ตอนที่ 1350 มหากรุณาธิคุณท่วมท้น
หวังหลิ่วซื่ออยากแอบฟังว่าไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เว่ยจงมากล่าวสิ่งใดกับหญิงชราผู้นี้ ทว่า นางเหลือบเห็นสามีของตัวเองขาอ่อนจนแทบล้มลงบนพื้นเสียก่อน
“ท่านพี่!”
หากเมื่อครู่เว่ยจงไม่ได้กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นกับเขาหวังติ้งคุนก็คงไม่ร้อนใจถึงเพียงนี้ ทว่า ตอนนี้ฝ่าบาทให้เว่ยจงมากบอกเรื่องการรับบุตรคนใหม่กับหวังเหล่าไท่จวินเป็นการส่วนตัว เขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไรกัน
หวังติ้งคุนมองไปทางหวังหลิ่วซื่อด้วยแววตาโกรธแค้น เขาอยากเข้าไปตบหน้าของนางสักฉาด
ฉินหมัวมัวเหลือบมองเว่ยจงแวบหนึ่ง แม้นางจะไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับเว่ยจงมากนัก ทว่า นางรู้ดีว่าเว่ยจงเป็นคนมีขอบเขต เขาไม่มีทางทำให้หวังเหล่าไท่จวินโมโหจนเป็นอันใดไปในตอนนี้จนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูใหญ่กับฮูหยินสี่แน่นอน ฉินหมัวมัวจึงหันไปกล่าวกับหวังซื่อ
“ฮูหยินสี่ พวกเราออกไปรอข้างนอกก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่มีเรื่องจะคุยกับเหล่าไท่จวินเจ้าค่ะ”
หวังซื่อรู้ดีว่าที่ไป๋ชิงเหยียนส่งเว่ยจงมาในวันนี้เป็นเพราะนางจะยื่นมือจัดการกับบุตรอนุผู้นี้แล้ว ทว่า นางกลัวว่าร่างกายของมารดาจะรับไม่ไหว หวังซื่อเม้มปากแน่น
กวนหมัวมัวก้าวไปประคองร่างของหวังซื่อพลางกล่าวโน้มน้าว
“ฮูหยินสี่ควรเชื่อใจคุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ”
หวังซื่อกำผ้าเช็ดหน้าที่ใช้เช็ดปากให้มารดาเมื่อครู่แน่น เมื่อเห็นมารดาของตัวเองพยักหน้านางจึงลุกขึ้นยืน จากนั้นหันไปกำชับเว่ยจงอีกครั้ง
“เจ้าค่อยๆ กล่าวกับท่านแม่นะ นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา…”
“ฮูหยินสี่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ฝ่าบาททรงกำชับข้ามาแล้วขอรับ”
เว่ยจงเบี่ยงกายหลบพลางผายมือเชิญหวังซื่อ
ใบหน้าของหวังติ้งคุนซีดเผือด เขาเดินออกไปจากห้องพลางหันกลับไปมองห้องของหวังเหล่าไท่จวินเป็นระยะ เมื่อเดินไปถึงห้องด้านข้างหวังติ้งคุนจึงคุกเข่าลงตรงหน้าหวังซื่อทันที
“พี่หญิงช่วยข้าด้วยขอรับ! ข้ากตัญญูต่อท่านแม่มาโดยตลอด ข้าอยู่ข้างกายท่านแม่มานานจนเห็นท่านเป็นเหมือนมารดาแท้ๆ ของข้า ข้าไม่อยากไปจากท่านแม่ขอรับ…”
เว่ยจงได้ยินเสียงอ้อนวอนของหวังติ้งคุนดังมาจากห้องด้านข้างจึงกล่าวเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนฝากมาบอกหวังเหล่าไท่จวินให้นางฟังอย่างช้าๆ
หวังเหล่าไท่จวินกำผ้าปูเตียงแน่น สีหน้าย่ำแย่กว่าเมื่อครู่เสียอีก
