ตอนที่ 1362 สิทธิ์
“ใต้เท้าหลิ่วกล่าวถูกต้องแล้ว ตอนนี้ใต้หล้าแบ่งเป็นต้าโจวและต้าเยี่ยน สองแคว้นมีอาณาเขตยิ่งใหญ่ เมืองของซีเหลียงที่เพิ่งยึดครองได้มาก็ต้องการเวลาบำรุงซ่อมแซม พวกเราคัดเลือกเมืองตัวแทนมาแข่งขันกันเหมาะสมที่สุดแล้ว! ทว่า ก่อนที่จะปรึกษากันเรื่องเลือกเมือง ใต้เท้าหลิ่วให้ข้ากล่าวเรื่องตัวประกันให้จบก่อนเถิด…”
หวังหานปิงยังคงมีท่าทีสงบตามเดิม เขากล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน
“ในเมื่อต้าเยี่ยนยอมส่งองค์ชายใหญ่ องค์ชายสองและแม่ทัพเซี่ยสวินมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจว ต้าโจวก็ควรส่งตัวประกันไปที่ต้าเยี่ยนด้วยไม่ใช่หรือ…”
หวังหานปิงกล่าวต่อโดยไม่รอให้หลิ่วหรูซื่อกล่าว
“ต้าเยี่ยนส่งองค์ชายสองคนของต้าเยี่ยนมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจวเพื่อแสดงความจริงใจในการเดิมพันครั้งนี้ อีกเหตุผลเป็นเพราะต้าเยี่ยนทำผิดต่อต้าโจวก่อน ไม่แปลกที่ต้าโจวจะไม่วางใจต้าเยี่ยน ทว่า ตอนนี้กองทัพต้าโจวประชิดอยู่ที่ชายแดนต้าเยี่ยน พวกเรากลัวว่าหากพวกเราส่งแม่ทัพที่เก่งกาจเรื่องการรบมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจว ต้าโจวจะยกทัพบุกไปโจมตีต้าเยี่ยนทันทีโดยอ้างเรื่องที่ต้าเยี่ยนแทงข้างหลังต้าโจวคราวที่แล้ว ถึงเวลานั้นต้าเยี่ยนไม่มีแม่ทัพที่เก่งพอที่จะต้านทานศัตรู พวกเราต้องโดนต้าโจวเฉือนเนื้อออกเป็นชิ้นๆ ตามใจชอบแน่นอน”
หวังหานปิงกล่าวจบจึงลุกขึ้นยืนทำความเคารพขุนนางต้าโจวทุกคน
“ครั้งนี้ต้าเยี่ยนไม่ได้ต้องการตัวประกันจากต้าโจวจริงๆ พวกเราก็แค่อยากได้ความสบายใจเท่านั้น ให้คนต้าเยี่ยนรับรู้ว่าต้าโจวก็มีความจริงใจในการแข่งขันครั้งนี้เช่นเดียวกัน ทุกท่านได้โปรดเข้าใจด้วย! สิ่งที่ต้าเยี่ยนขอเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล”
“ฝ่าบาทของพวกเราตรัสไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าต้าโจวจะไม่ส่งคนไปเป็นตัวประกัน”
หลิ่วหรูซื่อเท้าแขนลงบนโต๊ะพลางมองไปทางหวังหานปิง
“จักรพรรดินีของเราตรัสแล้วไม่คืนคำ! ขุนนางต้าโจวทุกคนมีความเห็นว่ากองทัพของต้าโจวยิ่งใหญ่และได้เปรียบกว่าต้าเยี่ยน พวกเราสามารถทำลายล้างต้าเยี่ยนให้ดับสูญได้ในอีกไม่นาน เหตุใดพวกเราต้องเสี่ยงมาแข่งขันด้วยระบอบการปกครองกับต้าเยี่ยนด้วย ทว่า ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พวกเรามาเจรจา พวกเราจึงมา…”
หลิ่วหรูซื่อกล่าวพลางกำหมัดคารวะหวังหานปิง
“หวังว่าคณะทูตทุกท่านของต้าเยี่ยนจะเข้าใจและไม่ทำให้พวกเราลำบากใจ ตอนนี้ต้าโจวของพวกข้าได้เปรียบ ต้าเยี่ยนของพวกท่านกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเราอย่ามัวมาสนใจรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเช่นนี้เลย”
