ตอนที่ 1347 ข่มเหงรังแก
“กระหม่อมคิดว่าการย้อนเวลาเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดีพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นซือคงขมวดคิ้วแน่น “กระหม่อมเชื่อคำของฝ่าบาทที่ตรัสว่าตอนนั้นฮองเฮาแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งไม่มีทายาท ดังนั้นนางจึงกุเรื่องหยกจักจั่นขึ้นมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักว่าหยกจักจั่นทำให้นางสูญเสียสามีและลูก มิเช่นนั้นฮองเฮาที่ไร้ทายาทของราชวงศ์คงไม่สามารถควบคุมราชสำนักได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ซีเหลียงศรัทธาเทพเจ้ามาก เทียนเฟิ่งอยู่ห่างจากซีเหลียงโดยมีแค่ภูเขาหิมะลูกหนึ่งกั้นขวาง พวกเขาจะเชื่อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด” ต่งชิงผิงกล่าวขึ้นช้าๆ “ฝ่าบาทจะรับมือกับคนของเทียนเฟิ่งเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ จะให้พวกเขามาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ให้พวกเขามา! หากไม่ให้พวกเขามาอย่างเปิดเผยพวกเขาก็คงลอบเข้ามาในต้าโจวอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้ให้พวกอาฉีรับฟังพวกเขาก่อนว่าพวกเขาต้องการเจรจากับพวกเราเช่นไร จากนั้นเสนอเงื่อนไขอย่างเปิดเผยไปเลย”
“เช่นนั้นควรส่งคนไปคุ้มกันสุสานของพระภัสดาไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ” หลู่ไท่เว่ยกลัวว่าคนแคว้นเทียนเฟิ่งจะทำถึงขนาดขุดหลุมศพของเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นมาเพื่อค้นหาหยกจักจั่น
ไม่ว่าอย่างไรเซียวหรงเหยี่ยนก็เป็นสามีของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว หากหลุมศพของเขาถูกขุดเท่ากับเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของต้าโจว ต่อให้พวกเขาไม่อยากทำสงครามกับเทียนเฟิ่งก็ต้องทำสงครามเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของต้าโจวกลับคืนมาอยู่ดี ตอนนี้ต้าโจวกำลังจะเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่กับต้าเยี่ยน พวกเขาจะปล่อยให้เกิดสงครามขึ้นที่แคว้นซีเหลียงที่พวกเขาเพิ่งยึดครองไม่ได้เป็นอันขาด
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลู่ไท่เว่ย “ข้าจะให้ฝูรั่วซีเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
“แม่ทัพฝูเป็นคนละเอียด เขาต้องทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นซือคงพยักหน้า
เมื่อหลู่ไท่เว่ย เสิ่นซือคงและต่งซือถูจากไป เว่ยจงจึงพาเซียวหรงเหยี่ยนเข้ามาในตำหนัก เซียวหรงเหยี่ยนนั่งรอไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่ห้องด้านข้างหนึ่งชั่วยามครึ่ง
เซียวหรงเหยี่ยนคือผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนเขาย่อมรู้ดีว่างานในราชสำนักมีมากมายเพียงใดจึงไม่ได้รู้สึกร้อนใจหรือหงุดหงิด
เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้ามาในตำหนักไป๋ชิงเหยียนให้คนพาลูกทั้งสองคนมารออยู่ก่อนแล้ว
พรมขนแกะลายมังกรสีทองถูกปูบริเวณใต้โต๊ะฎีกาของไป๋ชิงเหยียน ม่านผืนบางลายดอกไม้ถูกรวบแขวนอยู่บนคานอย่างเรียบร้อย บนโต๊ะไม้ด้านข้างมีฎีกากองสุมอยู่ราวภูเขา อีกฝั่งคือถาดหมึกและพู่กัน ไป๋ชิงเหยียนนั่งอุ้มลูกน้อยอยู่ตรงกลางพรมพลางส่งยิ้มให้เขาท่ามกลางแสงไฟจากโคมไฟดอกบัวสามสิบสองแฉก เป็นภาพที่งดงามน่าตราตรึงใจยิ่งนัก
เว่ยจงและชุนเถาถอยออกไปจากห้องอย่างรู้งาน เซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน เขารับลูกมาอุ้มไว้พลางนั่งลงข้างกายหญิงสาว “วันนี้ข้าถึงได้รู้ว่าเจ้าต้องลำบากเพียงใดที่ต้องเลี้ยงลูกๆ พลางสะสางงานในราชสำนักไปด้วย”
“ดังนั้นข้าอยากให้สองแคว้นรวมเป็นหนึ่งโดยเร็ว ข้าจะได้ไปใช้ชีวิตที่สงบสุขกับท่านที่ไป๋ว่อเสียที” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางเอื้อมหยิบกล่องไม้หนักอึ้งใบหนึ่งจากโต๊ะฎีกาส่งให้เซียวหรงเหยี่ยน
“อาเป่าเตรียมของขวัญใดให้ข้าอีกกัน” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวพลางเปิดกล่องออกดูยิ้มๆ
ด้านในคือคือโฉนดจวนและที่ดินในเมืองไป๋ว่อ
เซียวหรงเหยี่ยนตะลึงไปชั่วครู่ “นี่มัน…อาเป่า จวนที่เจ้าซื้ออยู่ติดกับจวนที่ข้าซื้อเพียงกำแพงกั้นเท่านั้น”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเช่นนี้จึงตะลึงงันไปเช่นกัน ไม่นานจึงกล่าวออกมายิ้มๆ “ดีเลย พวกเราจะได้ทุบกำแพงให้เชื่อมติดกัน เช่นนี้จวนของพวกเราจะได้กว้างขวางกว่าเดิม”
ความคิดของไป๋ชิงเหยียนตรงกับความคิดของเซียวหรงเหยี่ยนโดยไม่ได้นัดหมาย เซียวหรงเหยี่ยนอยากซื้อจวนที่ไป๋ชิงเหยียนซื้อตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทว่า เขาลงมือช้าไปจวนหลังนั้นจึงถูกขายไปแล้ว เขาให้คนไปซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าเดิมมาก ทว่า ไม่ว่าจะเสนออย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ยอมขาย นึกไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนจะเป็นคนซื้อจวนหลังนั้นไว้
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองใบหน้าที่อบอุ่นและอ่อนโยนของเซียวหรงเหยี่ยนยามเขาอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมกอด จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา “คนของแคว้นเทียนเฟิ่งจะมาเจรจากับต้าโจว ข้าอนุญาตพวกเขาแล้ว…”
เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “คงเป็นเรื่องหยกจักจั่นชิ้นนั้น”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” ไป๋ชิงเหยียนลูบหยกจักจั่นที่อยู่ในถุงเงินซึ่งผูกไว้ที่เอวของนางเบาๆ “ดังนั้นหลู่ไท่เว่ยจึงอยากให้ส่งคนไปคุ้มกันสุสานของสามีข้าให้ดี”
“ข้าจะให้คนคอยจับตาดูเช่นเดียวกัน จะไม่ปล่อยให้สุสานถูกขุดขึ้นมาจนสร้างปัญหาให้เจ้าแน่นอน…” เซียวหรงเหยี่ยนแนบหน้าผากจรดกับหน้าผากของไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา
เซียวหรงเหยี่ยนรู้ดีแก่ใจว่าสุสานนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ทั้งสิ้น หากสุสานถูกขุดขึ้นมาแล้วผู้อื่นล่วงรู้ว่าในนั้นไม่มีศพของเซียวหรงเหยี่ยนไป๋ชิงเหยียนต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน
“ตกลง…” ไป๋ชิงเหยียนรับคำเบาๆ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
