สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1366 จงรักภักดี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1366 จงรักภักดี

ปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียวชิวลุกขึ้นยืนโค้งคำนับปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยง จากนั้นโค้งคำนับไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนรีบลุกขึ้นยืนโค้งคำนับกลับ

“กระหม่อมนับถือใจที่รักและห่วงใยราษฎรของฝ่าบาทยิ่งนัก ตอนนี้กระหม่อมเชื่อแล้วว่าเจิ้นกั๋วอ๋องซึ่งมีอำนาจทางทหารอยู่ในมือมากมายในตอนนั้นไม่เคยคิดอยากได้บัลลังก์ ทว่า เขาทำสงครามเพื่อปกป้องชาวบ้านอย่างแท้จริง กระหม่อมเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนนั้นเจิ้นกั๋วอ๋องจึงพาบุรุษของตระกูลไป๋ไปออกรบทั้งหมดโดยไม่เหลือทางรอดให้ตระกูลไป๋เช่นนี้!”

ปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียวชิวรู้สึกตื้นตันมาก

“กระหม่อมนับถือคุณธรรมของตระกูลไป๋ยิ่งนัก! ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยแก้ไขข้อข้องใจให้กระหม่อม…”

เมื่อกล่าวจบปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียวชิวกลัวว่าเรื่องนี้จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงและไป๋ชิงเหยียนจึงรีบกล่าวขึ้น

“สหายยงฉยงไม่เคยสงสัยในตัวฝ่าบาทแม้แต่น้อย ที่เขาพากระหม่อมมาในครั้งนี้และเอ่ยถามฝ่าบาทมากมายเป็นเพราะต้องการแก้ไขข้อกังขาให้กระหม่อมเพื่อที่กระหม่อมจะได้เขียนชีวประวัติให้ตระกูลไป๋ได้ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ถือสาพ่ะย่ะค่ะ”

ปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวกล่าวจบจึงโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง

ไป๋ชิงเหยียนรีบโค้งคำนับกลับ

“ท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่าไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้ หากท่านอาจารย์หรือท่านมีข้อสงสัยในตัวไป๋ชิงเหยียนหรือระบอบการปกครองใหม่ของต้าโจวสามารถมาถามข้าได้ทุกเมื่อ ไป๋ชิงเหยียนพร้อมตอบทุกคำถามเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนออกไปส่งปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวและปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงด้วยตัวเอง เว่ยจงที่เดินตามไป๋ชิงเหยียนมาโดยตลอดกล่าวขึ้นเสียงเบา

“ฝ่าบาท ที่วันนี้ปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวและปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงมาเข้าเฝ้าฝ่าบาทมีเหตุผลอยู่พ่ะย่ะค่ะ บัณฑิตมีชื่อเสียงหลายคนไม่สามารถเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้พวกเขาจึงไปพบปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงเพื่อขอให้ปรมาจารย์มาช่วยห้ามไม่ให้ฝ่าบาทเดิมพันกับต้าเยี่ยนแทนพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงพยายามเรียบเรียงถ้อยคำให้ดูสวยหรูที่สุดแล้ว ทว่า เมื่อไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงชะงักฝีเท้าลงอยู่ดี

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเว่ยจงพลางเอ่ยถาม

“มีผู้ใดไปพบท่านอาจารย์บ้าง”

เว่ยจงรีบหยิบรายชื่อที่จดไว้ออกมาจากอก

“บ่าวทราบมาจากบ่าวรับใช้ของปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ได้ยินว่ายังมีอีกหลายคน กระหม่อมจะส่งคนไปสืบอย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองรายชื่อเหล่านั้น เว่ยจงบันทึกไว้อย่างละเอียด อาจเป็นเพราะบ่าวรับใช้ของปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงจำบัณฑิตคนแรกที่ไปพบปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงได้อย่างแม่นยำ เว่ยจงจึงจดบันทึกมาได้อย่างละเอียด

