ตอนที่ 1354 จวนองค์หญิง
“ไทเฮา…”
นางกำนัลข้างกายไทเฮากล่าวโน้มน้าวเสียงเบา
“ฝ่าบาทกำลังยุ่งอยู่ พวกเรากลับกันก่อนเถิดเพคะ”
ไทเฮาร้องไห้จนตัวโยน นางอยากกล่าวต่อ
“ท่านลุงของเจ้าเสี่ยงชีวิตเดินทางไปยังต้าโจวเพื่อต้าเยี่ยน อาลี่…เจ้าเป็นคนกตัญญูมาโดยตลอด เหตุใดต้องกล่าวถ้อยคำแบ่งแยกตระกูลจงและตระกูลมู่หรงออกมาอย่างโหดร้ายเช่นนี้กัน เจ้าอย่าลืมนะว่าแม่ของเจ้าก็สกุลจง!”
มู่หรงลี่กำหมัดแน่น มารดาของเขาเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เวลามีเรื่องดีก็มักบอกว่าท่านลุงดีเหมือนท่านอาเก้า ทว่า เมื่อเจอปัญหากลับบอกว่าท่านอาเก้าแก่งกว่าท่านลุง…
“จงสิงเสี่ยวคือลุงของเราก็จริง ทว่า เขาคือขุนนางของต้าเยี่ยนเช่นเดียวกัน หากเขาเสียชีวิตเพื่อแคว้นก็ถือเป็นการสละชีพที่น่ายกย่อง เราจะตอบแทนตระกูลจงเป็นอย่างดี เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ขอเพียงเรายังอยู่ หากตระกูลจงไม่หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง เราจะเห็นแก่เสด็จแม่ทำไม่ไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้!”
มู่หรงลี่กล่าวจบจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองทันที
“เรายังมีงานต้องสะสาง เสด็จแม่เชิญกลับไปเถิด”
ไทเฮาอยากกล่าวสิ่งใดอีก ทว่า ถูกนางกำนัลข้างกายรั้งไว้เสียก่อน
“ไทเฮา ตอนนี้ฝ่าบาททรงมีงานสำคัญต้องสะสาง ท่านเสด็จกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดเพคะ ไม่ว่าอย่างไรใต้เท้าจงก็เป็นลุงแท้ๆ ของฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยให้เขาเสียชีวิตอยู่ต่างแคว้นแน่นอนเพคะ ไทเฮาปล่อยให้ฝ่าบาทมีเวลาคิดหาวิธีก่อนเถิดเพคะ”
ไทเฮาเห็นมู่หรงลี่นั่งลงด้านหลังโต๊ะทำงานไม้กฤษณาเรียบร้อยจึงไม่ได้คัดค้านคำกล่าวของนางกำนัล นางลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา จากนั้นเดินออกไปจากห้องหนังสือโดยมีนางกำนัลช่วยประคอง
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูมู่หรงลี่จึงเขวี้ยงพู่กันหยกในมือทิ้งด้วยความโมโห หยกเนื้อดีแตกกระตายออกเป็นเสี่ยงๆ
หวังจิ่วโจวรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที
“ฝ่าบาททรงระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“หวังจิ่วโจว ข้าไม่ได้โมโห ทว่า ข้าเสียใจ…เสียใจและผิดหวังแทนท่านอาเก้า! ต่างกล่าวกันว่าพี่สะใภ้ใหญ่เปรียบเสมือนมารดา ท่านอาเก้ารักและเคารพเสด็จแม่ประหนึ่งมารดาของตัวเองมาโดยตลอด ทว่า เสด็จแม่ของข้า…”
มู่หรงลี่กำหมัดแน่น ไม่นานจึงคลายมืออกและหยิบพู่กันเล่มใหม่ขึ้นมาเขียนจดหมายเมื่อครู่ต่อ
มู่หรงลี่เขียนในจดหมายว่าให้หวังหานปิงหาทางช่วยชีวิตของจงสิงเสี่ยว
ในฐานะหลานและลูกมู่หรงลี่ไม่อยากให้มารดาของตัวเองและท่านอาเก้าผิดใจกัน เขารู้ดีว่าหากจงสิงเสี่ยวเสียชีวิตที่ต้าโจวท่านแม่ของเขาต้องโทษว่าเป็นความผิดของท่านอาเก้าแน่นอน ถึงเวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างท่านแม่และท่านอาเก้าคงยากจะกลับมาดีดั่งเดิมได้
