาเดินทางมายังที่นี่ด้วย ไม่ทราบว่าต้าเยี่ยนต้องการให้ต้าโจวลงโทษเขาได้ตามอำเภอใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จงสิงเสี่ยวเบิกตาโพลงมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนด้วยความตื่นตระหนก
ไป๋ชิงเหยียนโบกมือให้แม่ทัพผู้นั้นถอยไป จากนั้นกล่าวต่อ “ผู้สำเร็จราชการไปพักผ่อนเถิด!”
“กระหม่อมทูลลา…” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพอีกครั้ง
เยว่สือร้อนใจมาก เหตุใดคุณหนูใหญ่จึงไม่หาข้ออ้างให้นายท่านอยู่ในวังหลวงต่อกัน เช่นนี้นายท่านจะได้พบหน้าคุณหนูทั้งสองเร็วๆ !
“เชิญพ่ะย่ะค่ะ…” เว่ยจงที่ถือแส้พู่อยู่ในมือผายมือเชิญเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ จากนั้นพาคนเดินออกไปจากตำหนักใหญ่
เยว่สือได้แต่เดินตามหลังเซียวหรงเหยี่ยนออกไปโดยเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้
เมื่อเดินออกมาจากตำหนักใหญ่จงสิงเสี่ยวขาอ่อนทันที โชคดีที่ที่ปรึกษาของเขาช่วยประคองเอาไว้ เขารู้ดีว่าผู้สำเร็จราชการจงใจเปิดเผยฐานะของเขาให้ต้าโจวรับรู้เพราะประสงค์ร้ายต่อเขา
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนและขุนนางของต้าเยี่ยนจากไป สีหน้าของหลิ่วหรูซื่อจึงเคร่งขรึมลงทันที เขาก้าวออกไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท ตอนนี้ต้าโจวแข็งแกร่งกว่าต้าเยี่ยน ต้าเยี่ยนทำผิดต่อพวกเราก่อน ทว่า คราวนี้ต้าเยี่ยนไม่ได้ให้คำตอบกับพวกเราว่าจะจัดการเรื่องที่พวกเขาทรยศพวกเราจนเจิ้นกั๋วอ๋องและอิงฮุ่ยโหวเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นไร เมื่อมาถึงก็เสนอเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองขึ้นทันที แม้จะดูเหมือนพวกเขายอมลงให้พวกเรา ทว่า ความจริงแล้วล้วนเป็นแผนการถ่วงเวลาของต้าเยี่ยนทั้งสิ้น ฝ่าบาทจะทรงตอบรับไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ! กองทัพต้าโจวของพวกเราอยู่ประชิดชายแดนต้าเยี่ยนแล้ว พวกเราพร้อมบุกต้าเยี่ยนทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ!” แม่ทัพของต้าโจวพากันสนับสนุนความคิดของหลิ่วหรูซื่อ “ต้าเยี่ยนคือเนื้อที่อยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้ว พวกเราจะปล่อยพวกเขาไปไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” จางตวนหนิงก้าวไปด้านหน้าเช่นเดียวกัน “พวกเราให้โอกาสต้าเยี่ยนแล้ว ทว่า ต้าเยี่ยนทำเหมือนชดใช้ให้พวกเราแต่แท้จริงแล้วแค่ต้องการยื้อเวลาให้ตัวเองเท่านั้น ตอนนี้พวกเราควรสั่งให้กองทัพบุกโจมตีต้าเยี่ยนตอนที่พวกเขายังเตรียมรับมือไม่ทันเลยพ่ะย่ะค่ะ แม้พวกเราจะเพิ่งยึดซีเหลียงมาได้ หากบุกโจมตีต้าเยี่ยนต่อเสบียงอาหารของพวกเราอาจขัดสนไปบ้าง ทว่า กระหม่อมเชื่อว่าใต้เท้าเว่ยแห่งกรมการคลังต้องหาทางออกได้แน่พ่ะย่ะค่ะ โอกาสทำลายล้างต้าเยี่ยนอยู่ตรงหน้าแล้ว ฝ่าบาทจะทรงปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
จางตวนหนิงมองไปทางเว่ยปู้จิ้งเสนาบดีกรมการคลัง
เว่ยปู้จิ้งยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง เขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใด ไม่กล้าเงยหน้ามองจางตวนหนิง ทำเพียงก้มหน้ามองฝุ่นที่ปลายเท้าของตัวเองเท่านั้น
ความจริงเขารู้จากหลู่จิ้นเสนาบดีกรมราชทัณฑ์แล้วว่าฝ่าบาทตกลงเรื่องนี้กับต้าเยี่ยนไว้นานแล้ว เดิมทีเขากังวลว่าต้าเยี่ยนเสนอแผนนี้ขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลา ทว่า เมื่อรู้ว่าฝ่าบาทของพวกเราเป็นคนเสนอแผนนี้ขึ้นมาเอง อีกทั้งกำหนดเวลาไว้ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้หลังทำลายล้างซีเหลียงสำเร็จเขาจึงวางใจ
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่ก้าวออกไปสนับสนุนให้ฝ่าบาททำสงครามกับต้าเยี่ยนเช่นเดียวกับจางตวนหนิง
เมื่อเห็นว่าเว่ยปู้จิ้งไม่ยอมก้าวออกมาสนับสนุนตนจางตวนหนิงจึงได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจ เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “กระหม่อมเกิดในตระกูลนักรบเช่นเดียวกัน กระหม่อมทราบดีว่าหากต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งต้องมีคนเสียสละ ความจริงเหล่าทหารไม่ได้กลัวที่จะต้องเสียสละ พวกเขาแค่กลัวว่าจะเสียสละไปโดยสูญเปล่าเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”