ตอนที่ 1348 ความผูกพัน
คำกล่าวประโยคสุดท้ายที่ไป๋ชิงเหยียนฝากเว่ยจงไปบอกหวังเหล่าไท่จวินถือเป็นคำขู่
หากหวังเหล่าไท่จวินยังมีสติครบถ้วนนางย่อมเข้าใจว่าหากนางไม่สลัดบุตรอนุผู้นั้นทิ้ง ตระกูลหวังคงจบสิ้นลงเท่านี้ ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนมีอำนาจเหนือคนทุกคนในต้าโจว แม้นางจะเด็กกว่าหวังเหล่าไท่จวิน ทว่า นางสามารถทำตามที่กล่าวได้แน่นอน
เดิมทีหากเรื่องของตระกูลหวังไม่เดือดร้อนถึงอาเจวี๋ย ไป๋ชิงเหยียนก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับตระกูลของอาสะใภ้สี่ ทว่า สองสามีภรรยาคู่นั้นใจกล้าถึงขนาดเข้ามายุ่งกับการแต่งงานของอาเจวี๋ย
เว่ยจงรับคำ จากนั้นมุ่งหน้าไปทำตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียนที่จวนหวังทันที
จวนหวัง
เรื่องที่หวังเหล่าไท่จวินโมโหจนกระอักเลือดอยู่เหนือความคาดหมายของหวังหลิ่วซื่อ
ไม่ว่าอย่างไรหวังเหล่าไท่จวินก็คือที่พึ่งหนึ่งเดียวของตระกูลหวัง แม้พวกนางจะไม่ได้เคารพนับถือหวังเหล่าไท่จวินเหมือนมารดาแท้ๆ ของตัวเอง ทว่า พวกนางอยากให้หวังเหล่าไท่จวินอายุยืนเป็นร้อยปีจริงๆ
ปกติสองสามีภรรยาตระกูลหวังดูแลหวังเหล่าไท่จวินเป็นอย่างดี นางนำแต่ของดีๆ ที่เสียดายไม่กล้าส่งให้แม้แต่ตระกูลมารดาของตัวเองและไม่กล้าเก็บไว้กินเองอย่างรังนก หูกวาง โสมและของบำรุงชั้นดีต่างๆ ไปให้หวังเหล่าไท่จวินเป็นประจำ
วันนี้นางมาบ่นกับหวังเหล่าไท่จวินด้วยความโมโหว่าหวังซื่อถูกเรียกไปนั่งกับไทเฮาและฝ่าบาท ทว่า ไม่ยอมพาบุตรสาวของตัวเองไปนั่งด้วย จากนั้นขอร้องให้หวังเหล่าไท่จวินบอกกับหวังซื่อให้รีบจัดการเรื่องการแต่งงานของจงกั๋วอ๋องและบุตรสาวของนางให้เรียบร้อยเท่านั้น
ทว่า บุตรสาวไม่เอาไหนของหวังหลิ่วซื่อกลับด่าหวังซื่อต่อหน้าหวังเหล่าไท่จวิน หวังเหล่าไท่จวินตำหนินาง กล่าวว่านางทำตัวไม่มีมารยาทเช่นนี้จะคู่ควรกับจงกั๋วอ๋องได้อย่างไร บุตรสาวเนรคุณของหวังหลิ่วซื่อไม่พอใจจึงพลั้งปากออกไปว่าหวังเหล่าไท่จวินไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของนางจึงไม่อยากให้นางได้ดี หวังเหล่าไท่จวินจึงโมโหจนกระอักเลือดออกมา
สองสามีภรรยาร้อนรนจนทำสิ่งใดไม่ถูก
หวังซื่อกลับมาพร้อมกับฉินหมัวมัวซึ่งเป็นหมัวมัวข้างกายของไทเฮา ด้านหลังยังมีหมอหลวงและทหารรักษาพระองค์ตามมาอีกเป็นขบวน
หวังหลิ่วซื่อซึ่งเป็นสตรีที่อยู่แต่ในเรือนหลังตกใจจนแทบหมดสติ บุตรสาวของนางได้แต่ขดตัวอยู่บนเตียงในห้องของตัวเองด้วยความหวาดกลัว
“ท่านแม่…”
หวังซื่อพุ่งตัวเข้าไปในห้องของหวังเหล่าไท่จวินโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น
หวังเหล่าไท่จวินที่ผมขาวโพลนนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง แสงไฟเหลืองนวลในห้องส่องกระทบใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของหวังเหล่าไท่จวินจนหวังซื่อแทบใจสลาย
หวังซื่อคุกเข่าลงบนที่วางเท้าไม้ซึ่งแกะสลักเป็นลวดลายลูกหลานเต็มตระกูล นางกำมือของมารดาเหี่ยวย่นและผอมแห้งแน่นพลางกล่าวเสียงสะอื้น