ดังนั้นจงสิงเสี่ยวจะตายไม่ได้เด็ดขาด! ถึงแม้มู่หรงลี่อยากให้เขาเสียชีวิตอยู่ที่ต้าโจวมากเพียงใดเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้จงสิงเสี่ยวเป็นอันใดไปตอนเดินทางไปพร้อมท่านอาเก้าได้
วันที่สิบ เดือนหก รัชศกหยวนเหอปีที่สอง หลี่เทียนฟู่ถูกคุมตัวมาถึงเมืองหลวง
ไป๋ชิงเหยียนแต่งตั้งหลี่เทียนฟู่เป็นองค์หญิงอวิ๋นจิงตามที่เคยรับปากไว้และมอบจวนองค์หญิงให้แก่นาง
ไป๋ชิงเหยียนทำเช่นนี้เพื่อต้องการปลอบใจชาวบ้านซีเหลียงให้อยู่ในความสงบเท่านั้น
ต้าโจวแต่งตั้งองค์ชายของแคว้นต้าเหลียงเป็นหานเฉิงอ๋องมาก่อน ตอนนี้มีองค์หญิงอวิ๋นจิงเพิ่มมาอีกก็คนถือว่ามีเพื่อร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้ว ทว่า ไม่ว่าจวนองค์หญิงจะหรูหราและกว้างขวางเพียงใด หลี่เทียนฟู่ก็เป็นเพียงนกในกรงที่ไม่สามารถบินหนีไปที่ใดได้อีกตลอดชีวิต
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซีเหลียงดับสูญไปแล้วหรือไม่หลี่เทียนฟู่จงดูสงบเสงี่ยมลงกว่าเมื่อก่อนมาก แม้แต่องครักษ์ลับมาช่วยนางออกไปนางยังไม่ยอมหนีตามเขาไปเลย
ไม่ใช่เพราะหลี่เทียนฟู่ไม่อยากจากความหรูหราและสุขสบายเหล่านี้ไป ทว่า นางยังไม่ลืมความแค้นของลู่เทียนจัว…
ตอนที่หลี่เทียนฟู่รู้ว่าต้องเดินทางมายังต้าโจวนางดีใจจนแทบเก็บอารมณ์ไม่อยู่ แม้ซีเหลียงจะดับสูญไปแล้ว แม้นางจะไม่มีโอกาสทำลายต้าโจวให้ย่อยยับ ทว่า นางต้องมีโอกาสสังหารไป๋ชิงเหยียนเพื่อแก้แค้นให้ลู่เทียนจัวแน่นอน
หลี่เทียนฟู่ได้ยินเรื่องของหานเฉิงอ๋องมาบ้าง หลังจากหานเฉิงอ๋องเดินทางมายังต้าโจวเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยมดังนั้นบางครั้งเขาจึงมีโอกาสปรากฏตัวในงานเลี้ยงของต้าโจว หลี่เทียนฟู่คิดว่าขอเพียงนางมีความอดทนมมากพอ สักวันหนึ่งนางต้องมีโอกาสสังหารไป๋ชิงเหยียนแน่นอน
ดังนั้นหลี่เทียนฟู่จึงทำตัวสงบเสงี่ยมมาโดยตลอด แม้เมื่อมาถึงเมืองหลวงจะต้องถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวนองค์หญิงนางก็ไม่เคยอาละวาดเลยสักครั้ง นางขังตัวเองอยู่แต่ในเรือน เอาแต่ปลูกดอกไม้ไปวันๆ ราวกับยอมรับชะตาของตัวเองแล้ว
องครักษ์ที่คุ้มกันจวนองค์หญิงรายงานว่าบางครั้งหลี่เทียนฟู่มักนั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวาหนึ่งถึงสองชั่วยาม ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“องค์หญิงอวิ๋นจิงผู้นี้…ยอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้วหรือเจ้าคะ”
ชนเถายกขนมไปวางตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวออกมาเบาๆ
ชุนเถาไม่ชอบหลี่เทียนฟู่ หลี่เทียนฟู่เคยคิดสังหารคุณหนูใหญ่ของนางในงานแต่งระหว่างอดีตรัชทายาทแห่งต้าจิ้นและหลี่เทียนฟู่ ชุนเถายังจำได้ดีว่าคุณหนูใหญ่กลับมาที่จวนโดยที่กระโปรงมีแต่เลือด นางตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
“ไม่น่าใช่…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับองครักษ์ลับยิ้มๆ
“เฝ้านางไว้ให้ดี ห้ามนางก้าวเท้าออกจากจวนองค์หญิงแม้แต่ก้าวเดียว!”
