ตอนที่ 1372 ยินดีรับความพ่ายแพ้
“พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงรับคำแล้วจากไปพร้อมจิงจ้าวอิ่น
ไป๋ชิงเหยียนโบกมือให้ชุนเถาและชุนจือออกไปเช่นเดียวกัน
ภายในตำหนักเหลือเพียงไป๋ชิงเหยียนคนเดียว นางหยิบหยกจักจั่นที่พกติดตัวตลอดเวลาออกมา จากนั้นวางหยกทั้งสองไว้คู่กันเพื่อพิจารณาอย่างละเอียด
หยกจักจั่นสองชิ้นนี้เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
แม้ขุนนางต้าโจวจะคิดว่าตำนานของหยกจักจั่นเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเคยบอกกับหลี่จือเจี๋ยว่าเรื่องย้อนเวลาเป็นเพียงเรื่องที่ฮองเฮาของแคว้นเทียนเฟิ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจในราชสำนักทั้งๆ ที่ไม่มีทายาทเท่านั้น ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่านางได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเช่นเดียวกัน
ตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนพกหยกจักจั่นที่เซียวหรงเหยี่ยนมอบให้นางหนีเอาตัวรอดติดตัวไว้…
หญิงสาวกำหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ที่มือขวาของตัวเอง หยกจักจั่นเปล่งประกายเป็นสีทองยามเข้าใกล้แสงตะเกียง นางขมวดคิ้วแน่น เมื่อขยับเข้าไปใกล้อีกนิดกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเกิดใหม่อีกครั้ง นางไม่เห็นหยกจักจั่นของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นแม้แต่น้อย
นางลองขยับหยกจักจั่นทั้งสองชิ้นมาใกล้กัน ทว่า ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น
หญิงสาวสองทดสอบหยกจักจั่นสองชิ้นอยู่ในตำหนักกว่าครึ่งชั่วยาม จู่ๆ นางจึงได้สติขึ้นมาและคิดว่าตัวเองคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
นางอยากหาวิธีย้อนเวลากลับไป…
เรื่องแบบนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก นางได้รับความเมตตาจากสวรรค์ให้กลับมาเกิดใหม่ครั้งหนึ่งแล้ว นางไม่ควรโลภมากกว่านี้
หากนางต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าไปทุกครั้งหากมีการย้อนเวลาดั่งตำนานกล่าวไว้จริงๆ นางไม่อาจสูญเสียคนในครอบครัวคนใดคนหนึ่งในตอนนี้ไปได้อีกแล้ว
“คุณหนูใหญ่ องครักษ์ลับเหว่ยซู่กลับมารายงานแล้วขอรับ”
เสียงของเหว่ยซู่ดังมาจากด้านข้าง
ไป๋ชิงเหยียนมองไปที่เงาดำด้านหลังเสา
“ว่ามาได้…”
“หลุมศพของพระภัสดาไม่มีสิ่งผิดปกติขอรับ ข้าให้คนเฝ้าโรงเตี๊ยมไว้อย่างแน่นหนาแล้ว แม้แต่แมลงวันสักตัวก็บินออกมาไม่ได้ขอรับ”
“ดีมาก ลำบากเจ้าแล้ว…ไปได้”
เงาสั่นไหวเล็กน้อย ไม่นานภายในตำหนักจึงเหลือเพียงไป๋ชิงเหยียนคนเดียวอีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนเก็บหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ในถุงเงินตามเดิม นางวางหยกจักจั่นของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไว้ที่มุมหนึ่งของโต๊ะ จากนั้นก้มอ่านฎีกาต่ออย่างตั้งใจ
กว่ากลุ่มของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นถูกพาไปพักที่โรงเตี๊ยมเรียบร้อย ท้องฟ้าก็มืดสนิทลงแล้ว
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นนั่งกำที่วางแขนแน่นอยู่บนเก้าอี้ประมุข เขาเม้มปากแน่น สีหน้าเคร่งขรึมยากจะคาดเดา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ชิงเหยียนไม่เพียงจะไม่พบหน้าเขา แต่ยังกักบริเวณเขาไว้เช่นนี้อีก
“เว่ยกงกง รบกวนเจ้ากลับไปทูลฝ่าบาทของเจ้าที”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาเข้มของเขาล้ำลึกราวกับบ่อน้ำ เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้น
“ข้าเดินทางมาต้าโจวด้วยตัวเองในครั้งนี้เพราะต้องการสร้างไมตรีกับต้าโจว อยากเป็นแคว้นพันธมิตรกับต้าโจว หวังว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะไม่ปฏิเสธไมตรีของเขาในครั้งนี้”
เว่ยจงพยักหน้าให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นและกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
“จักรพรรดิเทียนเฟิ่งไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะกลับไปทูลให้ฝ่าบาททราบแน่นอน ทว่า บ่าวมีเรื่องอยากถามจักรพรรดิเทียนเฟิ่งสักนิด ในเมื่อจักรพรรดิเทียนเฟิ่งตรัสว่าต้องการมาสร้างไมตรีกับต้าโจว เหตุใดจึงไม่ส่งสาส์นมายังต้าโจวก่อน เมื่อกำหนดเวลาได้แล้วค่อยส่งทูตของเทียนเฟิ่งเดินทางมายังต้าโจวอย่างเปิดเผยพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจึงใช้วิธีลับๆ ล่อๆ เช่นนี้เดินทางเข้ามาในเมืองหลวงของต้าโจวกันพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าส่งสาส์นยังต้าโจวแล้ว ที่ข้าเดินทางมาก่อนเป็นเพราะคิดถึงจักรพรรดินีของต้าโจวมาก!”
คำกล่าวของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นทำให้คนแยกไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แววตาของเขาสงบราบเรียบเหมือนเคย
“จักรพรรดิเทียนเฟิ่งต้องการให้บ่าวนำคำนี้ไปทูลให้ฝ่าบาทของบ่าวทราบด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงถาม
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นพยักหน้ายิ้มๆ
“เช่นนั้นก็รบกวนเว่ยกงกงด้วย”
เว่ยจงก้มศีรษะให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเล็กน้อย จากนั้นเดินจากไป
เมื่อเว่ยจงจากไปรอยยิ้มบนใบหน้าของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจางหายไปทันที เขาหันไปทางคนชราสวมชุดดำซึ่งนั่งอยู่ถัดจากเขา
“ท่านจอมเวทย์ ท่านแน่ใจใช่หรือไม่ว่าหยกจักจั่นอีกชิ้นอยู่ในวังหลวงของต้าโจว”
“จักรพรรดิของข้า ข้ากล้าเอาศีรษะเป็นประกันว่าหยกจักจั่นไม่ได้อยู่ที่สุสานของพระภัสดาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หากไม่ได้อยู่ในสุสานแล้วจะอยู่ที่ใดได้อีกพ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงของจอมเวทย์แห่งแคว้นเทียนเฟิ่งทุ้มต่ำ เขากล่าวอย่างช้าๆ ทำให้มีความน่าเชื่อถือยิ่งนัก
“หยกจักจั่นชิ้นนั้นเคยเป็นของรักของหวงของพระภัสดาของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว นางจะไม่เก็บของชิ้นนี้ไว้ดูต่างหน้าหรือพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ตอนแรกนางจะฝังมันลงไปพร้อมศพของสามีของนางแล้ว ทว่า เมื่อได้ยินความวิเศษของหยกจักจั่นนางจะไม่หวั่นไหวจนสั่งให้คนขุดมันขึ้นมาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นขมวดคิ้วแน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าที่งดงามและผิวพรรณที่เปล่งปลั่งของไป๋ชิงเหยียน ความไม่พอใจบนใบหน้าของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจึงค่อยๆ จางหายไป