“เหล่าไท่จวิน…”
เว่ยจงกล่าวขึ้นช้าๆ
“บ่าวเคยรับใช้ข้างกายองค์หญิงใหญ่มาก่อน บ่าวเคยมีโอกาสพบหน้าท่านผู้เฒ่าหวัง บ่าวทราบดีว่าท่านผู้เฒ่าหวังและเหล่าไท่จวินรักใคร่ปรองดองกันมาก ที่สุดท้ายท่านผู้เฒ่าหวังยอมตกลงรับบุตรอนุในตระกูลหวังมาเป็นบุตรในนามของท่านเป็นเพราะเขาอยากให้ท่านมีคนคอยพึ่งพายามแก่เฒ่า”
หวังเหล่าไท่จวินได้ยินคำนี้ขอบตาจึงร้อนผ่าวขึ้นทันที นางหลับตาลง นางรู้ดี…เพราะรู้ดีนางถึงไม่อยากทำผิดต่อตระกูลหวัง ไม่อยากทำผิดต่อสามีของตัวเอง
“ทว่า หวังติ้งคุนผู้นั้นกลับใช้เหล่าไท่จวินเป็นเครื่องมือบีบบังคับให้ฮูหยินสี่ทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ ฮูหยินสี่เป็นคนหัวอ่อน ไม่สู้คน นางทนทรมานเพราะหวังเหล่าไท่จวินมาหลายครั้งแล้ว ฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่ของบ่าวสงสารฮูหยินสี่ ฮูหยินสี่คือสายเลือดแท้ๆ ของเหล่าไท่จวิน นางคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านผู้เฒ่าหวังกับเหล่าไท่จวิน บ่าวเชื่อว่าเหล่าไท่จวินต้องสงสารนางยิ่งกว่าฮูหยินใหญ่และคุณหนูใหญ่ของบ่าวแน่นอนขอรับ”
เว่ยจงกล่าวกับหวังเหล่าไท่จวินช้าๆ ด้วยเหตุผล
“คุณหนูใหญ่คงโมโหมากเกินไปถึงได้กล่าวว่าหากสองสามีภรรยาคู่นั้นกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณชายเจ็ดตระกูลหวังอาจเดือดร้อนไปด้วย”
“ฮูหยินสี่คือบุตรสาวของท่าน นางกตัญญูต่อท่านเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แม้คุณหนูใหญ่ของบ่าวจะสงสารฮูหยินสี่มากเพียงใดก็ไม่อาจเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ ทว่า เหล่าไท่จวินทราบดีว่าคุณชายเจ็ดคือคุณชายของตระกูลไป๋ เขาไม่ควรถูกตระกูลหวังบีบบังคับขอรับ!”
เว่ยจงกล่าวทุกอย่างด้วยเหตุผล หวังเหล่าไท่จวินไม่ใช่คนไร้เหตุผลย่อมเข้าใจเรื่องทุกอย่างดี
“ตอนนี้คุณหนูใหญ่ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้ว คุณชายเจ็ดได้รับการแต่งตั้งเป็นจงกั๋วอ๋องแล้ว หากเช่นนี้เขายังถูกผู้อื่นบีบบังคับอีกคงเป็นเรื่องน่าขันสำหรับคนภายนอกมากขอรับ…”
เมื่อเว่ยจงเห็นแววตาของหวังเหล่าไท่จวินเริ่มแจ่มชัดขึ้นจึงกล่าวต่อ
“ดังนั้นหากคัดเลือกทายาทคนใหม่จากตระกูลหวังที่มีใจเมตตา มีความกตัญญู สำนึกบุญคุณคนมาคอยดูแลเหล่าไท่จวินคงทำให้ดวงวิญญาณของท่านผู้เฒ่าหวังสงบสุข ฮูหยินสี่สบายใจมากขึ้นขอรับ ที่สำคัญคุณหนูใหญ่ย่อมเห็นแก่ฮูหยินสี่และคุณชายเจ็ดดูแลตระกูลหวังเป็นอย่างดี อนาคตของตระกูลหวังต้องอีกยาวไกลแน่นอนขอรับ เหล่าไท่จวินมีความเห็นเช่นไรขอรับ”
หวังเหล่าไท่จวินเงยหน้ามองเว่ยจง
“ทำให้ฝ่าบาทเสียเวลากับเรื่องในตระกูลหวังแล้ว!”
