ตอนที่ 1345 คบไกลตีใกล้
“สถานการณ์ของต้าเยี่ยนในตอนนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะคิดเรื่องแต่งตั้งพระภัสดาเจ้าค่ะ ตอนนี้ทุกคนในราชสำนักมีใจเป็นหนึ่งเดียว ราชสำนักกำลังมั่นคง หากแต่งตั้งพระภัสดาขึ้นตอนนี้อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหวังซื่อยิ้มๆ “ดังนั้นพวกเราควรรอให้เรื่องใหญ่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีก่อนค่อยคิดเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
“อาไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก ทว่า อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน…” หวังซื่อขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนพลางกระซิบเสียงเบาหวิว “อาเป่าต้องระวังคนผู้นี้ให้ดีนะ!”
“ท่านอาสะใภ้สี่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนรับคำยิ้มๆ พลางมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน
ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เมื่อเห็นฮูหยินสี่หวังซื่อมองมาทางเขาชายหนุ่มจึงรีบเบนสายตากลับไปมองนางรำกลางตำหนักต่อ
เมื่องานเลี้ยงชมดอกไม้จบลง เซียวหรงเหยี่ยนอยู่สนทนากับไป๋ชิงเหยียนโดยอ้างว่าต้องการเจรจากับหญิงสาวเรื่องมือสังหารของจงสิงเสี่ยวที่ลอบสังหารหลิ่วหรูซื่อ
หานเฉิงอ๋องที่กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนกลางงานเลี้ยงว่ามีเรื่องอยากสนทนากับหญิงสาวจึงอยู่รอไป๋ชิงเหยียนต่อเช่นเดียวกัน
เสิ่นซือคงและต่งซือถูตามไป๋ชิงเหยียนไปยังห้องตำราหลังงานเลี้ยงชมดอกไม้จบลง เหลือเพียงหลู่ไท่เว่ยเท่านั้นที่กำลังเดินทางกลับมาจากการเจรจาระหว่างสองแคว้นที่หงหลู่ซื่อ
“เว่ยจงพาอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไปรอที่ห้องรับรองด้านข้างก่อน” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่เสิ่นซือคงและต่งซือถู “ให้ชุนจือพาทั้งสองท่านไปพักผ่อนก่อน เมื่อหลู่ไท่เว่ยมาถึงค่อยมาพบข้าพร้อมกัน ข้ามีเรื่องอยากสนทนากับพวกท่าน”
เสิ่นซือคงและต่งซือถูทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “พ่ะย่ะค่ะ”
หานเฉิงอ๋องเดินตามไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในห้องตำราอย่างนอบน้อม จากนั้นคุกเข่าก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนรับผ้าขนหนูจากชุนเถามาเช็ดมือ จากนั้นกล่าวขึ้น “หานเฉิงอ๋องไม่ต้องมากพิธี นั่งลงก่อนเถิด หานเฉิงอ๋องมีสิ่งใดจะกล่าวกับเราอย่างนั้นหรือ”
หานเฉิงอ๋องนั่งคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่ง เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามจึงรีบหันเข่าไปทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้งพลางกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าฝ่าบาทยังจำแคว้นตงอี๋ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนจะลืมแคว้นตงอี๋ได้อย่างไรกัน ตอนนั้นแคว้นตงอี๋กล้าสู่ขอน้องสาวของนางไปเป็นชายารองขององค์รัชทายาทของแคว้นตงอี๋