“ฝ่าบาท!” เว่ยจงเอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนอย่างหยั่งเชิงจากนอกห้อง “ฝ่าบาท เกิดเรื่องขึ้นกับหวังเหล่าไท่จวินของฮูหยินสี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮูหยินสี่ไปขออนุญาตไทเฮาออกจากวังไปทั้งน้ำตาโดยไม่มีเวลาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายพ่ะย่ะค่ะ”
หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ เว่ยจงไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของไป๋ชิงเหยียนกับเซียวหรงเหยี่ยน ไทเฮาไม่ได้ส่งคนมารายงานไป๋ชิงเหยียนเช่นเดียวกัน ทว่า เว่ยจงรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนให้ความสำคัญกับอาสะใภ้ของตัวเองมากจึงไม่กล้าปิดบังหญิงสาว
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วพลางมองไปทางนอกตำหนัก จากนั้นเอ่ยถาม “ผู้ใดออกจากวังไปกับท่านอาสะใภ้สี่”
“ทูลฝ่าบาท ไทเฮาให้ฉินหมัวมัวตามฮูหยินสี่ไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงตอบ
เมื่อได้ยินว่าฉินหมัวมัวตามไปด้วยไป๋ชิงเหยียนจึงวางใจลงไม่น้อย นางไม่ต้องกังวลว่าอาสะใภ้สี่จะถูกผู้อื่นรังแก ไป๋ชิงเหยียนจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นขยับออกห่างจากเซียวหรงเหยี่ยน “เข้ามาได้”
เว่ยจงรับคำแล้วเดินเข้ามาในตำหนัก เขาปิดประตูตำหนักลง จากนั้นยืนนิ่งอยู่กลางตำหนัก “ฝ่าบาท…”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“ได้ยินว่าหวังเหล่าไท่จวินกระอักเลือดพ่ะย่ะค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น นางไม่กลัวว่าสองสามีภรรยาคู่นั้นจะทำสิ่งใดหวังเหล่าไท่จวินเพราะสองคนนั้นใช้หวังเหล่าไท่จวินมาข่มขู่ท่านอาสะใภ้สี่มาโดยตลอด หากหวังเหล่าไท่จวินเป็นอันใดไป พวกเขาจะไม่มีเครื่องมือข่มขู่ท่านอาสะใภ้สี่อีก
ทว่า ไม่ว่าอย่างไรหวังเหล่าไท่จวินก็เป็นมารดาแท้ๆ ของท่านอาสะใภ้สี่ คือยายของอาเจวี๋ย นางจะปล่อยให้สองสามีภรรยาคู่นั้นข่มเหงรังแกหวังเหล่าไท่จวินไม่ได้
ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวกับเว่ยจง “เว่ยจง เจ้าไปบอกสองสามีภรรยาคู่นั้นที่จวนหวังด้วยตัวเองว่าหวังเหล่าไท่จวินคือท่านยายของน้องชายของเรา น้องชายของเรากำลังทำสงครามเพื่อแคว้นอยู่ภายนอก หากผู้ใดคิดหลอกใช้หวังเหล่าไท่จวินเราจะไม่ทนดูอยู่เฉยๆ แน่นอน ในเมื่อถูกรับมาเป็นบุตรในนามของหวังเหล่าไท่จวินแล้ว หากไม่กตัญญูต่อหวังเหล่าไท่จวินแต่มีใจโลภมากอย่างได้อย่างอื่นแทน เราจะเปลี่ยนตัวบุตรคนใหม่ให้เหล่าไท่จวินด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา!”
“หากเจ้าพบหวังเหล่าไท่จวินและเห็นว่าอาการนางยังดีอยู่จงถามนางว่านางกังวลสิ่งใด หากนางกังวลเรื่องชื่อเสียงและเกียรติของตระกูลหวังจงบอกนางว่าเราจะเลือกบุตรชายคนใหม่ที่มีเมตตาและมีความกตัญญูจากตระกูลหวังมาเป็นบุตรของหวังเหล่าไท่จวินแทน รับรองว่าตระกูลหวังจะยังมีเกียรติยศเช่นเดิม ทว่า หากสองสามีภรรยาคู่นั้นยังคิดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของอาเจวี๋ยอีก เราที่เป็นคนรักพวกพ้องของตัวเองจะไม่ไว้หน้าสองคนนั้นแน่นอน หากเดือดร้อนถึงตระกูลหวัง หวังว่าเหล่าไท่จวินจะเข้าใจเรา” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงกำชับต่อ “คุยกับหวังเหล่าไท่จวินลับหลังท่านอาสะใภ้สี่ อย่าให้นางลำบากใจเด็ดขาด!”