“ฝ่าบาททรงอย่าลืมนะพ่ะย่ะค่ะว่าปู่ บิดา อาและน้องชายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวล้วนชีวิตในสงครามที่หนานเจียง หากนางมีหยกจักจั่นอยู่ในมือนางจะไม่อยากย้อนเวลากลับไปช่วยชีวิตพวกเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ”
จอมเวทย์โค้งกายคำนับซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอย่างนอบน้อม
“ตอนนี้พวกเราส่งหยกจักจั่นตัวเมียไปให้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวแล้ว หากนางมีหยกจักจั่นตัวผู้อยู่ในมือจริงนางต้องลองทดสอบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หากนางทำไม่ได้…นางต้องมาถามวิธีจากฝ่าบาทแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นยืดหลังตรง เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะช้าๆ จากนั้นกล่าวขึ้น
“ให้อาเซี่ยเค่อเตรียมทัพให้พร้อมด้วยดีกว่า ก่อนหน้านี้พวกเราประมาทศัตรูเกินไป ตอนนี้พวกเรารู้ความเก่งกาจของต้าโจวแล้ว ฤดูนี้คือช่วงที่กองทัพช้างของพวกเราได้เปรียบ จะทำศึกหรือสงบศึกขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเพียงคนเดียวแล้ว”
“ตอนนี้ต้าโจวกำลังจะแข่งขันกับต้าเยี่ยน พวกเขาคงไม่อยากสู้รบกับพวกเราเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
จอมเวทย์คิดตามคำกล่าวของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น จากนั้นกล่าวโน้มน้าวเขาเสียงต่ำกว่าเดิม
“ที่สำคัญจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอาจเป็นมารดาของเจ้าของดินแดนนี้คนต่อไป ฝ่าบาทสามารถถือโอกาสนี้แต่งงานกับจักรพรรดินีต้าโจวได้ เมื่อฝ่าบาททรงมีทายาทกับนาง เทียนเฟิ่งของพวกเราจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของดินแดนคนต่อไป องค์หญิงของพวกเราจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับคนแคว้นอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นก้มหน้ายกน้ำชาขึ้นจิบโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น จอมเวทย์ขุนนางเทียนเฟิ่งที่ติดตามมาด้วยคนอื่นๆ เดาไม่ออกว่าซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นกำลังคิดสิ่งใดอยู่
เว่ยจงเดินออกมาจากเรือนที่ใช้ ‘กักบริเวณ’ ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นและคนเทียนเฟิ่งเอาไว้ เขาเดินไปตามระเบียงทางเดินหิน ทันใดนั้นจึงบังเอิญพบกับเซียวหรงเหยี่ยนที่กำลังนั่งพักอยู่ที่ภูเขาจำลอง เว่ยจงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เขาทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นพาคนจากไป
“นายท่าน สืบได้เรื่องแล้วขอรับ คือจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนเฟิ่งขอรับ”
เยว่สือคุกเข่ารายงานเซียวหรงเหยี่ยนอยู่ด้านนอกศาลา
“แคว้นเทียนเฟิ่ง…”
เซียวหรงเหยี่ยนเคาะพัดกลมลงบนฝ่ามือของตัวเองเบาๆ
“อาลี่ลอบส่งคนไปติดต่อกับแคว้นตงอี๋ ตอนนี้คนของแคว้นเทียนเฟิ่งเดินทางมายังต้าโจว เรื่องชักสนุกขึ้นแล้ว”
ไม่รู้ว่าแคว้นใดจะเป็นฝ่ายชนะในการเดิมพันครั้งนี้กันแน่
ไม่ว่าสุดท้ายอาเป่าหรืออาลี่จะเป็นฝ่ายชนะ สิ่งที่เซียวหรงเหยี่ยนต้องทำก็คือช่วยเหลือต้าเยี่ยนอย่างเต็มที่ที่สุด เขาต้องทำให้ทั้งสองแคว้นยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้เมื่อเรื่องทุกอย่างสิ้นสุดลงจะได้ไม่เกิดความวุ่นวายหรือสงครามขึ้นมาอีก