“จำได้” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
หานเฉิงอ๋องเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนอย่างเป็นกังวล จากนั้นก้มหน้าลงอีกครั้งพลางกล่าวขึ้น “ตอนที่เสด็จพ่อของกระหม่อมยังมีพระชนม์ชีพอยู่พระองค์ส่งสายลับไปแฝงตัวอยู่ในแคว้นตงอี๋ ต่อมาเสด็จพ่อของกระหม่อมสิ้นพระชนม์โดยที่ยังไม่ได้บอกกระหม่อมเรื่องนี้ ดังนั้นตอนที่กระหม่อมยอมจำนนต่อฝ่าบาทจึงไม่ทราบเรื่องนี้เลยไม่ได้กราบทูลให้ฝ่าบาททราบพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนที่ยกถ้วยน้ำชาเตรียมดื่มเงยหน้ามองหานเฉิงอ๋องอย่างตั้งใจฟังสิ่งที่เขาจะกล่าวต่อมาทันที
“เมื่อวานสายลับที่เสด็จพ่อของกระหม่อมส่งไปแฝงตัวอยู่ที่แคว้นตงอี๋ปลอมตัวเป็นคนส่งผักแฝงตัวเข้ามาในจวนของกระหม่อมเพื่อนำข่าวนี้มารายงานให้กระหม่อมทราบ เขารายงานว่าจักรพรรดิของต้าเยี่ยนลอบส่งทูตเข้าไปยังแคว้นตงอี๋อย่างลับๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการสนับสนุนให้แคว้นตงอี๋ยึดครองดินแดนของต้าโจว กระหม่อมไม่กล้ารอช้าจึงรีบมาทูลให้ฝ่าบาททรงทราบพ่ะย่ะค่ะ”
หานเฉิงอ๋องไม่ได้กล่าวออกไปทั้งหมด ความจริงสายลับของต้าเหลียงที่แฝงตัวอยู่ในตงอี๋บอกเขาว่าจักรพรรดิต้าเยี่ยนส่งทูตไปยังตงอี๋เพราะต้องการลอบช่วยเหลือให้ตงอี๋ยึดครองเมืองสองสามแห่งที่ตงอี๋อยากได้จากต้าโจวมานานได้สำเร็จ หน่วยลับของต้าเหลียงที่ยังเหลืออยู่ต้องการถือโอกาสนี้กอบกู้แคว้นคืน สายลับผู้นั้นบอกกับหานเฉิงอ๋องว่าหากเขายินดี…พวกเขาสามารถช่วยเหลือหานเฉิงอ๋องหลบหนีไปได้
ทว่า หานเฉิงอ๋องรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเหลียงสูญสลายไปแล้ว ระบอบการปกครองใหม่ของต้าโจวได้ใจชาวบ้านของต้าเหลียงไปหมดแล้ว ต่อให้พวกเขาถือโอกาสนี้กอบกู้แคว้นคืนมาอีกครั้ง ต่อให้พวกเขามีกองกำลังทหาร ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้การสนับสนุนจากชาวบ้านเหล่านั้นอยู่ดี เหตุใดเขายังต้องลำบากทำเช่นนั้นอีก
“กระหม่อม กระหม่อมแค่อยากขอให้ฝ่าบาทไว้ชีวิตสายลับผู้นั้นสักครั้งแล้วเก็บเขาไว้ทำประโยชน์เพื่อต้าโจวแทนพ่ะย่ะค่ะ” หานเฉิงอ๋องก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งอย่างนอบน้อม
ไป๋ชิงเหยียนก้มมองดูน้ำชาใสในถ้วยชาของตัวเอง นางรู้สึกนับถือมู่หรงลี่ที่อายุยังน้อยผู้นี้มากขึ้นทุกที
ไป๋ชิงเหยียนคือจักรพรรดินีของต้าโจว ถึงแม้นางยินดีแข่งขันกับต้าเยี่ยนด้วยระบอบการปกครองเพื่อรวมสองแคว้นเป็นหนึ่ง ทว่า นางก็ยังต้องเข้าข้างต้าโจวของตัวเองอยู่ดีดังนั้นนางจึงไม่สามารถบอกความจริงบางอย่างให้เซียวหรงเหยี่ยนรับรู้ได้ มู่หรงลี่คือจักรพรรดิของต้าเยี่ยน เขาย่อมต้องคิดเพื่อต้าเยี่ยนเช่นเดียวกัน
พวกนางทั้งสามคนรู้ดีว่าการเดิมพันระหว่างแคว้นครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่มู่หรงลี่ตัดสินใจร่วมมือกับแคว้นตงอี๋สร้างปัญหาให้ชายแดนของต้าโจวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของกองกำลังส่วนหนึ่งของต้าโจวก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
คบไกลตีใกล้[1]…
