สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1336 กลับขาวเป็นดำ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1336 กลับขาวเป็นดำ

เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนละสายตาจากร่างของหลู่จิ้น เขาโค้งคำนับไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวอย่างนอบน้อมและวิงวอน

“ฝ่าบาท ตั้งแต่ที่ใต้เท้าหลิ่วถูกลอบสังหารใต้เท้าจงเอาแต่กล่าวว่าตัวเองถูกใส่ร้าย ในฐานะสหายในราชสำนักกระหม่อมไม่เชื่อว่าใต้เท้าจงจะทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้ ฝ่าบาทได้โปรดให้โอกาสต้าเยี่ยนได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ข้าหลู่จิ้นสอบสวนคนมามากมายไม่รู้กี่หมื่นล้านคน คนชั่วทุกคนมักบอกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนตายเพื่ออยากมีชีวิตรอดต่อไปทั้งสิ้น…”

หลู่จิ่นมองไปทางเสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนยิ้มๆ

“นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสักนิด”

ดวงตาลึกล้ำของเซียวหรงเหยี่ยนจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนที่เอาแต่ยิ้มไม่กล่าวสิ่งใดนิ่ง ไม่นานจึงกล่าวขึ้น

“ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทและใต้เท้าหลู่จิ้นจึงไม่ยอมมอบศพของมือสังหารให้พวกเรากันแน่”

“ผู้สำเร็จราชการกล่าวเช่นนี้เราก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน ในเมื่อคนผู้นี้ไม่ใช่ทหารกล้าของต้าเยี่ยน…” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาที่ด้านข้างขึ้นมาถือ

“เหตุใดผู้สำเร็จราชการจึงอยากได้ศพของเขากลับไปด้วย ท่านอยากนำร่างของเขาไปฝังอย่างที่ใต้เท้าหลู่กล่าวอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียกล่าวจบจึงก้มลงจิบชาในมือช้าๆ ด้วยท่าทีสง่างามและเต็มไปด้วยบารมี ยิ่งไปกว่านั้นผิวพรรณที่ขาวงดงามราวกับหยกยิ่งทำให้นางน่ามองขึ้นไปอีก

แสงแดดจากนอกตำหนักส่องกระทบพื้นกระเบื้องที่ได้รับการทำความสะอาดจนมันวาวจนภายในตำหนักสว่างเรืองรองยิ่งกว่าเดิม แสงสีทองส่องกระทบร่างของหญิงสาวที่สวมปิ่นปักผมป่านป่านั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะฎีกาจนเกิดแสงสว่างนวลอบอุ่นเพียงจุดเดียวในตำหนักใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ขาวราวกับหยกของหญิงสาวถูกแสงแดดสีทองส่องกระทบจนดูงดงามและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิมจนผู้อื่นไม่กล้าละสายตาไปจากนางได้

“เสนาบดีกรมการคลังของพวกเราอธิบายอย่างละเอียดแล้ว ใต้เท้าจงของต้าเยี่ยนไม่เคยยอมรับว่าเป็นคนทำเรื่องนี้ กระหม่อมกังวลว่าจะมีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อก่อกวนการเจรจาระหว่างสองแคว้นในครั้งนี้ดังนั้นจึงอยากสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดที่สุดจะได้ให้คำตอบกับต้าโจวและฝ่าบาทได้พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเสียงไม่รีบร้อนด้วยท่าทีสบายๆ เช่นเดิม

“ผู้สำเร็จราชการหมายความว่าเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ของต้าโจวเป็นขยะไร้ค่าที่ถูกมือสังหารหลอกลวงได้อย่างง่ายดายแล้วยังทำเบาะแสสำคัญเพียงหนึ่งเดียวเสียชีวิตระหว่างการสอบสวนอีกอย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเล็กน้อยพลางมองไปทางหลู่จิ้น

“ในเมื่อใต้เท้าหลู่เป็นคนเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์อีกแล้ว…”

หลู่จิ้นเข้าใจความหมายของฝ่าบาทของตัวเองจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ

“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ วันหน้าเมื่อต้าเยี่ยนรวมเป็นหนึ่งกับต้าโจวกระหม่อมจะมอบตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ให้ผู้สำเร็จราชการแต่โดยดี หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้สำเร็จราชการแห่งต้าเยี่ยนจะไม่ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังและช่วยแนะนำกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนสร้างความลำบากใจให้เซียวหรงเหยี่ยนต่อหน้าคนภายนอกคือเรื่องที่สมเหตุสมผล

ขุนนางต้าเยี่ยนไม่พอใจ ทว่า พวกเขาไม่กล้ากล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

มีเพียงเซียวหรงเหยี่ยนคนเดียวที่กล่าวออกมายิ้มๆ เสียงเบา

“ยังไม่รู้ว่ากวางจะตายด้วยน้ำมือของผู้ใด หากถึงเวลานั้นต้าโจวกลายเป็นส่วนหนึ่งของต้าเยี่ยน ข้าจะเก็บตำแหน่งเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ให้ใต้เท้าหลู่เพื่อเห็นแก่พระพักตร์ของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวก็แล้วกัน!”

เสนาบดีกรมกรมการคลังของต้าเยี่ยนเม้มปากแน่น เขาคิดว่าการแตกหักกับต้าโจวในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า ทว่า เขากลับไม่กล้าทนเงียบอยู่เฉยๆ

“ในเมื่อต้าโจวไม่ยอมมอบศพของมือสังหารให้ต้าเยี่ยนตรวจสอบเช่นนั้นก็หวังว่าต้าโจวจะไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นไม่หยุด มิเช่นนั้นหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคนภายนอกอาจคิดว่าต้าโจวจงใจกลั่นแกล้งคนต้าเยี่ยนในแผ่นดินของตัวเอง!”

เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบจึงโค้งคำนับให้ไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง

“กระหม่อมทูลลา…”

เสนาบดีกรมการคลังของต้าเยี่ยนเป็นผู้สำเร็จราชการของตัวเองสะบัดชายเสื้อเดินจากไปจึงรีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเห็นขุนนางของต้าเยี่ยนจากไปหมดหลู่จิ้นจึงสะบัดแขนเสื้อของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นหันไปทางไป๋ชิงเหยียน

“หากเรามอบศพของมือสังหารผู้นี้คืนให้ต้าเยี่ยนจริงๆ ตอนสุดท้ายอาจมีข่าวลือกลับขาวเป็นดำแพร่ออกไปว่าต้าโจวเป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นเพราะไม่อยากเอาแคว้นไปเดิมพันเพื่อชาวบ้านและเหล่าทหาร ทว่า ต้องการทำสงครามกับต้าเยี่ยนแทนได้พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนที่ถือถ้วยชาอยู่ในมือเอ่ยขึ้น

“ตอนนี้ใต้เท้าหลิ่วได้รับบาดเจ็บหนักและยังสลบไม่ได้สติ ใต้เท้าหลู่คิดว่าผู้ใดจะรับหน้าที่นี้แทนใต้เท้าหลิ่วได้บ้าง”

หลู่จิ้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ในเมื่อต้าเยี่ยนส่งผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนมาพวกเราส่งหลู่ไท่เว่ยไปเจรจาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หลู่ไท่เว่ยเป็นคนเจ้าเล่ห์และมีขอบเขต ดีกว่าปล่อยให้ขุนนางระดับล่างไปจัดการเรื่องนี้และโต้เถียงกันไม่มีที่สิ้นสุดพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้ต้าเยี่ยนต้องยอมก้มหัวให้พวกเรา ขอเพียงต้าโจวไม่เสนอเงื่อนไขที่ยากจะรับได้เกินไป ต้าเยี่ยนต้องยอมตกลงตามเงื่อนไขของพวกเราทุกเรื่องแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ต้องลำบากหลู่ไท่เว่ยแล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

ความจริงหากไป๋ชิงอวิ๋นอยู่ที่นี่เขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะจัดการเรื่องนี้ หากไป๋ชิงอวิ๋นจริงจังขึ้นมา…ฝีปากของเขาเก่งกล้ากว่าผู้ใดทั้งสิ้น

