ตอนที่ 1330 ค่าภาษี
จงสิงเสี่ยวได้รับรายงานเข่าจึงแทบเข่าอ่อนทรุดตัวลงบนพื้น น้องสาวของเขาแทงข้างหลังต้าโจวจนต้าโจวมีข้ออ้างยกทัพไปประชิดชายแดนต้าเยี่ยน ตอนนี้ต้าเยี่ยนเพิ่งคิดวิธีแข่งขันด้วยการปกครองของสองแคว้นเพื่อชาวบ้านและเหล่าทหารขึ้นมาได้กลับเกิดเรื่องมือสังหารของต้าเยี่ยนลอบสังหารขุนนางของต้าโจวขึ้นมาอีก! นี่เท่ากับเป็นการยื่นดาบให้ต้าโจวสังหารต้าเยี่ยนชัดๆ
ร้อยปีให้หลังตระกูลจงต้องถูกคนรุ่นหลังก่นด่าและสาปแช่งจนไม่มีที่ยืนในใต้หล้าแห่งนี้แน่นอน
จงสิงเสี่ยวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยใจที่สั่นระริกคิดได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะเป็นกังวลกับเหตุการณ์อีกร้อยปีให้หลัง ตอนนี้เขาควรเป็นห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่า
ขณะที่จงสิงเสี่ยวกำลังสงสารชีวิตของตัวเองเขาได้รับรายงานว่าองครักษ์ที่อยู่ในคุกยอมสารภาพกับหลู่จิ้นแล้ว เขากล่าวว่าจงสิงเสี่ยวเป็นคนสั่งให้เขาสังหารหลิ่วหรูซื่อเพราะรู้ว่าหลิ่วหรูซื่อเป็นคนมีวาทศิลป์ที่เก่งกาจ เขาต้องการกำจัดอุปสรรคชิ้นนี้ไปก่อน การเจรจาระหว่างสองแคว้นจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น
จงสิงเสี่ยวทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ได้แต่กล่าวในใจว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เขารีบยกพู่กันขึ้นเขียนสั่งเสียทันที
ขณะเดียวกันหลู่จิ้นเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เปื้อนเลือดของตัวเองเป็นชุดขุนนางเพื่อเข้าไปพบไป๋ชิงเหยียนในวังหลวง
“ชายผู้นี้ปากแข็งยิ่งนัก ตอนกระหม่อมเห็นหน้าเขาครั้งแรกก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นคนอำมหิต ตอนแรกที่ถูกทรมานเขาไม่ยอมสารภาพสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น สุดท้ายทนไม่ไหวจึงยอมสารภาพออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่จิ้นยืนรายงานไป๋ชิงเหยียนอยู่กลางท้องพระโรงด้วยท่าทีจริงจัง
“กระหม่อมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยชอบมาพากลนัก ทว่า กระหม่อมให้คนส่งข่าวให้ใต้เท้าจงของต้าเยี่ยนรับรู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลายวันมานี้คนที่เฝ้าหน้าประตูของจงสิงเสี่ยวคือคนของหลู่จิ้น หลู่จิ้นย่อมรู้ดีว่าพี่ชายของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนกระวนกระวายเพียงใด
ไทเฮาของต้าเยี่ยนเกือบทำให้เจิ้นกั๋วอ๋องของพวกเขาเสียชีวิตอยู่ที่เมืองอวิ๋นจิง หลู่จิ้นทำสิ่งใดไทเฮาของต้าเยี่ยนไม่ได้ ทว่า เขาสามารถทรมานพี่ชายของนางที่เดินทางมายังต้าโจวได้ เขาจึงให้คนส่งข่าวบอกจงสิงเสี่ยวว่ามือสังหารยอมรับสารภาพออกมาว่าจงสิงเสี่ยวเป็นคนสั่งให้เขาสังหารหลิ่วหรูซื่อ หากพี่ชายของไทเฮาตกใจจนเสียชีวิตก็ไม่ใช่ความผิดของต้าโจวเสียหน่อย
ไป๋ชิงเหยียนก้มอ่านคำสารภาพของมือสังหารที่หลู่จิ้นส่งมาให้ จากนั้นเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด ไม่นานจึงเงยหน้ามองหลู่จิ้น
“นำตัวมือสังหารผู้นั้นมาพบเราที เราจะสอบสวนเขาด้วยตัวเอง!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางกวาดสายตามองไปทางเว่ยจง
“ไปเชิญอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนมาพบมือสังหารผู้นั้นพร้อมกับเรา พวกเขาจะได้ไม่คิดว่าต้าโจวปรักปรำต้าเยี่ยน”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เว่ยวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะข้างกายไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น
“ฝ่าบาท ใต้เท้าเสิ่นเสนาบดีกรมโยธามารอเข้าเฝ้าฝ่าบาทตามรับสั่งอยู่หน้าตำหนักนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
“เชิญเข้ามาได้…”
ไป๋ชิงเหยียนให้คนเรียกตัวเสิ่นเทียนจือมาพบ จดหมายของไป๋จิ่นถงสามฉบับถูกสส่งมาถึงนางพอดี
จดหมายฉบับแรกคือประวัติของหวังหานปิงหนึ่งในคณะทูตของต้าเยี่ยนในครั้งนี้
จดหมายฉบับที่สองคือนิสัย ความชอบส่วนตัวและจุดอ่อนของบรรดาขุนนางต้าเยี่ยนที่เดินทางมายังต้าโจวในครั้งนี้
จดหมายฉบับที่สามคือจดหมายลับ แม้ภายนอกจะดูเหมือนจดหมายทั่วไป ทว่า ไป๋ชิงเหยียนต้องนำจดหมายไปจุ่มน้ำจึงจะเห็นข้อความลับของไป๋จิ่นถง เมื่อไป๋ชิงเหยียนแกะข้อความลับเหล่านั้นสำเร็จนางถึงเข้าใจความหมายที่ไป๋จิ่นถงต้องการจะสื่อ
จดหมายของไป๋ชิงอวิ๋นจากด่านเย่เฉิงถูกส่งมาถึงไป๋ชิงเหยียนในเวลาไล่เลี่ยกัน เนื้อหาในจดหมายของไป๋ชิงอวิ๋นคือวิธีการผลิตกระดาษซึ่งไป๋จิ่นถงเขียนบอกนางในจดหมายลับฉบับที่สามพอดี
ไป๋ชิงเหยียนคำนวณดูเวลาการส่งจดหมายของไป๋จิ่นถงจึงรู้ทันทีว่าไป๋จิ่นถงเกิดปัญหากับการส่งจดหมาย ไป๋จิ่นถงน่าจะส่งจดหมายมาให้นางและไป๋ชิงอวิ๋นพร้อมกัน ทว่า ไป๋ชิงอวิ๋นได้รับจดหมายของไป๋จิ่นถงก่อนและเขียนจดหมายส่งต่อมาให้นาง ส่วนจดหมายของไป๋จิ่นถงที่ส่งมาให้นางยังเมืองหลวงกลับมาถึงพร้อมกับจดหมายของไป๋ชิงอวิ๋นพอดี เห็นได้ชัดว่าไป๋จิ่นถงกำลังถูกมู่หรงลี่จับตาดูอยู่
ไป๋จิ่นถงเขียนในจดหมายฉบับที่สามว่านางมีที่ยืนมั่นคงในต้าเยี่ยนแล้ว นางใช้วิธีการผลิตกระดาษทำให้ตัวเองมีที่ยืนมั่นคงในต้าเยี่ยน นางลดต้นทุนการผลิตกระดาษลงได้มาก ก่อนหน้านี้มีเพียงคนในราชวงศ์และคนตระกูลสูงศักดิ์ของต้าเยี่ยนเท่านั้นที่มีเงินซื้อกระดาษใช้ ทว่า ตอนนี้คนพอมีฐานะในแคว้นต้าเยี่ยนต่างสามารถซื้อกระดาษไว้ใช้งานได้แล้ว
ชุยเฟิ่งเหนียนเป็นคนเผยแพร่การใช้กระดาษในต้าเยี่ยน ไป๋จิ่นถงเป็นคนฉลาด นางไม่ได้กดราคากระดาษจนต่ำที่สุด ทว่า กลับทำให้กระดาษกลายเป็นของที่พอจับต้องได้ในแคว้นต้าเยี่ยน กระดาษที่แพงที่สุดแพงกว่าก่อนหน้านี้เสียอีกเพราะวิธีการผลิตค่อนข้างซับซ้อน ไป๋จิ่นถงกล่าวว่าไป๋ชิงอวิ๋นเป็นคนสอนนาง
กระดาษที่ถูกที่สุดของร้านค้าตระกูลชุยคือหนึ่งในกระดาษสี่วิญญูชนเรียกว่ากระดาษวิญญูชน
กระดาษวิญญูชนจะมีกลิ่นหอมให้เลือกหลากหลายกลิ่น เช่นกลิ่นดอกเหมย ไม้ไผ่ ดอกส้ม ดอกกล้วยไม้ เป็นต้น หากใช้ร่วมกับหมึกดำที่ตระกูลชุยคิดค้นขึ้นเองอย่างหมึกดอกเหมย หมึกไม้ไผ่ หมึกดอกส้มและหมึกกล้วยไม้จะยิ่งทำให้กลิ่นหอมคงอยู่ได้นานขึ้น ดังนั้นกระดาษชนิดนี้จึงได้รับความนิยมจากคนตระกูลสูงศักดิ์ เหล่าบัณฑิตและสตรีตระกูลสูงศักดิ์มาก
คนตระกูลสูงศักดิ์บางตระกูลของต้าเยี่ยนถึงขนาดใช้แต่กระดาษกลิ่นดอกเหมยและหมึกดำดอกเหมยมาวาดภาพเพื่อให้ภาพวาดคงกลิ่นหอมยาวนาน
กระดาษของร้านค้าตระกูลชุยจึงได้รับความนิยมมากกว่ากระดาษที่แพงที่สุดที่ต้าเยี่ยนเคยใช้ ตอนนี้ยอดจองทะลุไปจนถึงปีหน้าแล้ว จำนวนของไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนในแคว้นต้าเยี่ยนอีกต่อไป
ไป๋จิ่นถงเขียนจดหมายมาเล่าให้ไป๋ชิงเหยียนฟังเพราะพ่อค้าชุยเฟิ่งเหนียนที่มีฐานะต่ำต้อยถูกจักรพรรดิมู่หรงลี่ของต้าเยี่ยนเรียกไปเข้าเฝ้า เมื่อสนทนากันได้พักหนึ่งไป๋จิ่นถงรู้สึกว่ามู่หรงลี่ไม่ได้ถูกรังแกหรือกดดันเหมือนที่คนภายนอกกล่าวกัน นางรู้สึกว่ามู่หรงลี่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนกับเด็กที่ไม่รู้ความ ไป๋จิ่นถงกำชับให้พี่สาวของตัวเองระวังมู่หรงลี่ให้มาก
ไป๋จิ่นถงยังกล่าวอีกว่ามู่หรงลี่ไม่ได้สนทนากับนางนานสักเท่าใดนัก เพียงแค่ถามเรื่องเกี่ยวกับการผลิตกระดาษเท่านั้น ทว่า เขาไม่ได้บังคับให้ไป๋จิ่นถงเผยแพร่วิธีการผลิตกระดาษให้คนต้าเยี่ยน เขาแค่เอ่ยถามนางเล่นๆ ว่าอยากกลายเป็นคนของต้าเยี่ยนหรือไม่ เมื่อไป๋จิ่นถงปฏิเสธมู่หรงลี่จึงปล่อยตัวนางออกจากวัง
ทว่า ผ่านไปไม่กี่วันองค์ชายสองมู่หรงผิงก็มาหานาง กล่าวว่าจะมอบโอกาสที่ดีอย่างหนึ่งให้แก่ชุยเฟิ่งเหนียน เขาจะทำให้กระดาษของชุยเฟิ่งเหนียนกลายเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งแคว้นต้าเยี่ยนและจะงดเก็บภาษีของชุยเฟิ่งเหนียน
ทว่า ข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือชุยเฟิ่งเหนียนต้องผลิตกระดาษแค่ในแคว้นต้าเยี่ยนและห้ามส่งไปขายที่ต้าโจวเด็ดขาดเพราะเขาต้องการเปิดกิจการกระดาษที่ต้าโจวในนามของตระกูลชุย แน่นอนว่าเขาจะสั่งกระดาษทั้งหมดจากตระกูลชุย
ระหว่างนี้ชุยเฟิ่งเหนียนห้ามไปจากต้าเยี่ยนเด็ดขาด องค์ชายสองมู่หรงผิงกล่าวว่านี่คือการสร้างกำไรให้แก่ทั้งสองฝ่าย เขาทำสงครามกับท่านอ๋องมานานก็ยังไม่ได้บรรดาศักดิ์เสียที ตอนนี้เขาแค่อยากหาเงินให้ได้เยอะๆ เท่านั้น
ชุยเฟิ่งเหนียนเป็นพ่อค้าย่อมเห็นแก่กำไร เขาเองก็เช่นเดียวกัน พวกเขาได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เขาอยากร่วมมือกับชุยเฟิ่งเหนียนไปอีกหลายปีดังนั้นเขามอบกำไรที่ต้าเยี่ยนให้ชุยเฟิ่งเหนียน ชุยเฟิ่งเหนียนก็ควรมอบกำไรที่ต้าโจวให้เขา ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ไป๋จิ่นถงต้องการหยั่งเชิงองค์ชายสองมู่หรงผิงจึงเล่าเรื่องที่มู่หรงลี่เรียกนางไปเข้าเฝ้าเพื่อสอบถามเรื่องกระดาษให้มู่หรงผิงฟัง