แคว้นตงอี๋และแคว้นต้าเยี่ยนไม่มีอาณาเขตติดต่อกัน ดังนั้นต้าเยี่ยนจึงเลือกร่วมมือกับตงอี๋
แล้วแคว้นเทียนเฟิ่งเล่า มู่หรงลี่ส่งทูตไปยังแคว้นเทียนเฟิ่งด้วยหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนเป่าชาร้อนในถ้วย นางใช้ฝากดใบชาให้จมลงไปในถ้วยชาเบาๆ จากนั้นเอ่ยถามขึ้น “สายลับเหล่านั้นไม่ได้บอกหานเฉิงอ๋องว่าพวกเขาต้องการกอบกู้แคว้นคืนอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนโง่ สายลับของต้าเหลียงสามารถหลบสายตาทหารที่เฝ้าคุ้มกันจวนอ๋องเข้าไปพบกับหานเฉิงอ๋องในจวนได้แสดงว่าพวกเขาต้องมีความสามารถพอตัว
หากพวกเขาต้องการจงรักภักดีต่อต้าโจว พวกเขาสามารถไปยังจวนจิงจ้าวอิ่นหรือหาทางแฝงตัวเข้าไปในจวนขุนนางสำคัญในราชสำนักต้าโจวเช่นจวนของต่งชิงผิงซึ่งเป็นลุงของไป๋ชิงเหยียนเพื่อส่งสารให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ได้ หรือไม่พวกเขาก็สามารถหาหนทางอื่นให้ตัวพวกเขาเองได้
ทว่า สายลับเหล่านั้นไม่ได้ทำ พวกเขาเลือกไปที่จวนหานเฉิงอ๋องแทน แค่นี้ไป๋ชิงเหยียนก็รู้จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนแล้ว
หานเฉิงอ๋องมาบอกเรื่องนี้กับไป๋ชิงเหยียนเพราะเขาอยากปกป้องชีวิตของสายลับเก่าของต้าเหลียงเหล่านั้นไว้
ร่างของหานเฉิงอ๋องสั่นเทา เขารีบก้มคำนับอีกครั้ง “ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ต้าเหลียงไม่สามารถถูกกอบกู้ขึ้นมาอีกครั้งได้แล้ว การปกครองระบอบใหม่ของฝ่าบาทได้ใจชาวบ้านต้าเหลียงทั่วทั้งแคว้นแล้ว กระหม่อมไม่กล้า…และไม่อยากก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชื่อว่าฝ่าบาทสามารถเป็นจักรพรรดินีที่ดีของใต้หล้าได้ กระหม่อมยินดีติดตามรับใช้ฝ่าบาท แม้กระหม่อมจะไม่สามารถช่วยงานฝ่าบาทในราชสำนักได้ ทว่า กระหม่อมจงรักภักดีต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง “ลุกขึ้นเถิด เจ้ามีรายชื่อของสายลับที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นตงอี๋หรือไม่”
หานเฉิงอ๋องรีบล้วงกระบอกไม้ไผ่กระบอกเล็กออกมาจากอก จากนั้นชูขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง “ทูลฝ่าบาท อยู่ในนี้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เว่ยจงเดินไปรับกระบอกไม้ไผ่มาเปิดออกแทนไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกางแผ่นหนังแกะด้านในออกให้ไป๋ชิงเหยียนอ่าน
ไป๋ชิงเหยียนมองสำรวจรายชื่อและหน้าที่ของสายลับต้าเหลียงที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นตงอี๋พลางหัวเราะออกมาเบาๆ “นึกไม่ถึงว่าจักรพรรดิของต้าเหลียงจะส่งสายลับไปแฝงตัวอยู่ในแคว้นตงอี๋มากถึงเพียงนี้ หนึ่งในนั้นยังมีคนที่มีตำแหน่งสำคัญในแคว้นตงอี๋อีกด้วย”
หานเฉิงอ๋องแนบศีรษะลงบนพื้นกระเบื้องที่ถูกขัดจนมันวาวโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย
“หานเฉิงอ๋อง…” ไป๋ชิงเหยียนวางรายชื่อลงด้านข้าง “เรารู้ว่าเจ้าอยากปกป้องชีวิตของลูกน้องเจ้า”
หานเฉิงอ๋องก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยความจริงใจ “ฝ่าบาททรงพระปรีชาชาญพ่ะย่ะค่ะ!”