บัณฑิตผู้นี้นามว่า…หลู่จงซิ่น

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าใช้ความคิด ข่าวของบัณฑิตผู้นี้รวดเร็วเสียจริง เขาไปพบท่านอาจารย์ของนางตั้งแต่วันแรกที่ทูตของต้าเยี่ยนเดินทางมาถึงต้าโจว

ไป๋ชิงเหยียนยื่นรายชื่อคืนให้เว่ยจง นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น

“ให้สำนักตรวจสอบสืบประวัติหลู่จงซิ่นผู้นี้ทีว่าปกติเขาพบปะกับผู้ใดบ้าง สืบให้แน่ชัดว่าเขารู้ข่าวเรื่องนี้มาจากที่ใดถึงได้ไปพบท่านอาจารย์ของข้าเร็วถึงเพียงนั้น จากนั้นตรวจสอบคนในราชสำนักหรือคนข้างกายของข้าด้วยว่ามีคนปากมากหรือไม่ ลอบสืบอย่างลับๆ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น มิเช่นนั้นผู้อื่นอาจตื่นตระหนกได้”

“บ่าวเข้าใจแล้ว ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ เมื่อได้เบาะแสบ่าวจะรีบทูลให้ฝ่าบาททราบทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงพยักหน้า

เว่ยจงช่วยแบ่งเบาภาระของไป๋ชิงเหยียนได้มาก เว่ยจงเป็นคนทำงานด้วยความรอบคอบและระมัดระวังตัวเป็นที่สุด มิน่าท่านย่าของนางจึงให้ความสำคัญกับเขามาก

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟจากโคมไฟดอกบัวสิบหกแฉกมองเว่ยจงที่ยืนโน้มกายอยู่อย่างนอบน้อมนิ่ง

“ช่วงนี้ลำบากเว่ยกงกงแล้ว…”

“ฝ่าบาทตรัสอันใดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นหน้าที่ของบ่าวพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงรีบกล่าว

“ข้าจะจดจำความจงรักภักดีของเว่ยกงกงไว้ กลับกันเถิด”

ไป๋ชิงเหยียนเดินไปตามระเบียงทางเดินที่ทอดยาว เว่ยจงรีบเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม ไม่ได้ผยองเพราะได้รับคำชมจากไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย

ไป๋ชิงเหยียนเดินไปถึงหน้าประตูตำหนักก็เห็นขันทีเล็กคนหนึ่งกำลังชะโงกหน้ามองไปรอบกาย เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนและเว่ยจงกลับมาขันทีเล็กผู้นั้นจึงรีบยืนตัวตรงอย่างเป็นระเบียบอยู่หน้าประตูตำหนักตามเดิมทันที เขาก้มหน้าที่ชื้นไปด้วยเหงื่อลงเพราะกลัวจะถูกเว่ยจงดุ

เฉิงซ่านหรูมาถึงแล้ว ทว่า เมื่อครู่ไป๋ชิงเหยียนกำลังสนทนาอยู่กับปรมาจารย์ผู้เฒ่าทั้งสองท่านและออกไปส่งคนทั้งสองที่หน้าประตูวังด้วยตัวเอง เว่ยกงกงจึงให้คนพาเฉิงซ่านหรูไปรอที่ตำหนักรับรองก่อน เฉิงซ่านหรูดื่มชาไปหลายถ้วย เขาเข้าห้องน้ำไปถึงสามรอบแล้วขันทีเล็กจึงอาสาออกมาดูลาดเลาให้เฉิงซ่านหรูที่ดูใจดีผู้นี้ว่าไป๋ชิงเหยียนจะกลับมาเมื่อใด ถงหมัวมัวจะได้จดจำความดีของเขาได้

เขาถึงไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนและเว่ยกงกงจะเดินกลับมาทางระเบียงทางเดิน ไม่ได้นั่งเกี้ยวกลับมาเช่นนี้

“เฉิงซ่านหรูมาถึงแล้วหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนก้าวเข้าไปในตำหนักใหญ่พลางเอ่ยถาม

“มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เว่ยจงโบกมือให้ขันทีเล็กไปเชิญเฉิงซ่านหรูเข้ามา

