ตอนที่ 1368 เสียดาย
“พบแล้วขอรับ”
ไป๋ชิงผิงเห็นชุนเถายกของว่างเข้ามาให้จึงพยักหน้าขอบคุณ
ชุนเถาทำความเคารพแล้วจากไป
“พี่หญิง ครั้งนี้ข้าพากู่เหล่าที่ดูแลจวนบรรพบุรุษตระกูลไป๋มาที่เมืองหลวงด้วยขอรับ กู่เหล่าอายุมากแล้ว คราวที่แล้วที่รู้ข่าวว่าพี่หญิงแต่งงานและคลอดลูกเขาป่วยจึงเดินทางมาที่นี่ไม่ได้ ครั้งนี้เขามา…”
ไป๋ชิงผิงชะงักคำกล่าวไปเล็กน้อย
“เขาอยากมาพบหน้าคุณหนูใหญ่และเจ้านายน้อยทั้งสองสักครั้งขอรับ ทว่า เขาอายุมากแล้วจึงทนต่อการเดินทางนานขนาดนี้ไม่ไหว ข้าให้ท่านพ่อช่วยพากู่เหล่าไปพักผ่อนที่จวนไป๋ก่อนแล้วขอรับ”
เดิมทีกู่เหล่ากล่าวว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานก็ต้องไปพบเจิ้นกั๋วอ๋องแล้ว เขาอยากพบหน้าคุณหนูใหญ่และเจ้านายน้อยทั้งสองจะได้ไปเล่าให้เจิ้นกั๋วอ๋องฟังได้ว่าคุณหนูใหญ่มีลูกถึงสองคนแล้ว เจิ้นกั๋วอ๋องจะได้ไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไป
“ลำบากเจ้าแล้ว…”
ไป๋ชิงเหยียนรับคำเสียงเบา
กู่เหล่าคือบ่าวรับผู้ซื่อสัตย์ที่ชราภาพที่สุดของตระกูลไป๋ในตอนนี้ เขาติดตามท่านปู่ของนางมาตั้งแต่เล็ก ไป๋ชิงเหยียนนับถือเขามาก นางเห็นเขาเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเหมือนกับท่านหมอหง
ทว่า กู่เหล่าเป็นคนที่ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ ครั้งนี้เขายอมเดินทางมากับไป๋ชิงผิงแสดงว่าร่างกายของเขาคงแทบไม่ไหวแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนกำลังตัดสินใจว่าวันนี้จะแอบกลับไปเยี่ยมกู่เหล่าที่จวนไป๋ก็เห็นเว่ยจงเดินเข้ามาด้านในเสียก่อน เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างกายนางพลางกระซิบ
“ฝ่าบาท จวนติ้งหย่งโหวส่งข่าวมาบอกว่าติ้งหย่งโหวเสียชีวิตลงเมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงตะลึงไปเล็กน้อย ไม่นานจึงกล่าวขึ้น
“เจ้าไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะเดินทางไปเคารพศพด้วยตัวเอง”
“ชุนเถา เตรียมชุดสีเรียบให้ข้าที”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่ง
ไป๋ชิงผิงได้ยินจึงรีบลุกขึ้นยืน
“พี่หญิง เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ”
“ติ้งหย่งโหวเสียชีวิตแล้ว ติ้งหย่งโหวเคยยื่นมือช่วยเหลือตระกูลไป๋ตอนตระกูลไป๋ลำบาก ข้าต้องไปเคารพศพเขา”
ไป๋ชิงเหยียนมองหน้าไป๋ชิงผิง
“เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง เดิมทีข้าจะให้เจ้าอยู่รับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน…”
“พี่หญิงใหญ่ไปทำธุระเถิดขอรับ ตอนนี้อาผิงมาอยู่เมืองหลวงแล้ว พวกเรายังมีเวลารับประทานอาหารร่วมกันอีกนานขอรับ”
ไป๋ชิงผิงโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืมว่าตอนที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้นติ้งหย่งโหวส่งติ้งหย่งซื่อจื่อมาช่วยเหลือ ทั้งยังมอบโลงศพที่เตรียมไว้ให้ตัวเองให้ตระกูลไป๋ใช้งานก่อน ผู้อื่นเกรงกลัวอำนาจของจักรพรรดิไม่กล้าเดินทางมาเคารพศพ ทว่า ติ้งหย่งโหวมาเคารพศพที่จวนไป๋หลังจากปรมาจารย์กวนยงฉยงจากไปครู่เดียวเท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนจดจำคนที่ไม่เคยเหยียบย่ำตระกูลไป๋ กระทั่งยื่นมือช่วยเหลือตอนตระกูลไป๋เดือดร้อนได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม
ไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีเรียบ จากนั้นพาเว่ยจง ชุนเถาและชุนจือออกไปจากวังหลวง
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเป็นจักรพรรดินีของแคว้นต้าโจวแล้ว ทว่า หญิงสาวไม่ใช่คนอ่อนแอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่สำคัญเว่ยจงมีวรยุทธ์เก่งกล้า ทั้งสี่คนจึงลอบออกจากวังไปโดยไม่เป็นที่สะดุดตาของผู้อื่น
ติ้งหย่งโหวมีบรรดาศักดิ์ ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ต่างรับรู้ว่าติ้งหย่งโหวเคยมอบโลงศพให้ตระกูลไป๋ตอนตระกูลไป๋ลำบาก เรียกได้ว่าเขากล้ายื่นมือช่วยเหลือตระกูลไป๋โดยไม่เกรงกลัวอำนาจของราชวงศ์ ดังนั้นเมื่อติ้งหย่งโหวเสียชีวิตจึงมีคนมากมายไปเคารพศพของเขาที่จวน
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนไปถึง จวนติ้งหย่งโหวเต็มไปด้วยผ้าไหมสีขาวและโคมไฟสีขาวแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนลงจากรถม้าก็ได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดของสตรีในจวนติ้งหย่งโหว
“คุณหนูใหญ่…”
ชุนเถายื่นมือประคองร่างของคุณหนูใหญ่ลงมาจากรถม้า
ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นผ้าไหมสีขาวรอบจวนติ้งหย่งโหวจึงนึกถึงภาพงานศพของตระกูลไป๋ในตอนนั้นขึ้นมา…
บ่าวรับใช้ของจวนติ้งหย่งโหวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายยืนรอที่หน้าประตูจวนแล้ว เมื่อเห็นรถม้ามาจอดผู้ดูแลจวนจึงเดินลงมาต้อนรับด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เว่ยจงก้าวเข้าไปกระซิบกับผู้ดูแลจวน ผู้ดูแลจวนตกใจจนแทบเข่าอ่อน เขารีบคุกเข่าก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียนพลางหันไปสั่งให้คนไปรายงานเจ้านายในจวน เขาไม่กล้าประกาศฐานะของไป๋ชิงเหยียนออกมาจึงได้แต่เชิญไป๋ชิงเหยียนเข้าไปด้านในอย่างนอบน้อมด้วยตัวเอง
หอทำพิธี
เมื่อติ้งหย่งซื่อจื่อได้ยินว่าจักรพรรดินีของแคว้นเสด็จจึงรีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจทันที เขาและภรรยารีบประคองร่างของฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้น จากนั้นพาลูกและหลานของน้องชายสองและน้องชายสามไปต้อนรับไป๋ชิงเหยียนที่ด้านนอก ด้านหลังของพวกเขาเต็มไปด้วยญาติที่มาเคารพศพในวันนี้
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจับมือชุนเถาเดินข้ามธรณีประตูจวนติ้งหย่งโหวเข้ามาด้านในฮูหยินผู้เฒ่ารีบปล่อยมือที่กำไม้เท้าออกทันที จากนั้นพาบรรดาลูกหลานคุกเข่าลงบนพื้น
“คารวะฝ่าบาทเพคะ!”
บรรดาญาติที่ยืนอยู่ทางด้านหลังรีบคุกเข่าลงตาม บางคนซึ่งเป็นช่างสังเกตเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนสวมชุดเครื่องแต่งกายสีเรียบจึงลอบประเมินความสำคัญของจวนติ้งหย่งโหวที่มีต่อไป๋ชิงเหยียนอยู่ในใจ
“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา กระหม่อมจึงไม่ได้ออกไปต้อนรับพ่ะย่ะค่ะ”
ติ้งหย่งซื่อจื่อรีบกล่าวขึ้น
“ฮูหยินผู้เฒ่ารีบลุกขึ้นเถิด”
ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปประคองร่างของฮูหยินติ้งหย่งโหวขึ้นมา นางมองหน้าหญิงชราที่น้ำตาอาบน้ำแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปบอกให้คนอื่นๆ ลุกขึ้น ไป๋ชิงเหยียนกล่าวปลอบฮูหยินติ้งหย่งโหว
“ขอแสดงความเสียใจด้วย”
ฮูหยินติ้งหย่งโหวได้ยินคำนี้จึงน้ำตาไหลพรากออกมาอีกครั้ง
“ความจริงท่านพี่อยู่มาถึงตอนนี้ก็ถือเป็นการจัดงานศพมงคลแล้ว หม่อมฉันไม่เสียใจเพคะ! ท่านพี่จากไปอย่างสงบ ไม่ทรมานแม้แต่น้อย! หากท่านพี่ทราบว่าฝ่าบาททรงมาส่งเขาหลังเขาจากไปเขาต้องซาบซึ้งมากแน่นอนเพคะ!”
“ซาบซึ้งอันใดกัน ติ้งหย่งโหวเคยมอบโลงศพให้ตระกูลไป๋ยืมตอนที่ตระกูลไป๋กำลังเผชิญเรื่องลำบาก ข้ายังจดจำน้ำใจครั้งนั้นได้ไม่ลืม!”
ไป๋ชิงเหยียนประคองร่างของฮูหยินติ้งหย่งโหวไปยังหอทำพิธี
“ตอนนี้ท่านโหวจากไปแล้ว ข้าในฐานะผู้ด้อยอาวุโสกว่าต้องมาส่งเขาอยู่แล้ว”
ฮูหยินติ้งหย่งโหวได้ยินคำนี้จึงรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก
จักรพรรดินีองค์นี้เป็นคนสำนึกบุญคุณคน ตอนนั้นติ้งหย่งโหวทำถูกแล้วที่ยืนกรานจะให้ตระกูลไป๋ยืมโลงศพของตัวเอง
ทุกคนเดินตามไป๋ชิงเหยียนไปยังหอทำพิธี ไป๋ชิงเหยียนจุดธูปเคารพศพของติ้งหย่งโหวด้วยตัวเอง ทันใดนั้นก็ได้ยินด้านนอกรายงานว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเดินทางมาเคารพศพของติ้งหย่งโหว
ฮูหยินซื่อจื่อเป็นคนหัวไว นางรีบมองไปทางจักรพรรดินีแห่งต้าโจวทันที เมื่อเห็นสีหน้าราบเรียบของไป๋ชิงเหยียนจึงคลายกังวลลง
ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก ทว่า จวนติ้งหย่งโหวไม่เคยไปมาหาสู่กับแขกอย่างผู้สำเร็จราชการแห่งต้าเยี่ยน!
ตอนนี้สองแคว้นกำลังเจรจาเรื่องสำคัญกันอยู่ พ่อสามีของนางเสียชีวิต อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนกลับเดินทางมาเคารพศพเช่นนี้หากฝ่าบาททรงคิดว่าจวนฮูหยินติ้งหย่งโหวมีความสัมพันธ์กับต้าเยี่ยนจะทำเช่นไรกัน อนาคตของจวนติ้งหย่งโหวอาจดับลงแค่ตรงนี้ก็ได้!
เมื่อคิดได้ดังนี้ฮูหยินซื่อจื่อจึงจงใจหันไปถามฮูหยินติ้งหย่งโหว
“ท่านแม่ อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนผู้นี้…ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับจวนของเรามาก่อน เหตุใดเขาจึงมาเคารพศพท่านพ่อเจ้าคะ”