“หากเราฉลาดจริงเราคงไม่ปล่อยให้สายลับเหล่านี้แฝงตัวเข้าไปพบเจ้าในจวนโดยที่เราไม่รู้สิ่งใดเช่นนี้หรอก”
“ฝ่าบาท! กระหม่อม…กระหม่อม…” หานเฉิงอ๋องทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างกดดันเช่นนี้
“หานเฉิงอ๋อง เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้าบอกเรื่องนี้กับเราอาจทำให้เราสังหารเจ้าเพื่อยับยั้งความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในต้าเหลียงขณะที่ต้าโจวกำลังจะทำเดิมพันกับต้าเยี่ยนได้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบ “เมื่อเจ้าเสียชีวิตลง สายลับเหล่านั้นก็จะไม่มีข้ออ้างในการกอบกู้แคว้นต้าเหลียงคืนโดยชอบธรรมอีก”
[1] คบไกลตีใกล้ เป็นกลยุทธ์ทางการรบอย่างหนึ่ง หมายถึงเมื่อถูกจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์จึงควรทำสงครามกับศัตรูที่อยู่ใกล้จึงจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากที่สุด การโจมตีศัตรูที่อยู่ไกลกว่าอาจส่งผลร้ายต่อตัวเองมากกว่าผลดี
ตอนที่ 1346 คนดีมีเมตตา
หานเฉิงอ๋องหวาดกลัวจนแทบหยุดหายใจ ทว่า เมื่อคิดได้ว่าตัวเองอยู่อย่างคนขลาดมาโดยตลอดนับตั้งแต่ยอมจำนนต่อต้าโจวเขาจึงคิดว่าไม่สู้ตายไปเลยเสียดีกว่า เขาหลับตาลง
“จักรพรรดิต้องการให้ขุนนางตาย ขุนนางจำต้องตายพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าลุกขึ้นเถิด!”
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนช้าๆ นางมองไปทางหานเฉิงอ๋องที่พร้อมตายนิ่งพลางกล่าวเสียงเบา
“เราไม่ใช่คนที่ชอบสังหารผู้อื่นเป็นว่าเล่น”
“เจ้ามารายงานเรื่องนี้ให้เราทราบแสดงว่าเจ้ารักและเป็นห่วงชาวบ้านแถบชายทะเลจริงๆ”
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปที่หานเฉิงอ๋องนิ่งพลางกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“นับตั้งแต่ที่เจ้ายอมจำนนต่อต้าโจวมีคนมากมายมาขอให้เจ้ากอบกู้แคว้นคืน ทว่า เจ้าไม่เคยรับปากพวกเขาสักครั้ง เรารู้เรื่องเหล่านี้ดี เรายังรู้อีกว่าเจ้าและชายาเอกของเจ้าไม่ยอมมีทายาทเพราะกลัวว่าวันหน้าหากพวกเจ้าไม่อยู่แล้วทายาทของเจ้าอาจถูกผู้อื่นหลอกใช้จนชาวบ้านต้าเหลียงที่ตอนนี้มีชีวิตอย่างสงบสุขต้องเดือดร้อนเพราะสงครามอีกครั้ง!”
ขอบตาของหานเฉิงอ๋องร้อนผ่าว เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวก่อนที่เขาเดินทางมายังเมืองหลวงของต้าโจวเขาก็คิดแล้วว่าเขาต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน เขาอยากหย่ากับชายาเอกของตัวเอง ทว่า นางไม่ยอมทอดทิ้งเขา
“เจ้ามีใจที่รักและห่วงใยราษฎรและลูกน้องของตัวเอง ไม่ว่าเจ้าจะจงรักภักดีต่อเราหรือไม่เจ้าก็คือคนดีมีเมตตาคนหนึ่ง!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบอย่างอ่อนโยนเพื่อแสดงให้หานเฉิงอ๋องรับรู้ว่านางเชื่อใจเขา
“ดังนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจงเป็นคนติดต่อกับสายลับของต้าเหลียงที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นตงอี๋ด้วยตัวเอง หากทางนั้นมีข่าวอันใดเจ้าจงมารายงานเราด้วยตัวเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องจงรักภักดีต่อเรา แค่ทำเพื่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบชายทะเลก็พอ!”
หานเฉิงอ๋องได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวอย่างไม่อยากเชื่อ
“ฝ่า…ฝ่าบาท”
“เรา…เชื่อใจเจ้า!”
ลำคอของหานเฉิงอ๋องร้อนผ่าว เขารีบก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
“ฝ่าบาท…”
“เรารู้ดีว่าตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่ที่เมืองหลวงเจ้าเป็นห่วงชาวบ้านต้าเหลียงของเจ้าอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น…เราจะให้โอกาสเจ้าได้ปกป้องคุ้มครองชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดชายทะเลเหล่านั้นโดยใช้หน่วยสายลับเก่าของต้าเหลียงที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นตงอี๋”
ไป๋ชิงเหยียนเดินไปทางหานเฉิงอ๋องช้าๆ จากนั้นประคองเขาให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง
“ทว่า เพื่อความปลอดภัยของสายลับเหล่านั้นชาวบ้านเมืองเหยียนไห่จะไม่รู้ว่าหานเฉิงอ๋องเป็นคนคอยปกป้องคุ้มครองพวกเขา ที่สำคัญหากแคว้นตงอี๋ก่อปัญหาขึ้นเราจะเอาผิดจากเจ้า เจ้ายินดีรับหน้าที่นี้หรือไม่”
“กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ!”