“เมื่อครู่ฝ่าบาททรงกำลังอยู่กับท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่าทั้งสอง บ่าวจึงให้คนพาใต้เท้าเฉิงไปดื่มชารอที่ห้องด้านข้าง บ่าววางอาวุธชนิดใหม่ที่ใต้เท้าเฉิงมอบให้บ่าวตอนที่ฝ่าบาททรงประทับอยู่กับปรมาจารย์ทั้งสองไว้บนโต๊ะฎีกาของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ดี…”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

“เมื่อเฉิงซ่านหรูเข้ามาเจ้าจงส่งคนไปตามถงหมัวมัวมาด้วย เมื่อคุยธุระเสร็จถงหมัวมัวจะได้ทานอาหารร่วมกับเฉิงซ่านหรูสักมื้อ อย่าเพิ่งปล่อยให้เขาออกจากวังหลวง”

“พ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงรับคำ

ไม่นานเฉิงซ่านหรูจึงเดินเข้ามาในตำหนัก เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังถืออาวุธชิ้นใหม่ที่เขาเพิ่งผลิตขึ้นมาได้อยู่ในมือจึงรีบคุกเข่าทำความเคารพหญิงสาว

“เบาบางราวกับเส้นผม…เป็นอาวุธที่เยี่ยมยอดจริงๆ”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูดาบคมในมือแล้วอดรู้สึกทึ่งไม่ได้

“น้ำหนักดูเบากว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ได้เว้าสองข้างเหมือนเดิม ทว่า เป็นรูกลวงตรงกลางแทน เช่นนี้สามารถแทงศัตรูซึ่งๆ หน้าได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วกว่าเดิม”

“คุณหนูใหญ่กล่าวถูกต้องแล้วขอรับ”

เฉิงซ่านหรูรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องอาวุธเป็นอย่างดี

“ข้าทำให้น้ำหนักของอาวุธเบาลงทหารจะได้ขยับตัวได้คล่องแคล่วมากขึ้นในสนามรบ เช่นนี้พวกเขาจะได้สังหารศัตรูได้มากขึ้น ที่สำคัญมันถูกหลอมขึ้นด้วยเสื้อเกราะของช้างศึกของเทียนเฟิ่งจึงทนทานและแหลมคมมาก ต่อให้เผชิญกับอาวุธที่หนักกว่า อาวุธชนิดนี้ก็สามารถทำลายอาวุธของฝ่ายศัตรูได้อย่างแน่นอนขอรับ”

“ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว…”

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางส่งดาบคืนให้เฉิงซ่านหรู

เฉิงซ่านหรูรีบรับมาถือไว้ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนชักดาบล้ำค่าที่แขวนอยู่บนกำแพงออกมาเฉิงซ่านหรูจึงรีบจับดาบอย่างเตรียมพร้อมทันที

เสียง ‘เพล้ง’ ดังขึ้นกลางท้องพระโรง ดาบที่ไป๋ชิงเหยียนตวัดใส่ดาบของเฉิงซ่านหรูหักเป็นสองท่อนทันที

ไป๋ชิงเหยียนมองดูดาบในมือของเฉิงซ่านหรูที่ไม่เป็นอันใดแม้แต่น้อยด้วยสีหน้าตกตะลึง

“ทว่า มีเรื่องน่าแปลกอย่างหนึ่ง เสื้อเกราะของช้างศึกของเทียนเฟิ่งทนทานกว่าอาวุธของทหารของพวกเขามาก อาวุธที่ทำขึ้นจากส่วนประกอบของเสื้อเกราะของช้างศึกจึงทนทานมากเช่นเดียวกันขอรับ”

“ไม่ใช่เรื่องแปลก ช้างศึกมีความสำคัญกับแคว้นเทียนเฟิ่งมากกว่าทหารเหล่านั้นมากนัก”

ไป๋ชิงเหยียนรับดาบมาจากมือของเฉิงซ่านหรูพลางกล่าวขึ้น

“นั่งลงเถิด ก่อนหน้านี้เจ้าได้รับบาดเจ็บที่ขามาก่อน ต่อไปเมื่อพบหน้าข้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเช่นนี้ ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท