ตอนที่ 1349 เรื่องมากมาย
เด็กคนนั้นกล่าวออกมาได้คล่องปากเช่นนี้แสดงว่าหากนางไม่กล่าวลับหลังเป็นพันครั้งก็คงได้ยินผู้อื่นกล่าวเรื่องนี้เป็นพันครั้ง
หวังเหล่าไท่จวินรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคนเหล่านี้ ทว่า นางพยายามทำเพื่อตระกูลหวังอย่างสุดความสามารถแล้ว บางครั้งนางถึงขนาดปล่อยให้คนพวกนี้บีบบังคับบุตรสาวแท้ๆ ของนาง นางรับรู้ความลำบากของบุตรสาวตัวเอง ทว่า ทำได้เพียงตัดใจบอกให้บุตรสาวไม่ต้องมาสนใจนางเท่านั้น แต่คนเหล่านี้กลับไม่รู้จักพอเสียที
พวกเขาอยากให้อาเจวี๋ยแต่งงานกับบุตรสาวของพวกเขา ทว่า พวกเขากลับไม่เคยคิดว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับพระอนุชาของตัวเองมากเพียงใด บัดนี้อาเจวี๋ยคือจงกั๋วอ๋อง นางจะตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของอาเจวี๋ยทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้กลับมาเมืองหลวงได้อย่างไรกัน
หากพระราชทานสมรสแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จักรพรรดิตรัสแล้วไม่คืนคำ ฝ่าบาทเป็นคนรอบคอบถึงเพียงนั้น นางไม่มีทางพระราชทานสมรสให้แน่นอน
“นายท่าน…กงกงข้างกายของฝ่าบาทมาขอรับ!” พ่อบ้านรีบวิ่งเข้ามาในเรือน จากนั้นตะโกนรายงานเสียงดังอยู่ด้านนอกห้อง “นายท่านรีบออกไปตอนรับเถิดขอรับ!”
ฉินหมัวมัวตะลึง นางนึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะรู้ไปถึงหูของไป๋ชิงเหยียน นางรู้ดีว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนรักพวกพ้อง ในเมื่อคุณหนูใหญ่ส่งคนมาแสดงว่านางมีแผนจัดการกับเรื่องนี้แล้ว…
ฉินหมัวมัวมองไปทางฮูหยินสี่ที่กำลังมองหวังเหล่าไท่จวินด้วยแววตาเป็นกังวล นางกลัวว่าหากไป๋ชิงเหยียนเป็นคนจัดการเรื่องนี้ไป๋ชิงเหยียนอาจเผลอทำร้ายจิตใจหวังเหล่าไท่จวินขึ้นมาจนฮูหยินสี่เสียใจได้
เมื่อหวังติ้งคุนได้ยินว่าจักรพรรดินีส่งคนมาร่างของเขาแข็งทื่อขึ้นมาทันที ครั้งนี้บุตรสาวของเขาก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นแล้วจริงๆ
ฉินหมัวมัวซึ่งเป็นหมัวมัวข้างกายของไทเฮาอยู่ในห้องด้วย หวังติ้งคุนจึงรีบเดินไปคำนับหวังเหล่าไท่จวินพลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ ข้าออกไปต้อนรับเว่ยกงกงของฝ่าบาทก่อนนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะกลับมาขอขมาท่านแม่ขอรับ!”
หวังติ้งคุนกล่าวจบจึงก้มศีรษะคำนับหวังเหล่าไท่จวินแนบพื้น เขาหันไปกำชับให้หวังหลิ่วซื่อให้ดูแลหวังเหล่าไท่จวินให้ดี จากนั้นรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปจากห้องทันที
หวังติ้งคุนวิ่งเหงื่อท่วมตัวไปยังเรือนรับรองด้านหน้า เขาเห็นเว่ยจงนั่งไขว้ห้างจิบชาอยู่ในโถงรับรองด้วยท่าทีสบายๆ จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับ “เว่ยกงกง ท่านงานยุ่งถึงเพียงนี้เหตุใดจึงมาที่นี่ด้วยตัวเองขอรับ ฉินหมัวมัวอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน ท่านแม่ของข้าป่วยกะทันหันจึงทำให้ไทเฮาและฝ่าบาททรงเป็นกังวล เป็นความผิดของข้าเองขอรับ!”