หานเฉิงอ๋องอยากคุกเข่าลงอีกครั้ง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรั้งตัวเขาไว้ก่อน
ไป๋ชิงเหยียนมองหานเฉิงอ๋องยิ้มๆ นางวางรายชื่อสายลับเหล่านั้นลงบนมือของหานเฉิงอ๋อง จากนั้นกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนลงกว่าเดิมราวกับกล่าวกับคนสนิทที่ไว้ใจได้ของตัวเอง
“เจ้าคุ้นเคยกับทะเลและแคว้นตงอี๋มากกว่าเรา เราเชื่อว่าเจ้าจะทำมันได้ดี เราฝากชีวิตของชาวบ้านแถบชายทะเลไว้ในมือของเจ้าแล้ว เราขอขอบใจเจ้าแทนชาวบ้านแถบชายทะเลเหล่านั้น ขอบใจที่เจ้ายินดีช่วยเราปกป้องคุ้มครองพวกเขา”
ก่อนหน้านี้หานเฉิงอ๋องอาจไม่ได้จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีผู้นี้ ทว่า หลังผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปเขายินดีจงรักภักดีต่อจักรพรรดินีที่กล้าใช้คนอย่างไม่หวาดระแวงผู้นี้
เขาคือองค์ชายสามของแคว้นต้าเหลียง หากเป็นจักรพรรดิคนอื่นคงสังหารเขาเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังไปแล้ว ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่เพียงไว้ชีวิตเขา นางยังกล้าใช้งานเขาอีกด้วย
จักรพรรดินีผู้นี้ดีกว่าเสด็จพ่อของเขาซึ่งเคยเป็นจักรพรรดิแห่งแคว้นต้าเหลียงหลายเท่านัก!
“กระหม่อมจะรับใช้ฝ่าบาทไปชั่วชีวิต จะไม่มีทางทำให้ฝ่าบาทผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
หานเฉิงอ๋องถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นคุกเข่าก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง
“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทมากที่ทรงมอบโอกาสนี้ให้กระหม่อม ไม่ปล่อยให้กระหม่อมใช้ชีวิตอย่างเศษสวะไร้ค่าไปวันๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถิด…”
ไป๋ชิงเหยียนประคองหานเฉิงอ๋องขึ้นพลางกล่าวยิ้มๆ
“ไม่ต้องคำนับเราแล้ว พวกหลู่ไท่เว่ยก็ไม่ได้มากพิธีกับเราเช่นนี้ เดี๋ยวเราจะส่งคนจำนวนหนึ่งไปให้เจ้าที่จวน นับจากนี้พวกเขาจะฟังคำสั่งของเจ้า เจ้าสั่งงานพวกเขาได้เต็มที่!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หานเฉิงอ๋องโค้งกายคำนับอีกครั้ง
“ไปเถิด…”
ไป๋ชิงเหยียนตบไหล่หานเฉิงอ๋องเบาๆ
หานเฉิงอ๋องเดินออกไปจากตำหนักอย่างนอบน้อม เขาเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่มีเพียงก้อนเมฆ ในสมองเต็มไปด้วยคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนที่กล่าวว่า ‘ไม่จำเป็นต้องจงรักภักดีต่อเรา แค่ทำเพื่อชาวบ้านเมืองเหยียนไห่ก็พอ’
นึกไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดินีผู้นี้จะมีใจรักชาวบ้านทั่วทั้งใต้หล้าและมีใจจิตที่กว้างใหญ่เช่นนี้…
หานเฉิงอ๋องหันไปมองตำหนักใหญ่ จากนั้นโค้งกายคำนับอีกครั้งแล้วเดินตามขันทีออกไปจากวังหลวง
ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบหลังส่งหานเฉิงอ๋องออกไปจากตำหนักเสร็จ ไม่นานเว่ยจงก็พาหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคงและต่งซือถูเข้ามาในตำหนัก
ไป๋ชิงเหยียนเห็นหลู่ไท่เว่ยจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ลำบากหลู่ไท่เว่ยแล้วที่ต้องไปๆ มาๆ เช่นนี้ ข้าอ่านรายงานที่ส่งมาจากหงหลู่ซื่อแล้ว มิน่าใต้เท้าหลิ่วจึงอยากได้หลู่เฟิ่งหลางมาช่วยงาน วาจาของนางทำเอาต้าเยี่ยนเป็นใบ้กันไปหมด เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ!”
หลู่ไท่เว่ยดีใจที่ได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยชมหลู่เฟิ่งหลาง ทว่า เขารีบกล่าวอย่างถ่อมตัว
“ฝ่าบาทตรัสชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เฟิ่งหลางไม่ได้มีวาทศิลป์ที่เก่งกาจหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่ครั้งนี้ต้าโจวของเราได้เปรียบและแข็งแกร่งกว่า นางอายุยังน้อย ยังต้องเรียนรู้จากใต้เท้าหลิ่วอีกมากพ่ะย่ะค่ะ”
“หลู่ไท่เว่ยไม่ต้องถ่อมตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าหรอก หลู่เฟิ่งหลางกับหลู่หยวนชิ่งล้วนเป็นคนมีความสามารถและอนาคตไกลของต้าโจว ไหนจะยังหลู่หยวนเผิงอีก เขากล้าหาญมากเมื่ออยู่ในสนามรบ!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเสิ่นซือคงและต่งซือถูยิ้มๆ
“หลู่ไท่เว่ยอบรมเลี้ยงดูทั้งขุนนางบัณฑิตและขุนนางนักรบให้ต้าโจวเลยนะ!”
“ฝ่าบาทตรัสชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
รอยยิ้มบริเวณหางตาที่เหี่ยวย่นของหลู่ไท่เว่ยกว้างกว่าเดิม
หากคำกล่าวนี้มาจากจักรพรรดิคนอื่นๆ เฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างหลู่ไท่เว่ยคงตกใจจนเป็นลมไปแล้ว ทว่า คำกล่าวนี้ออกมาจากปากของไป๋ชิงเหยียน หลู่ไท่เว่ยรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังมีความสุขจึงไม่ได้หวาดกลัวกับคำกล่าวของหญิงสาว
เสิ่นซือคงกล่าวยิ้มๆ
“กระหม่อมก็ไม่คิดเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะว่าคุณชายหกที่ดูไม่เอาไหนของตระกูลหลู่ผู้นั้นจะสร้างชื่อเสียงในกองทัพขึ้นมาได้ ลูกหลานตระกูลกระหม่อมดูไม่เอาไหนขึ้นมาทันทีเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ต่งซือถูกล่าวเสริมขึ้นยิ้มๆ
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ลูกๆ ของข้ายิ่งดูไม่เอาไหนกว่าผู้ใดทั้งหมดเลยสิ!”
เว่ยจงให้คนนำชามาให้คนทั้งสี่ที่กำลังสนทนากันด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพาคนจากไป
ไป๋ชิงเหยียนเริ่มกล่าวเรื่องสำคัญกับใต้เท้าทั้งสาม
“แคว้นเทียนเฟิ่งจะมาเจรจากับพวกเราหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เสิ่นซือถงมีสีหน้าประหลาดใจ
“ตอนนี้ต้าโจวของพวกเราไม่ได้จะทำสงครามกับเทียนเฟิ่ง เทียนเฟิ่งก็คงมองออกเช่นเดียวกัน เหตุใดพวกเขาต้องมาเจรจากับพวกเราตอนนี้ด้วย”
“เทียนเฟิ่งพ่ายแพ้ในสงครามที่ซีเหลียง พวกเขาคงหวาดกลัวพวกเรากระมัง”
ต่งซือถูกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“ฝ่าบาทกำลังลังเลว่าจะให้พวกเขาเดินทางมาหรือไม่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
หลู่ไท่เว่ยเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนลูบหยกจักจั่นในถุงเงินที่แขวนอยู่ที่เอวของตัวเองอย่างแผ่วเบา
“ไม่ได้ลังเล ข้าพอเดาได้ว่าเหตุใดเทียนเฟิ่งจึงอยากมาเจรจาเชื่อมไมตรีกับต้าโจว”
ทั้งสามคนมองไป๋ชิงเหยียนอย่างรอคำอธิบาย
ไป๋ชิงเหยียนเล่าเรื่องหยกจักจั่นให้ใต้เท้าทั้งสามคนฟัง
“จักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งมีหยกจักจั่นที่เหมือนกับของสามีของข้าที่เคยพกติดกายตลอดเวลา เทียนเฟิ่งอ้างว่าต้องการมาเจรจากับพวกเรา ทว่า แท้จริงแล้วพวกเขาคงตั้งใจมาหาหยกจักจั่นชิ้นนี้แน่”