ไป๋ชิงเหยียนเห็นด้วยกับคนที่หลิ่วหรูซื่อแนะนำมาเช่นเดียวกัน ปล่อยให้คนกะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างฟ่านอวี้กานไปก่อกวนพวกต้าเยี่ยนก็แล้วกัน

การเจรจาครั้งนี้คงมีสีสันมาก ทว่า ไป๋ชิงเหยียนมีเรื่องการปกครองระบอบใหม่ต้องจัดการอีกมากมาย นางยังต้องคอยปรับปรุงการปกครองระบอบใหม่อีกหลายข้อด้วยตัวเองก่อนนำไปใช้จริง

เมื่อหลู่จิ้นและต้าหลี่ซื่อชิงจากไปไป๋ชิงเหยียนจึงเขียนจดหมายไปให้คนทางหนานเจียง หญิงสาวเขียนบอกเรื่องที่รองแม่ทัพเกาอวี้สิงของท่านอาสองมีชีวิตรอดกลับมาอย่างปลอดภัยให้กองทัพไป๋ที่หนานเจียงรับรู้ หญิงสาวเริ่มมีความหวังขึ้นใจอีกครั้ง…ในเมื่อแม่ทัพเกามีชีวิตรอดกลับมาได้ น้องชายของนางอาจมีชีวิตรอดกลับมาเช่นกันใช่หรือไม่

สงครามที่หนานเจียงคือเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดของไป๋ชิงเหยียน เมื่อทุกคนออกไปจากตำหนักไป๋ชิงเหยียนนั่งนิงปรับอารมณ์ของตัวเองอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงหยิบตำราของจีโฮ่วออกมาวิเคราะห์ต่อ

ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งอ่านไปได้ไม่กี่ตัวอักษรเว่ยจงก็เดินเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว จากนั้นรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในที่พักของต้าเยี่ยน

“ฝ่าบาท ทางที่พักของต้าเยี่ยนรายงานมาว่าจงสิงเสี่ยวพี่ชายของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนถูกองครักษ์พาตัวหลบหนีไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินรายงานจึงวางม้วนไม้ไผ่ในมือลง แววตาของนางเยือกเย็นและแฝงไปด้วยรอยเย้ยหยัน

เดิมทีคิดว่าเรื่องการลอบสังหารหลิ่วหรูซื่อจะหยุดลงเพียงเท่านี้ นึกไม่ถึงเลยว่าคนกลัวตายอย่างจงสิงเสี่ยวจะสร้างปัญหาขึ้นมาอีก

ไป๋ชิงเหยียนอดรู้สึกสงสารเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นมาไม่ได้ คนรอบกายของชายหนุ่มมีแต่คนโง่เขลา เซียวหรงเหยี่ยนคงพาต้าเยี่ยนเดินมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความยากลำบากมาก

ราชสำนักของต้าเยี่ยนไม่เหมือนกับราชสำนักของต้าโจวในตอนนี้ ราชสำนักต้าเยี่ยนเต็มไปด้วยคนตระกูลสูงศักดิ์ของต้าเยี่ยน แม้จะไม่ได้ฝังรากลึกเหมือนตระกูลสูงศักดิ์ทั้งแปดของซีเหลียง ทว่า แต่ละคนจะมีฝ่ายของตัวเองในราชสำนัก ทุกคนมีความคิดและผลประโยชน์ของตัวเอง พวกเขาคืออุปสรรคอย่างหนึ่งของเซียวหรงเหยี่ยน

ส่วนราชสำนักต้าโจวคือราชสำนักที่เพิ่งมีขึ้นใหม่ตอนเกิดราชวงศ์ใหม่ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะให้ความสำคัญกับขุนนางในราชสำนัก ทว่า ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากไป๋ชิงเหยียนล้วนเป็นขุนนางที่ฉลาดและมีสติ พวกเขาไม่มีทางสร้างปัญหาให้ไป๋ชิงเหยียนแน่นอน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท