ตอนที่ 1317 รังแกคนที่อ่อนแอกว่า
“ต้าโจวของพวกเรามีทหารที่มีความสามารถมากมาย ต่อให้ต้องส่งคนไปเป็นตัวประกันที่ต้าเยี่ยนสามคนก็ไม่มีผลอันใดทั้งสิ้น ต่อให้ต้องทำสงครามกันขึ้นมาจริงๆ ต้าโจวของพวกเราก็ไม่ขาดแคลนแม่ทัพอยู่ดี” แม่ทัพคนหนึ่งยกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน “ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาทของพวกเราทรงเก่งกาจทั้งการรบและการวางแผน พระองค์คือเทพแห่งสงครามของต้าโจว!”
“ตอนนี้คนที่มาขอให้พวกเราเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้คือต้าเยี่ยน แคว้นที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตคือต้าเยี่ยน นี่ไม่ใช่สัญญาพันธมิตรที่ต้องเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ต้าเยี่ยนถือดีเช่นไรให้พวกเราส่งตัวประกันไปยังต้าเยี่ยน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ในเมื่อต้าโจวของพวกเราแข็งแกร่งกว่า พวกเราก็ต้องแสดงความแข็งแกร่งให้พวกนั้นได้เห็น…คนแข็งแกร่งรังแกคนที่อ่อนแอกว่า เหตุใดพวกเราต้องกล่าวถึงเรื่องเสมอภาคกับต้าเยี่ยนด้วย ท่านลุงซื่อสัตย์เกินไปแล้ว…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมาเช่นนี้บรรยากาศในราชสำนักจึงคลายความตึงเครียดลง เหล่าขุนนางหลุดหัวเราะกับคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนที่ว่า ‘คนแข็งแกร่งรังแกคนที่อ่อนแอกว่า’
“ใช่! ฝ่าบาทตรัสถูกแล้ว! พวกเราคือแคว้นที่แข็งแกร่งกว่า พวกเราต้องแสดงความแข็งแกร่งออกมา ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าจะเรียกว่าแคว้นที่แข็งแกร่งได้อย่างไรกัน! ต่งซือถูกใสซื่อเกินไปแล้ว!”
ต่งชิงผิงได้ยินคำนี้จึงหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน เขาใช้มือลูบจมูกของตัวเองเบาๆ “ข้าผิดเอง! เช่นนั้นพวกเรามารังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าดั่งที่ฝ่าบาทตรัสกันเถิด…”
บรรยายกาศที่ตึงเครียดผ่อนคลายลงทันที หลู่ไท่เว่ยยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ พลางหันไปสบตากับเสิ่นซือคง
“แน่นอน…” ไป๋ชิงเหยียนเดินไปมาอยู่บนแท่นบัลลังก์อย่างช้าๆ “ในเมื่อต้องการรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าก็ย่อมต้องมีขอบเขต อย่าทำเกินไปนัก ข้าหมายความว่าต้าเยี่ยนต้องส่งผู้สำเร็จราชการมู่หรงเหยี่ยน แม่ทัพใหญ่เซี่ยสวินและองค์ชายสองแห่งต้าเยี่ยนมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจว ทว่า ต้าโจวของพวกเราจะยกเมืองอวิ๋นจิงให้พวกเขา…”
“เมืองอวิ๋นจิงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเพียงแค่เมืองๆ หนึ่งเท่านั้น พวกเรายกเมืองอวิ๋นจิงให้ต้าเยี่ยนวันนี้ วันหน้าเมืองทุกเมืองของต้าเยี่ยนก็ต้องตกเป็นของพวกเราอยู่ดี” แม่ทัพคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจ “ทว่า เจิ้นกั๋วอ๋องและอิงฮุ่ยโหวเกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะเมืองอวิ๋นจิง หากยกอวิ๋นจิงให้ต้าเยี่ยนง่ายๆ พวกกระหม่อมรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าใดพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพอย่างเขาที่อยู่แต่ในเมืองหลวงไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามทำลายล้างซีเหลียงยังรู้สึกไม่ชอบใจ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงทหารต้าโจวที่กว่าจะยึดครองอวิ๋นจิงได้สำเร็จและพวกทหารในสังกัดของเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋ชิงอวี๋เลย
“อย่าเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางแม่ทัพผู้นั้นยิ้มๆ “เมืองอวิ๋นจิงแลกกับต้าเยี่ยนทั้งแคว้นยังไม่คุ้มค่าอีกหรือ”
“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!” เสิ่นซือคงพยักหน้า “ขอเพียงต้าโจวกักตัวแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดของต้าเยี่ยนไว้ได้ วันหน้าต่อให้ต้องทำสงครามต้าโจวก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว การเดิมพันครั้งนี้…คุ้มค่าที่จะลองพ่ะย่ะค่ะ”
“ทว่า ต้าเยี่ยนจะยอมตกลงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้ต้าเยี่ยนไม่มีทางเลือกใดๆ เหลืออยู่อีกแล้ว หากไม่ยอมส่งตัวคนมาแต่โดยดีเพื่อจะได้มีเวลาพักหายใจสามปี พวกเขาก็ต้องทำสงครามกับต้าโจวตั้งแต่ตอนนี้” เสิ่นซือคงมองไปทางหลู่ไท่เว่ย “หลู่ไท่เว่ยมีความเห็นเช่นไร”
“หากข้าเป็นต้าเยี่ยน ระยะเวลาสามปีมากพอให้ข้าฟื้นฟูต้าเยี่ยนให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งได้ เหตุใดข้าจะไม่ตกลงกัน” หลู่ไท่เว่ยกล่าวเสียงขรึม “บางทีต้าเยี่ยนอาจคิดว่าหากแข่งขันด้วยระบอบการปกครองกับต้าโจวพวกเขาคงมีโอกาสชนะต้าโจว อีกสามปีหลังจากนี้ต้าโจวต้องยอมยกแคว้นให้พวกเขาแต่โดยดีก็เป็นได้”
“ทว่า กระหม่อมคิดว่าต้าเยี่ยนต้องการใช้เวลาสามปีนี้สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อทำสงครามกับต้าโจวมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ” หลู่ไท่เว่ยกล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ตอนนี้แคว้นที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤตคือต้าเยี่ยนไม่ใช่ต้าโจว พวกเขาคงร้อนใจกว่าพวกเราแน่นอน ให้พวกเขารอไปก่อน”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงหันไปมองหลิ่วหรูซื่อ “ใต้เท้าหลิ่ว…”
หลิ่วหรูซื่อรีบก้าวไปด้านหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าขอมอบหน้าที่การเจรจาเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของสองแคว้นให้เจ้า บอกต้าเยี่ยนว่าข้ารับข้อเสนอนี้ ทว่า จงบอกเงื่อนไขของต้าโจวให้พวกเขารับรู้อย่างชัดเจน หากต้าเยี่ยนไม่ตกลงกับเงื่อนไขของต้าโจวก็เหลือเพียงการทำสงครามเพียงอย่างเดียวแล้ว ต้าเยี่ยนจะได้ไม่กล้ากล่าวโทษว่าพวกเราต้าโจวไม่รักและห่วงใยชีวิตของชาวบ้านและทหารของตัวเอง”
“กระหม่อมรับบัญชา ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อรับคำ
“จริงสิ พี่ชายของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนอยู่ในคณะทูตของต้าเยี่ยนในครั้งนี้ด้วย เช่นนั้นก็กักตัวเขาไว้ที่นี่ด้วยเลยแล้วกัน” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ยังไม่ต้องรีบร้อนเจรจากับพวกเขา ปล่อยให้พวกเขารอไปสักสองสามวันก่อน”
“กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดเหมือนฝ่าบาทเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วหรูซื่อกล่าวยิ้มๆ
“เช่นนั้นข้ามอบหมายให้ใต้เท้าหลิ่วจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่”
วาทศิลป์ของหลิ่วหรูซื่อไม่เคยทำให้ไป๋ชิงเหยียนผิดหวัง ปล่อยให้พวกเขาไปเจรจากันเองก็แล้วกัน!
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยปากขอให้ผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนอยู่เป็นตัวประกันในต้าโจว ต้าเยี่ยนทั้งแคว้นไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน
ทว่า หากต้าโจวไม่เสนอโจทย์ยากแล้วยอมรับข้อเสนอของต้าเยี่ยนอย่างง่ายดายอาจทำให้ราชสำนักต้าเยี่ยนและไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนสงสัยได้ ต่อให้พวกเขาไม่สงสัยพวกเขาก็คงคิดว่าจักรพรรดินีและขุนนางต้าโจวเป็นคนไร้สมอง
ยิ่งการเจรจาครั้งนี้ยากมากเท่าใดไทเฮาก็จะยิ่งคิดว่าความสัมพันธ์ของนางและอาเหยี่ยนแย่มากเท่านั้น
หากไทเฮายอมให้อาเหยี่ยนอยู่เป็นตัวประกันที่ต้าโจวเพื่อต้าเยี่ยนจริงๆ ก็ดีเหมือนกัน ครอบครัวของนางจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาก่อนเวลาที่คิดไว้
ทว่า หากไทเฮาไม่คิดหาทางเอาตัวอาเหยี่ยนกลับไป อาเหยี่ยนคงผิดหวังในตัวไทเฮามากขึ้นกว่าเดิม
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าอาเหยี่ยนรักและเคารพพี่สะใภ้ของตัวเองมาโดยตลอด
ไม่นานข่าวเรื่องที่ต้าเยี่ยนเดินทางมายังต้าโจวและเสนอเรื่องการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของสองแคว้นเพื่อรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแต่บัณฑิตในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนเท่านั้นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ชาวบ้านที่สนใจเรื่องการเมืองต่างถกเถียงเรื่องนี้กันตามถนนและโรงน้ำชา โรงสุราเช่นเดียวกัน
บัณฑิตส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของต้าเยี่ยน ตอนนี้กองทัพต้าโจวประชิดอยู่ที่ชายแดนต้าเยี่ยนแล้ว ต้าโจวพร้อมบุกโจมตีต้าเยี่ยนตลอดเวลา เหตุใดต้าโจวไม่ยอมกินเนื้อที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง เหตุใดต้องรออีกสามปีด้วย
ชาวบ้านส่วนใหญ่คิดว่าหากรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งด้วยสันติวิธีได้จริงๆ ถือเป็นเรื่องดีมาก เช่นนี้ชาวบ้านที่อยู่ตามชายแดนจะได้ไม่ต้องสละชีวิตของตัวเองเพราะการแย่งชิงผลประโยชน์ของสองแคว้นอีก
ทว่า มีชาวบ้านบางส่วนที่คิดว่าต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด ไม่มีความจำเป็นต้องรวมแคว้นเป็นหนึ่งเดียว แค่ไม่รุกรานกันและกันก็พอแล้ว
เมืองหลวงคือที่ประทับของจักรพรรดิ ชาวบ้านในเมืองหลวงจึงสนใจเรื่องการเมืองมากกว่าที่อื่น
เซียวหรงเหยี่ยนทำทีเป็นส่งคนออกไปสอบถามความเห็นจากชาวบ้านและบ่าวรับใช้ของตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงให้ทูตของต้าเยี่ยนเห็น
บ่าวรับใช้มักคิดตามเจ้านายของตัวเอง ดังนั้นข่าวที่ได้รับรายงานส่วนใหญ่จึงเป็นข่าวที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ เซียวหรงเหยี่ยนสั่งให้จงสิงเสี่ยวไปติดตามเรื่องนี้ต่อ
จงสิงเสี่ยวรีบรับคำ เขาลอบส่งคนไปสืบข่าวเรื่องนี้เหมือนกัน เขากลัวว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้เพียงแค่ถูกไทเฮาบังคับมาเท่านั้น กลัวว่าชายหนุ่มจะแสร้งปล่อยข่าวลือผิดๆ ลับหลังเขาจนสุดท้ายเขาต้องกลายเป็นแพะรับบาปเสียเอง