“ขอรับ!”
องครักษ์ลับรับคำแล้วจากไปทันที
ตระกูลหวังเปิดประชุมตระกูลในวันที่สามที่หลี่เทียนฟู่เดินทางมาถึงเมืองหลวงเพื่อตัดหวังติ้งคุนออกจากการเป็นบุตรชายของหวังเหล่าไท่จวินและใส่ชื่อของหวังติ้งซุ่นลงไปแทน
ราชสำนักจับตามองเรื่องนี้อยู่ดังนั้นเรื่องของตระกูลหวังจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีผู้ใดอยากเป็นศัตรูกับจักรพรรดิของแคว้นแน่
หวังติ้งคุนถูกจับขังคุกในวันถัดมาหลังจากที่เหล่าไท่จวินกระอักเลือดเพราะสำนักตรวจการฟ้องร้องว่าเขารับสินบนคดีสังหารคนของบรรพบุรุษตระกูลไป๋
ตามหลักแล้วหากหวังติ้งคุนถูกฟ้องร้องจวนหวังควรเดือดร้อนไปด้วย ทว่า ฝ่าบาทกลับส่งของพระราชทานไปให้หวังเหล่าไท่จวินมากมาย ผู้ใดจะไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดอีก คนตระกูลบรรพบุรุษหวังจึงรีบจัดการเรื่องรับบุตรคนใหม่มาเป็นบุตรของหวังเหล่าไท่จวินโดยเร็วที่สุด
ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาหวังติ้งซุ่นผู้นี้ดีแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ตระกูลบรรพบุรุษบีบบังคับให้หวังเหล่าไท่จวินยอมรับเป็นบุตรเหมือนกับหวังติ้งคุน เขาเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เล็ก ถือเป็นคนมีคุณธรรมคนหนึ่ง เขาเป็นคนยากจน เคยเรียนอยู่ในสำนักศึกษาของตระกูงหวังอยู่หลายปี ทว่า เขามักถูกเด็กในตระกูลเดียวกันกีดกันเพราะความยากจน ต่อมาเขาจึงไม่ไปเรียนที่สำนักศึกษาแต่เรียนกับปู่ของตัวเองที่จวนแทน ถือว่าเป็นคนมีความรู้พอตัว
หวังติ้งซุ่นต้องดูแลปู่ติดเตียงของตัวเองดังนั้นจึงยังไม่ได้แต่งงานทั้งๆ ที่อายุสามสิบสองแล้ว
สตรีจากตระกูลดีๆ กลัวว่าต้องแต่งงานไปลำบากกับหวังติ้งซุ่น ไหนจะต้องคอยดูแลคนแก่ที่ป่วยติดเตียงอีก
ที่สำคัญหวังติ้งซุ่นเป็นคนค่อนข้างเงียบขรึม เอาใจสตรีไม่เก่งดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้แต่งงานเสียที
ตอนนี้ปู่ของเขาจากไปแล้วหวังติ้งซุ่นเหลือตัวคนเดียวบนโลก เพื่อนบ้านของหวังติ้งซุ่นเห็นว่าเขานิสัยดีจึงอยากช่วยแนะนำสตรีให้เขา ทว่า หวังติ้งซุ่นปฏิเสธน้ำใจของคนเหล่านั้น เขาอยากสอบเข้ารับราชการให้ได้เสียก่อน
ไป๋ชิงเหยียนลอบส่งคนไปทดสอบความรู้ของหวังติ้งซุ่นแล้ว ความรู้ของเขาไม่ธรรมดาทีเดียว
ต่อมาพ่อบ้านเหาไปพบหวังติ้งซุ่นด้วยตัวเองและบอกเขาว่าอยากรับเขาไปเป็นบุตรของหวังเหล่าไท่จวิน