แสดงว่าหวังเหล่าไท่จวินตอบตกลงแล้ว เว่ยจงยิ้มกว้างออกมา ยอมตกลงก็ดีแล้ว…เขาแค่กลัวว่าหวังเหล่าไท่จวินจะคิดไม่ได้เท่านั้น
เว่ยจงกล่าวยิ้มๆ
“เหล่าไท่จวินกล่าวอันใดเช่นนี้ขอรับ ท่านคือท่านยายของคุณชายเจ็ด เปรียบเสมือนท่านยายของคุณหนูใหญ่ของพวกเราเช่นกัน ฝ่าบาทอยากเห็นเหล่าไท่จวินมีความสุขในช่วงบั้นปลายของชีวิตขอรับ”
หวังเหล่าไท่จวินพยักหน้า…
หากก่อนหน้านี้หวังเหล่าไท่จวินยังยอมปล่อยให้สองสามีภรรยาคู่นั้นใช้นางบีบบับคับบุตรสาวของตัวเองเพราะต้องการรักษาเกียรติยศของตระกูลหวังไว้ เช่นนั้นวันนี้หลังจากนางได้ยินหลานสาวคนนั้นกล่าวถ้อยคำอกตัญญูออกมาเช่นนั้น เมื่อคิดได้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้บุตรสาวของนางต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใด ยิ่งนึกถึงคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนที่ฝากเว่ยจงมาบอกกับนาง…
หากนางยังเก็บสองสามีภรรยานี้ไว้ต่อไป เกียรติยศทั้งหมดของตระกูลหวังคงไม่หลงเหลืออีกแล้ว ตระกูลหวังคงถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของสามีภรรยาเนรคุณสองคนนั้นแน่นอน
เมื่อมีคำกล่าวจากไป๋ชิงเหยียนที่ฝากเว่ยจงมาบอกนาง การตัดสินใจของหวังเหล่าไท่จวินจึงเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที นางและบุตรสาวมีราชวงศ์คอยสนับสนุน ต่อให้นางเปลี่ยนตัวบุตรผู้สืบทอดคนใหม่ตระกูลหวังก็คงไม่กล้ากล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อหวังเหล่าไท่จวินคิดได้ในใจจึงมีแต่ความรู้สึกซาบซึ้ง นางอยากลงจากเตียงลงมาทำความเคารพ ทว่า ถูกเว่ยจงห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ได้ขอรับเหล่าไท่จวิน!”
เมื่อเว่ยจงยืนกรานเช่นนี้หวังเหล่าไท่จวินจึงไม่ได้ฝืนอีกต่อไป นางกล่าวเพียง
“เว่ยกงกง ฝากขอบคุณฝ่าบาทแทนข้าด้วย”
“เหล่าไท่จวินคิดได้ก็ถือเป็นเรื่องดีแล้วขอรับ เหล่าไท่จวินต้องดูแลตัวเองให้ดีนะขอรับ เมื่อจงกั๋วอ๋องกลับมาเมืองหลวงและคัดเลือกพระชายา เหล่าไท่จวินจะได้ช่วยท่านอ๋องเลือกได้ขอรับ”
เว่ยจงกล่าวยิ้มๆ จากนั้นกล่าวต่อ
“เหล่าไท่จวินอยู่แต่ในเรือนจึงอาจไม่รู้ว่าคนใดในตระกูลหวังเหมาะสมที่จะมาเป็นทายาทสืบทอดตระกูล หากเหล่าไท่จวินเชื่อใจฝ่าบาท ฝ่าบาทจะช่วยหาคนที่เหมาะสมให้เหล่าไท่จวินเองขอรับ เช่นนี้คนในตระกูลบรรพบุรุษหวังจะได้ไม่กล้าคัดค้านด้วยขอรับ”
“ฝ่าบาททรงคิดได้รอบคอบมาก!”
หวังเหล่าไท่จวินรีบรับคำ
เมื่อเว่ยจงเห็นว่าหวังเหล่าไท่จวินรับคำแล้ว เขาจึงเข้าประเด็นและเปลี่ยนสรรพนามที่เอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนทันที
“ฝ่าบาทจะให้องครักษ์ที่ฮูหยินสี่พามาอยู่คุ้มกันที่จวนหวังเพื่อป้องกันสองสามีภรรยาคู่นั้นคิดทำสิ่งใดไม่ดีขึ้นมา กวนหมัวมัวและฮูหยินสี่จะอยู่ดูแลเหล่าไท่จวินที่จวนเช่นเดียวกัน เมื่อเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้วองครักษ์จะถอนตัวออกจากจวนหวังทั้งหมด เหล่าไท่จวินมีความเห็นเช่นไรขอรับ”
“ทำตามรับสั่งของฝ่าบาทได้เลย ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก”
หวังเหล่าไท่จวินไม่คิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะคิดได้รอบคอบถึงเพียงนี้ นางรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งกว่าเดิม
“พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทท่วมท้นราวภูเขา เมื่อข้าหายดีแล้วจะเข้าไปขอบพระทัยฝ่าบาทในวังด้วยตัวเอง!”