ตอนที่ 1353 หน้าไม่อาย
ข่าวจากต้าโจวถูกส่งกลับไปยังต้าเยี่ยน เมื่อไทเฮาแห่งต้าเยี่ยนรู้ว่าจงสิงเสี่ยวถูกจับขังคุกเพราะส่งคนไปลอบสังหารขุนนางคนสำคัญของต้าโจวก็แทบเป็นลมหมดสติไปทันที นางเอาแต่กล่าวว่านี่คือแผนการชั่วร้ายของต้าโจวและไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนต้องการแก้แค้นที่นางเคยแทงข้างหลังต้าโจวจึงใส่ร้ายพี่ชายของนางเช่นนี้
เมื่อไทเฮารู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนไม่เคยเข้าไปขอร้องไป๋ชิงเหยียนแทนจงสิงเสี่ยวในวังสักครั้งนับตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บกลับมาจากวังหลวงครั้งนั้น ทว่า กลับจับตัวจงสิงเสี่ยวที่คิดหลบหนีกลับต้าเยี่ยนกลับไปยังต้าโจวอีกครั้งจึงรีบไปหามู่หรงลี่ที่ตำหนักทันที
มู่หรงลี่เพิ่งคุยเรื่องสำคัญกับมู่หรงผิงซึ่งเป็นพี่ชายจบ ขณะเตรียมเขียนจดหมายส่งไปยังต้าโจวก็ได้รับรายงานว่ามารดามาพบเขาจึงส่งสัญญาณให้หวังจิ่วโจว จากนั้นวางพู่กันหยกไว้บนโต๊ะแล้วลุกเดินออกไปต้อนรับมารดา
หวังจิ่วโจวใช้ฎีกาทับจดหมายของมู่หรงลี่เอาไว้ จากนั้นเดินตามหลังมู่หรงลี่ไปพบไทเฮา
“อาลี่ เจ้าต้องช่วยท่านลุงของเจ้านะ!” เมื่อไทเฮาเดินเข้ามาในห้องตำราก็กล่าวเสียงสะอื้นทันที “แม่มีพี่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
มู่หรงลี่ทำความเคารพไทเฮาแล้วประคองร่างที่เต็มไปด้วยน้ำตาของไทเฮานั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านลุงเป็นคนคัดเลือกองครักษ์ของตัวเองก่อนออกเดินทาง ครั้งนี้องครักษ์ของท่านลุงลอบสังหารใต้เท้าหลิ่วหรูซื่อจนถูกจับได้คาหนังคาเขา เมื่อถูกทรมานจึงสารภาพออกมาว่าท่านลุงเป็นคนสั่งให้เขาทำ มีหลักฐานมัดแน่นหนา…”
“ไม่มีทาง!” ไทเฮากล่าวเสียงแหลม “อาลี่ลืมไปแล้วหรือว่าท่านลุงของเจ้าเป็นคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้าเป็นคนแรก ท่านลุงของเจ้าเป็นคนเกลี้ยกล่อมให้แม่เห็นด้วย เขาจะสั่งคนไปลอบสังหารขุนนางคนสำคัญของต้าโจวตอนเดินทางไปขอร้องให้ต้าโจวเห็นด้วยได้อย่างไรกัน!”
“มือสังหารผู้นั้นบอกว่า…ท่านลุงเกรงกลัววาทศิลป์ของใต้เท้าหลิ่วผู้นั้น ทุกคนในใต้หล้าทราบดีว่าใต้เท้าหลิ่วฝีปากกล้าเพียงใด ทั้งซีเหลียงและต้าเหลียงล้วนเคยเสียเปรียบต้าโจวเพราะใต้เท้าหลิ่วผู้นี้ ท่านลุงอยากให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จจึงส่งคนไปสังหารใต้เท้าหลิ่วจนตอนนี้เขายังสลบไม่ได้สติอยู่เลยขอรับ…”
ความจริงมู่หรงลี่ไม่สนใจว่าจงสิงเสี่ยวจะส่งคนไปสังหารหลิ่วหรูซื่อจริงหรือไม่ ทว่า หากจงสิงเสี่ยวถูกจับอยู่ที่ต้าโจว อย่างน้อยก็คงไม่มีคนคอยเป่าหูท่านแม่ของเขาอีกต่อไป นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับต้าเยี่ยน
“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น…ท่านลุงของเจ้าก็ทำเพื่อแคว้นต้าเยี่ยนของพวกเรา! เจ้ามีวิธีช่วยท่านลุงของเจ้าหรือไม่” ไทเฮากำมือของมู่หรงลี่แน่น จู่ๆ นางก็นึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงกล่าวกับมู่หรงลี่ “ท่านอาเก้าของเจ้าเล่า ท่านอาเก้าของเจ้าว่าเช่นไรบ้าง เขาเป็นคนเกลี้ยกล่อมให้ท่านลุงของเจ้ากลับไปยังต้าโจวอีกครั้ง เขาได้บอกสิ่งใดกับเจ้าบ้างหรือไม่ ก่อนเดินทาง…ท่านอาเก้าของเจ้ารับปากแม่แล้ว เขาจะปล่อยให้ท่านลุงของเจ้าเป็นอันใดไปได้อย่างไรกัน เหตุใดเขาไม่ไปขอร้องจักรพรรดินีแห่งต้าโจว พวกเขามีลูกด้วยกันถึงสองคน…”
แววตาของมู่หรงลี่เคร่งขรึมลง น้ำเสียงอ่อนโยนที่กล่าวกับไทเฮาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นทันที “เสด็จแม่ สองสามวันก่อนข้าได้รับรายงานว่าท่านอาเก้าได้รับบาดเจ็บตอนเข้าไปพบจักรพรรดินีแห่งต้าโจวในวังหลวง ก่อนหน้านี้เสด็จแม่แทงข้างหลังต้าโจวตอนที่แคว้นของพวกเรายังเป็นพันธมิตรกันเพราะต้องการให้ท่านอาเก้าแตกหักกับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่ใช่หรือขอรับ ตอนนี้ทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ติดแล้ว เสด็จแม่สมหวังดั่งใจปรารถนาแล้ว ทว่า เหตุใดเมื่อท่านลุงเกิดเรื่องขึ้นท่านแม่จึงอยากให้พวกเขาคืนดีกันเล่าขอรับ!”
“เสด็จแม่…” มู่หรงลี่ชักมือออกจากการเกาะกุมของไทเฮา “เสด็จแม่จะได้ทุกเรื่องที่อยากได้ในใต้หล้าไม่ได้นะขอรับ ต้าโจวไม่ยอมอ่อนข้อให้พวกเราเพราะเสด็จแม่เคยแทงข้างหลังพวกเขาก่อน ตอนนี้พวกเขาต้องการให้เสด็จพี่มู่หรงผิง แม่ทัพเซี่ยสวินและท่านอาเก้าไปเป็นตัวประกันที่ต้าโจวจึงจะยอมตกลงเดิมพันกับพวกเราในครั้งนี้ พวกเขาบอกว่ามีเพียงต้าเยี่ยนส่งแม่ทัพที่เก่งกาจมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจวพวกเขาจึงจะเห็นถึงความจริงใจของต้าเยี่ยน ไม่ใช่ปล่อยให้ต้าเยี่ยนยกกองทัพหลักกลับไปยังต้าเยี่ยนหลังจากเริ่มเดิมพันกันเพื่อทำสงครามกับต้าโจวขอรับ”
ใบหน้าของไทเฮาซีดเผือด นางเบิกตามองมู่หรงลี่ “เหตุใดต้าโจวจึงกล้าทำเช่นนี้! แคว้นต้าเยี่ยนของพวกเรายอมเดิมพันด้วยแคว้นก็ถือว่า…”
“พวกเราต้าเยี่ยนยอมเดิมพันด้วยแคว้นเพราะแคว้นของพวกเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤต พวกเราจำเป็นต้องทำเช่นนี้! ทว่า ต้าโจวสามารถขัดขวางกองทัพหลักของต้าเยี่ยนไว้ที่ซีเหลียงและยกทัพบุกโจมตีต้าเยี่ยนของพวกเราได้ขอรับ! เสด็จแม่คิดว่าการที่พวกเรายอมเดิมพันแคว้นต้าเยี่ยนกับต้าโจวถือเป็นบุญคุณสำหรับต้าโจวหรือขอรับ” มู่หรงลี่กล่าววาจาค่อนข้างรุนแรงเพราะกำลังโมโห
“เสด็จแม่ลองคิดดูสิขอรับว่าเหตุใดต้าโจวจึงอยากให้ท่านอาเก้าอยู่เป็นตัวประกันที่ต้าโจว” น้ำเสียงของมู่หรงลี่เย็นชาและเคร่งขรึม “จักรพรรดินีแห่งต้าโจวโกรธท่านอาเก้า นางคงอยากรั้งตัวท่านอาเก้าไว้ทรมาน ท่านแม่ยังคิดไม่ได้อีกหรือขอรับ!”