เว่ยจงมองดูหวังติ้งคุนโค้งกายคำนับเขาด้วยแววตาเรียบเฉย เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะเบาๆ จากนั้นลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อน “หวังเหล่าไท่จวินคือท่านยายของจงกั๋วอ๋องพระอนุชาของฝ่าบาท หวังเหล่าไท่จวินโมโหจนกระอักเลือด ฝ่าบาททรงปลีกตัวมาไม่ได้จึงมีรับสั่งให้ข้ามาดูอาการของหวังเหล่าไท่จวินแทน!”
ร่างของหวังติ้งคุนแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ลำคอของเขาแห้งผาก ได้แต่ยิ้มประจบออกมา “บุตรสาวของข้าไม่รู้ความ นางถูกมารดาของนางเลี้ยงจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ฝ่าบาทและเว่ยกงกงไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ เมื่อท่านแม่หายดีเมื่อใดข้าจะลงโทษลูกเนรคุณผู้นี้ให้หลาบจำเองขอรับ!”
“ลงโทษหรือไม่ล้วนเป็นเรื่องในตระกูลหวัง ข้าไม่ใส่ใจ” เว่ยจงสะบัดแส้ในมือพลางกล่าวยิ้มๆ “ข้ามาเพื่อถ่ายทอดพระราชดำรัสของฝ่าบาท…”
หวังติ้งคุนได้ยินดังนี้จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที
“ใต้เท้าหวังจงฟังให้ดี!” เว่ยจงกวาดสายตามองหวังติ้งคุนที่คุกเข่าลงอย่างนอบน้อมแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทตรัสว่า หวังเหล่าไท่จวินคือท่านยายของน้องชายของเรา น้องชายของเรากำลังทำสงครามเพื่อแคว้นอยู่ในสนามรบ หากผู้ใดคิดหลอกใช้หวังเหล่าไท่จวิน เราจะไม่ทนดูอยู่เฉยๆ แน่นอน ในเมื่อถูกรับมาเป็นบุตรในนามของหวังเหล่าไท่จวินแล้ว หากไม่กตัญญูต่อหวังเหล่าไท่จวิน แต่มีใจโลภมากอย่างได้อย่างอื่นแทน เราจะรับเปลี่ยนตัวบุตรคนใหม่ให้เหล่าไท่จวินด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา!”
สมองของหวังติ้งคุนขาวโพลนไปหมด หมายความว่าฝ่าบาททรงรู้แผนการของพวกเขาหมดแล้วอย่างนั้นหรือ
รับบุตรคนใหม่มาเป็นบุตรภรรยาเอกอย่างนั้นหรือ! หากฝ่าบาททรงหาบุตรคนใหม่ให้หวังเหล่าไท่จวินจริงๆ เขาคงไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติมากมายของตระกูลหวังอีกต่อไป อนาคตของเขาคงจบสิ้นลงเพียงเท่านี้แน่นอน!
หวังติ้งคุนรู้ดีว่าที่ตอนนี้เขามีตำแหน่งสบายในราชสำนักเป็นเพราะฮูหยินสี่หวังซื่อ หากเขาไม่ใช่ทายาทของตระกูลหวัง ไม่ใช่น้องชายของหวังซื่อ ตำแหน่งในราชสำนักของเขาคงหลุดลอยไปนานแล้ว
หวังติ้งคุนอดโทษภรรยาและบุตรสาวอยู่ในใจไม่ได้ นางโง่สองคนนั้นกำลังทำเขาเดือดร้อน! ตอนที่หวังหลิ่วซื่ออยากให้บุตรสาวแต่งงานกับจงกั๋วอ๋องเขาก็ลังเลแล้ว ทว่า เขาทนการรบเร้าของภรรยาไม่ได้จึงรับปากภรรยาโง่ของตัวเองว่าจะไปคุยกับหวังซื่อให้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำเขาเดือดร้อนเช่นนี้!
เมื่อนึกถึงวิธีการเด็ดขาดที่ไป๋ชิงเหยียนใช้จัดการกับบรรพบุรุษตระกูลไป๋ในตอนนั้นหวังติ้งคุนจึงรู้สึกขาอ่อนแรงขึ้นมาทันที ตระกูลบรรพบุรุษไป๋มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับไป๋ชิงเหยียน ทว่า หญิงสาวยังจัดการอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนั้น นับประสาอันใดกับบุตรอนุที่ถูกรับไปเลี้ยงในนามของภรรยาเอกของตระกูลหวังอย่างเขากัน!