หวังหานปิงเพิ่งรับรู้ความร้ายกาจของหลิ่วหรูซื่อตอนนี้ วาทศิลป์ของคนผู้นี้ช่างร้ายกาจมากจริงๆ คำกล่าวของเขาไม่เพียงอ่อนนอกแข็งในเท่านั้น เขายังกล่าวจนต้าเยี่ยนตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนอีกครั้ง เขาจงใจเน้นย้ำว่าตอนนี้ต้าเยี่ยนเป็นฝ่ายมาขอร้องให้ต้าโจวยอมแข่งขันด้วย ความจริงพวกขุนนางต้าโจวไม่อยากแข่ง ทว่า ฝ่าบาทของพวกเขามีรับสั่งพวกเขาจึงจำต้องมานั่งเจรจากับต้าเยี่ยนอยู่ที่นี่
เมื่อเห็นหวังหานปิงกำลังใช้ความคิด หลิ่วหรูซื่อจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“จู่ๆ ข้าก็นึกถึงคำที่ฝ่าบาทเคยตรัสตอนที่ซีเหลียงเดินทางมาเจรจาสงบศึกหลังพ่ายแพ้ที่สงครามหนานเจียงขึ้นมาได้ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าสามารถมอบถ้อยคำที่เคยมอบให้ซีเหลียงแก่พวกท่านได้เช่นเดียวกัน”
หลิ่วหรูซื่อยกถ้วยชาขึ้นพลางกล่าวยิ้มๆ
“ในเมื่อเดินทางมาขอร้องก็จงทำตัวให้เหมือนคนมาขอร้องผู้อื่น อย่าเอ่ยถึงเรื่องความยุติธรรมหรือเงื่อนไขอื่นใดต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งกว่า คนอ่อนแอ…ไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น!”
ขุนนางต้าเยี่ยนได้ยินคำกล่าวของหลิ่วหรูซื่อจึงเดือดดาลขึ้นทันที บางคนตบโต๊ะลุกขึ้นยืนพลางตวาดถามว่าหลิ่วหรูซื่อหมายความเช่นไร
เดิมทีฟ่านอวี้กานอยากถลกแขนเสื้อขึ้นปะทะกับอีกฝ่าย ทว่า ถูก หลิ่วหรูซื่อรั้งไว้เสียก่อน
“ข้ากล่าวจี้แทงใจดำทุกท่านอย่างนั้นหรือ ทุกท่านจึงได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงเช่นนี้ ยามสองแคว้นเจรจากันล้วนเป็นเช่นนี้ ข้าแค่กล่าวออกมาตามความจริงเท่านั้น เหตุใดคณะทูตของต้าเยี่ยนต้องเดือดดาลถึงเพียงนี้ด้วย”
หวังหานปิงยกมือห้ามขุนนางต้าเยี่ยนเช่นเดียวกัน เขากล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ร้อนใจอันใดกัน พวกเรากำลังเจรจากันอยู่ พวกเราค่อยๆ เจรจาจนกว่าจะได้ข้อสรุปก็สิ้นเรื่อง”
วันนั้นขุนนางต้าเยี่ยนและต้าโจวทะเลาะกันตลอดช่วงเช้า สุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องตัวประกันเสียที ขุนนางต้าโจวยังปกติดี ทว่า ขุนนางต้าเยี่ยนกลับกลับไปทะเลาะกันเองต่อที่ที่พัก
ขุนนางฝ่ายของไทเฮาตำหนิที่หวังหานปิงเสนอตัวองค์ชายใหญ่เป็นตัวประกัน พวกเขาไม่รู้จะกลับไปตอบคำถามของไทเฮาที่ต้าเยี่ยนได้อย่างไร
ขุนนางฝ่ายผู้สำเร็จราชการเริ่มโวยวายขึ้นเช่นเดียวกัน…
“หากไม่เสนอองค์ชายใหญ่ออกมาต้าโจวก็ไม่ยอมตกลงเสียที หรือพวกเจ้าอยากให้ผู้สำเร็จราชการอยู่เป็นตัวประกันที่ต้าโจวกัน! หากผู้สำเร็จราชการของพวกเราอยู่เป็นตัวประกันที่ต้าโจวต้าโจวจะรู้ระบอบการปกครองทั้งหมดของต้าเยี่ยนทันที พวกเรายังต้องแข่งขันอันใดอีก…ยกต้าเยี่ยนให้ต้าโจวไปเลยก็สิ้นเรื่อง!”
“เหตุ…เหตุใดต้องส่งตัวประกันมาให้ต้าโจวด้วย แค่องค์ชายสองกับแม่ทัพเซี่ยสวินยังไม่พออีกหรือ เหตุใดยังต้องส่งองค์ชายใหญ่มาอีก!”
ขุนนางฝ่ายไทเฮากล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“หากไม่เสนอองค์ชายใหญ่ ต้าโจวจะยอมตกลงแข่งขันกับเราอย่างนั้นหรือ”
หวังหานปิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง
“ต้าโจวจะสั่งให้กองทัพบุกโจมตีเมืองหลวงของต้าเยี่ยนทันที ผู้ใดจะไปต้านทานกองทัพของต้าโจว เจ้าอย่างนั้นหรือ หรือว่าข้า! เจ้าและข้าจะเอาชีวิตไปสังเวยให้ต้าโจวในสนามรบอย่างนั้นหรือ เมื่อพวกเรามอบชีวิตให้ต้าโจวแล้วต้าโจวจะยอมถอยทัพหรือไม่ หากต้าโจวยอม…ข้าหวังหานปิงยินดีสละชีวิตของข้าเพื่อต้าเยี่ยนตอนนี้เลย!”
แสงไฟส่องกระทบใบหน้าดุดันและเยือกเย็นของหวังหานปิง คำกล่าวของเขาคือเรื่องจริง แววตาที่เกรี้ยวกราดของเขาทำให้ขุนนางต้าเยี่ยนคนอื่นๆ พากันเม้มปากสนิท
ภายในห้องเหลือเพียงแสงจากตะเกียงไฟและเสียงปะทุจากเตาผิง ทุกคนรู้ดีว่าหวังหานปิงกล่าวมีเหตุผล ทว่า พวกเขาแค่อยากปกป้องผลประโยชน์ของไทเฮาไว้เท่านั้น
ถึงแม้พวกเขาอยากรักษาผลประโยชน์ของไทเฮา ทว่า แคว้นต้าเยี่ยนต้องมาก่อน หากไม่มีแคว้นต้าเยี่ยน พวกเขาจะแบ่งเป็นฝ่ายของไทเฮาและผู้สำเร็จราชการไปเพื่อสิ่งใด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสูญเปล่าไปแล้ว
เสนาบดีกรมการคลังฟังรายงานจากหงหลู่ซื่อชิงจบจึงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น
“การที่ใต้เท้าหวังเสนอองค์ชายใหญ่ออกมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ต้าเยี่ยนของพวกเราอยากแข่งขันด้วยระบอบการปกครองกับต้าโจวจากใจจริง องค์ชายใหญ่ องค์ชายสองและแม่ทัพเซี่ยสวินคงปลอดภัยเมื่ออยู่ในต้าโจว ทว่า ข้าแค่กลัวว่าต้าโจวจะสร้างความลำบากใจให้ตัวประกันทั้งสามเท่านั้น”
“ไม่ว่าอย่างไรก็เสนอเรื่องนี้ออกไปแล้ว เมื่อผู้สำเร็จราชการกลับมาข้าจะไปรายงานเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวเองและจะเขียนจดหมายกลับไปทูลให้ฝ่าบาทและไทเฮาทรงทราบ หากทั้งสองพระองค์ไม่เห็นด้วย ข้าจะถือศีรษะของตัวเองไปพบต้าโจวเพื่อรับผิดเองทั้งหมด”
สิ้นเสียงของหวังหานปิง เซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้ามาในโถงรับรองพลางกล่าวขึ้น
“หวังหานปิงทำทุกอย่างลงไปเพื่อต้าเยี่ยน ไม่ว่าจะเป็นฝ่าบาท ไทเฮาหรือข้าก็พร้อมที่จะสนับสนุนใต้เท้าหวัง ต้าเยี่ยนยอมรับคำสัญญาที่ใต้เท้าหวังรับปากกับต้าโจวในวันนี้”
เมื่อขุนนางต้าเยี่ยนเห็นผู้สำเร็จราชการเดินเข้ามาจึงรีบคุกเข่าทำความเคารพ
เซียวหรงเหยียนนั่งลงบนที่นั่งประมุข เขาจัดชายชุดของตัวเองเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้น
ลุกขึ้นเถิด!”