“ทว่า อาเหยี่ยนคือบิดาของลูกทั้งสองของนาง!”
“การกระทำของเสด็จแม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านอาเก้าและจักรพรรดินีแห่งต้าโจวร้าวฉานจนยากจะประสานแล้ว ตอนนี้เสด็จแม่ยังคิดให้ท่านอาเก้าใช้ลูกทั้งสองของเขาขอร้องจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอีก ท่านอาเก้าต้องหน้าไม่อายเพียงใดถึงจะกล้าเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมาขอรับ เสด็จแม่อยากให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวนึกถึงลูกทั้งสองของนาง เช่นนั้นตอนที่เสด็จแม่ร่วมมือกับซีเหลียงแทงข้างหลังต้าโจว เสด็จแม่เคยนึกถึงลูกของท่านอาเก้าในท้องของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวบ้างหรือไม่ขอรับ”
หากคนตรงหน้าไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของตนมู่หรงลี่คงถามออกไปแล้วว่าเหตุใดถึงได้หน้าไม่อายถึงเพียงนี้
“ไหนจะเรื่องเดินทางไปยังต้าโจวอีก ท่านอาเก้าไปได้ ทว่า ท่านลุงไม่ควรไป เสด็จแม่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาเท่ากับบอกว่าท่านลุงคือพี่ชายแท้ๆ ของเสด็จแม่ ส่วนท่านอาเก้า…แม้จะเป็นน้องชายของเสด็จแม่เช่นกัน ทว่า ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ในสายตาของเสด็จแม่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ อาลี่เสียใจแทนท่านอาเก้าจริงๆ ขอรับ!” มู่หรงลี่ยืดหลังตรง เขามองหน้าของมารดาที่ซีดเผือดกว่าเดิมพลางกล่าวขึ้น “เสด็จแม่อย่าลืมนะขอรับว่าท่านอาเก้าสกุลมู่หรง อาลี่สกุลมู่หรง ในสายตาของอาลี่ท่านอาเก้าเป็นญาติของอาลี่เหมือนกับเสด็จแม่เราไม่มีทางปล่อยให้ท่านอาเก้าเป็นอันใดไปทั้งสิ้น ดังนั้น…เราจะปกป้องท่านอาเก้าอย่างเต็มที่!”
“อาลี่! นั่นคือลุงของเจ้า เจ้าและเขาเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด!”
“เสด็จแม่ลืมไปแล้วหรือขอรับว่าอาลี่ได้บัลลังก์นี้มาได้อย่างไร” สีหน้าของมู่หรงลี่ราบเรียบ “เสด็จแม่ลองถามใจตัวเองดูว่าหากเป็นท่านลุง…ท่านลุงจะยกบัลลังก์นี้ให้อาลี่หรือไม่ขอรับ”
ไทเฮาจิกเล็บลงบนฝ่ามือของตัวเองอย่างแรง
“ท้ายที่สุดแล้วเสด็จแม่และท่านลุงสกุลจง ส่วนเราและท่าอาเก้าสกุลมู่หรง” มู่หรงลี่แผ่บารมีของจักรพรรดิออกมา “เสด็จแม่อายุมากแล้วทรงกลับไปดูแลดอกไม้ใบหญ้าที่ตำหนักของตัวเองเพื่อขอพรให้ต้าเยี่ยนเถิด นับจากนี้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักของต้าเยี่ยนแล้ว เรา…ตัดสินใจเองได้!”
“เหตุใดอาลี่ถึงได้โหดร้ายถึงเพียงนี้! นั่นคือลุงแท้ๆ ของเจ้านะ เจ้าจะปล่อยให้ลุงของเจ้าเสียชีวิตอยู่ที่แคว้นอื่นเช่นนี้หรือ” ไทเฮาร้องไห้ออกมา “ท่านลุงรักเจ้าถึงเพียงนี้…”