เมื่อเว่ยจงเห็นท่าทีอ่อนแรงและหวาดหวั่นของหวังติ้งคุนจึงแสร้งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเช่นเคย “ใต้เท้าหวังได้ยินพระราชดำรัสของฝ่าบาทชัดเจนแล้วใช่หรือไม่”
หวังติ้งคุนรีบก้มศีรษะคำนับ “กระหม่อมได้ยินชัดเจนแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ในเมื่อใต้เท้าหวังได้ยินชัดเจนแล้ว เช่นนั้นรบกวนใต้เท้าหวังให้คนพาข้าไปพบหวังเหล่าไท่จวินที” เว่ยจงกล่าว
“ข้าจะนำทางเว่ยกงกงไปเอง เชิญขอรับ!” หวังติ้งคุนเตรียมลุกขึ้นยืน ทว่า ขาของเขาอ่อนแรงจนแทบล้มลงบนพื้นอีกครั้ง พ่อบ้านเห็นท่าทียิ้มแย้มของเว่ยจงจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปช่วยประคองร่างของหวังติ้งคุน
หวังติ้งคุนแทบทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดของตัวเองไปที่ร่างของพ่อบ้าน เขาเดินนำเว่ยจงไปยังระเบียงทางเดิน ผ่านกำแพงจวนสีชมพูอ่อน เดินอ้อมอยู่พักใหญ่จึงถึงเรือนฉางซงของหวังเหล่าไท่จวิน หวังติ้งคุนยืนผายมือเชิญเว่ยกงกงเข้าไปด้านในอยู่หน้าประตูห้อง
เว่ยจงยิ้มให้พลางเดินตามหลังหวังติ้นคุนเข้าไปด้านใน ฮูหยินสี่หวังซื่อกำลังนั่งป้อนยาหวังเหล่าไท่จวินอยู่บนเก้าอี้กลมข้างเตียง
เว่ยจงมาเยี่ยมดังนั้นหวังเหล่าไท่จวินจึงถูกประคองขึ้นมาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ หวังเหล่าไท่จวินซึ่งสวมเครื่องประดับศีรษะแบบคาดลายหงส์ไว้บนศีรษะนั่งเอนกายพิงหมอนอิงทางด้านหลังของตัวเองอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นเว่ยจงเดินเข้ามาเหล่าไท่จวินรีบสะบัดผ้าห่มออก เตรียมลุกขึ้นยืนต้อนรับ
“เหล่าไท่จวินไม่ต้องขยับขอรับ อย่าขยับขอรับ!”เว่ยจงรีบถลาเข้าไปยับยั้งการกระทำของหวังเหล่าไท่จวิน เขาทำความเคารพหวังซื่อและหวังเหล่าไท่จวินด้วยท่าทีนอบน้อมกว่าเมื่อครู่มาก “บ่าวมาเยี่ยมอาการของหวังเหล่าไท่จวินตามกระแสรับสั่งของฝ่าบาท หากบ่าวทำให้หวังเหล่าไท่จวินลำบากกว่าเดิมจะกลายเป็นความผิดของบ่าวได้ กลับไปบ่าวคงถูกฝ่าบาทลงโทษแน่นอนขอรับ!”
หวังเหล่าไท่จวินเป็นคนฉลาด นางรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังออกหน้าแทนนาง หวังเหล่าไท่จวินรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหนักอึ้งมากเช่นกันจึงไม่ได้ฝืนลุกขึ้นจากเตียง ได้แต่กล่าวอย่างนอบน้อม “งานในราชสำนักมีมากมาย ทว่า ฝ่าบาทยังต้องปลีกเวลามาเป็นห่วงข้า เป็นความผิดของข้าเอง”
“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้บ่าวนำยาบำรุงมามอบให้เหล่าไท่จวินมากมาย ทั้งยังกำชับให้หมอหลวงฟางแห่งสำนักหมอหลวงมาตรวจชีพจรของเหล่าไท่จวินทุกวันจนกว่าเหล่าไท่จวินจะหายดีขอรับ” เว่ยจงเห็นถ้วยยาในมือของหวังซื่อหมดลงแล้ว นางกำลังเช็ดปากให้หวังเหล่าไท่จวิน เว่ยจงจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งบางอย่างฝากให้บ่าวมาเรียนให้เหล่าไท่จวินทราบเป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าสะดวกหรือไม่ขอรับ”