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว ท่านแม่…”
ฉินหมัวมัวและกวนหมัวมัวช่วยกันประคองร่างของหวังซื่อให้ลุกขึ้น
“ฮูหยินสี่รีบลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ ให้หมอหลวงตรวจอาการของหวังเหล่าไท่จวินก่อนนะเจ้าคะ”
หวังซื่อพยักหน้ารัว นางถูกประคองร่างให้หลีกทางให้หมอหลวงหวงเข้าไปตรวจอาการของหวังเหล่าไท่จวิน
หมอหลวงหวงจับชีพจรของหวังเหล่าไท่จวิน จากนั้นเปิดเปลือกของหวังเหล่าไท่จวินเพื่อตรวจสอบ หมอหลวงหวงเม้มปากอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานจึงกล่าวขึ้น
“ฮูหยินสี่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ หวังเหล่าไท่จวินได้รับการบำรุงมากเกินไป ธาตุในร่างกายจึงร้อนกว่าปกติ เมื่อโมโหธาตุไฟจึงเข้าแทรกและกระอักเลือดออกมา ข้าจะจ่ายยาให้หวังเหล่าไท่จวิน เมื่อฝังเข็มให้นางเรียบร้อยอาการของนางจะดีขึ้นเองขอรับ”
“ขอบใจหมอหลวงหวงมาก!”
หวังซื่อกล่าว
“พี่หญิงใหญ่ พี่ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ขอรับ พวกเราสองสามีภรรยากตัญญูต่อท่านแม่มาก พวกเราส่งของบำรุงมาให้ท่านทุกวัน ทว่า พวกเราไม่รู้ว่าบำรุงมากเกินไปจะไม่ดีขอรับ!”
หวังติ้งคุนก้าวเข้าไปทำความเคารพหวังซื่อ ทว่า จงใจกล่าวให้ฉินหมัวมัวได้ยิน
“พวกเราสองสามีภรรยาอยากให้ท่านแม่มีอายุยืนเป็นพันปีขอรับ”
กวนหมัวมัวมองสองสามีภรรยาราวกับอยากฉีกร่างของพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ ฉินหมัวมัวยืนนิ่งอยู่อีกด้านโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ทว่า สายตาที่มองไปทางสองสามีภรรยาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ตอนนี้หวังเหล่าไท่จวินยังไม่ฟื้นหวังซื่อจึงร้อนใจมาก ฉินหมัวมัวไม่อยากกล่าวโทษคนตระกูลหวังในฐานะตัวแทนของต่งซื่อในตอนนี้จนทำให้หวังซื่อเครียดยิ่งกว่าเดิม
ต่งซื่อกำชับฉินหมัวมัวก่อนเดินทางมาที่นี่แล้วว่าให้รอหวังเหล่าไท่จวินฟื้นขึ้นมาก่อน หากหวังเหล่าไท่จวินขอร้องให้ไทเฮาช่วยเหลือนาง ฉินหมัวมัวค่อยหน้าในฐานะตัวแทนของไทเฮา
เมื่อหมอหลวงหวงฝังเข็มให้หวังเหล่าไท่จวินเสร็จ หวังเหล่าไท่จวินจึงค่อยๆ ได้สติขึ้นมา หวังซื่อเห็นมารดาถอนหายใจยาวออกมาจึงรีบเดินขึ้นไปด้านหน้าเล็กน้อยทั้งน้ำตา เมื่อหมอหลวงหวงเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดเสร็จ หวังซื่อจึงถลาเข้าไปหาหวังเหล่าไท่จวิน…
ทว่า หวังซื่อยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดออกมา หวังติ้งคุนและหวังหลิ่วซื่อก็รีบคุกเข่าคลานเข้าไปหาหวังเหล่าไท่จวินที่เตียงทั้งน้ำตาเสียก่อน
“ท่านแม่ ท่านแม่ทำข้าตกใจแทบตายขอรับ!”
หวังติ้งคุนคลานเข่าไปด้านหน้า
“ข้าผิดเองที่ไม่สั่งสอนลูกสาวอกตัญญูของข้าให้ดี! นางจึงกล้าเถียงท่านแม่เช่นนั้น ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะไปลงโทษนางด้วยกฎของตระกูลเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
“ท่านแม่! ท่านแม่ให้อภัยโหรวเอ๋อร์เถิดเจ้าค่ะ!”
เมื่อหวังหลิ่วซื่อได้ยินหวังติ้งคุนกล่าวว่าจะลงโทษบุตรสาวด้วยกฎของตระกูลจึงหน้าซีดเผือดทันที นางรีบคลานเข้าไปคุกเข่าคำนับศีรษะแนบพื้น นางรู้ดีว่าสามีของตัวเองเป็นคนเช่นไร เขาต้องลงโทษบุตรสาวของนางจริงๆ เพื่อให้หมัวมัวข้างกายของไทเฮาเห็นแน่นอน
“ท่านแม่กล่าวสิ่งใดนักนิดเถิดเจ้าค่ะ ท่านพี่จะโบยโหรวเอ๋อร์จริงๆ นะเจ้าคะ นางคือหลานสาวของท่านแม่นะเจ้าคะ!”
กวนหมัวมัวกล่าวเสียงเย็นรอดไรฟัน
“เหล่าไท่จวินเพิ่งฟื้นขึ้นมา นางจะทนเสียงน่าหนวกหูน่ารำคาญเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
ฉินหมัวมัวกล่าวกับสองสามีภรรยาเสียงราบเรียบ
“ข้าคือหมัวมัวข้างกายของไทเฮาจึงอยากกล่าวสิ่งใดสักนิด เหล่าไท่จวินเพิ่งฟื้นขึ้นมา ใต้เท้าหวังและฮูหยินหวังมาร้องไห้โวยวายต่อหน้าท่านเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าใดนัก ไม่ว่าบุตรสาวของพวกท่านจะถูกทำโทษเช่นไรล้วนเป็นหน้าที่ของพ่อแม่อย่างพวกท่าน พวกท่านไม่จำเป็นต้องรายงานให้เหล่าไท่จวินรับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เหล่าไท่จวินเพิ่งกระอักเลือดและเพิ่งฟื้นขึ้นเช่นนี้ ตอนนี้เหล่าไท่จวินต้องการการพักผ่อนให้มาก ไม่สามารถทนเห็นพวกท่านโวยวายเช่นนี้ได้!”
คำกล่าวของฉินหมัวมัวทำให้หวังติ้งคุนและหวังหลิ่วซื่อเหงื่อซึมทันที
“ใช่ขอรับ! ฉินหมัวมัวกล่าวถูกแล้ว”
หวังติ้งคุนหันไปทางภรรยาของตัวเองพลางตวาดด้วยความโมโห
“เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อยู่ที่นี่อีก! เหตุใดต้องร้องไห้ เจ้าเลี้ยงลูกสาวจนกลายเป็นคนกล้าเถียงท่านแม่อย่างอกตัญญูเช่นนี้เจ้ายังมีหน้าร้องไห้อีกหรือ!”
หวังซื่อมองใบหน้าอิดโรยของมารดาแล้วน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
“ท่านแม่…ท่านแม่…”
เป็นความผิดของนางเอง นางปกป้องท่านแม่ของตัวเองไม่ได้
วันนี้นางไม่ได้ขอให้พี่สะใภ้และอาเป่าพระราชทานสมรสให้อาเจวี๋ย สองสามีภรรยาผู้นี้จึงทำให้มารดาของนางโมโหจนกระอักเลือดออกมา หากนางยังไม่ยอมทำตามความต้องการของคนทั้งคู่แล้วทั้งคู่มารบกวนมารดาของนางต่อไปเช่นนี้ มารดาของนางจะทนไหวได้อย่างไรกัน
ดวงตาของหวังเหล่าไท่จวินเหม่อลอย นางไม่กล่าวสิ่งใดออกมาเพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังมาก นางพยายามทำดีกับบุตรอนุที่รับมาเป็นลูกของตัวเอง ลูกสะใภ้และหลานๆ ของนางอย่างดีที่สุดแล้ว นางดีต่อพวกเขายิ่งกว่าบุตรสาวแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำเพราะกลัวผู้อื่นจะครหาว่านางรังแกบุตรอนุ
นางอุ้มหลานสาวคนนี้ตั้งแต่นางคลอดออกมา นางมีความผูกผันและรักหลานสาวคนนี้จริงๆ
ทว่า หลานสาวผู้นั้นกลับกล่าวว่านางไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของนาง เห็นได้ชัดว่าหวังติ้งคุนและหวังหลิ่วซื่อย้ำกับบุตรสาวของตัวเองเช่นนี้เป็นประจำ…