ตอนที่ 1385 ความทรงจำ
จอมเวทย์กังวลและหวาดกลัวความตายมาก ทว่า ตอนที่เขาถูกเว่ยจงจับไปขังคุกที่มีไว้สำหรับขังคนที่ทำผิดในวังหลวงความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายไปทันที หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวต้องการสังหารเขาก็คงไม่จับเขามาขังไว้ในคุกแน่
จอมเวทย์เริ่มกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะเก็บเขาไว้ใช้งานต่อ หากเขาไม่ยอมรับใช้อาจถูกนางทรมานอย่างหนัก เขาอยู่ในคุกด้วยความกังวลจนไป๋ชิงเหยียนมาถึง
ขันทีเล็กสองคนซึ่งอยู่ข้างหลังเว่ยจงนำเก้าอี้ไปวางไว้หน้าห้องขัง เว่ยจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเก้าอี้จนสะอาด จากนั้นเชิญไป๋ชิงเหยียนนั่งลง
ไป๋ชิงเหยียนมองจอมเวทย์ที่คุกเข่าก้มศีรษะแนบพื้นอยู่ในห้องขังด้วยความหวาดกลัวนิ่ง หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้พลางวางแขนลงบนที่วางแขน “ได้ยินว่าเจ้านั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างใจเย็นตั้งแต่ถูกจับเข้ามาในคุก เจ้าคิดว่าที่เจ้าถูกขังอยู่ในคุกเช่นนี้เป็นเพราะเราต้องการใช้งานเจ้าต่ออย่างนั้นหรือ”
เมื่อถูกอ่านความในใจร่างของจอมเวทย์จึงสั่นเทาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย “กระหม่อมไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ!”
“ได้ยินว่าจอมเวทย์ไม่เคยทำนายผิดพลาดมาก่อน หลังจากถูกจับมาขังในคุกจอมเวทย์ได้ลองทำนายชะตาของตัวเองไว้บ้างหรือไม่”
เมื่อได้ยินเสียงเย็นชาของไป๋ชิงเหยียนจอมเวทย์ก้มหน้าต่ำยิ่งกว่าเดิม “จอมเวทย์ไม่สามารถทำนายดวงชะตาของตัวเองได้พ่ะย่ะค่ะ…”
“อ้อ…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าเคยทำนายดวงชะตาของแคว้นเทียนเฟิ่งหรือไม่ว่าเทียนเฟิ่งจะถูกต้าโจวขังให้อยู่แต่อีกฝั่งของหิมะจนถูกทะเลทรายกลืนกินจนหมดหรือจะถูกต้าโจวยึดครองมาเป็นดินแดนของต้าโจวกันแน่”
จอมเวทย์ได้ยินเช่นนี้จึงเงยหน้าเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนทันที จักรพรรดินีของต้าโจวสวมชุดกระโปรงยาวสีเข้มลายเมมฆนั่งอยู่บนเก้าอี้นอกห้องขังภายใต้แสงไฟสลัว แสงไฟส่องสะท้อนใบหน้างดงามของหญิงสาว ร่างของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นถ้อยคำ
เมื่อเห็นท่าทีของจอมเวทย์ ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งเว่ยจง “พาคนไปเฝ้าด้านนอกไว้”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรับคำแล้วพาคนจากไป
ตอนนี้จอมเวทย์ถูกขังอยู่ในคุก ก่อนเข้ามาเขาถูกค้นร่างกายอย่างละเอียดแล้ว ร่างของเขาไม่มีอาวุธลับใดๆ เว่ยจงจึงไม่กลัวว่าจอมเวทย์จะทำอันตรายไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนโน้มกายไปด้านหน้าเล็กน้อย “ที่ข้าไว้ชีวิตเจ้าเพราะข้ามีเรื่องบางอย่างอยากถามเจ้า เจ้าลองบอกมาทีว่าจะย้อนเวลากลับไปได้อย่างไร”
จอมเวทย์ได้ยินคำถามของไป๋ชิงเหยียนจึงรู้ทันทีว่าหยกจักจั่นอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียนจริงๆ
เมื่อเห็นจอมเวทย์ไม่เอ่ยตอบไป๋ชิงเหยียนจึงถามขึ้นอีกครั้งยิ้มๆ “ต้องให้กรมราชทัณฑ์ของต้าโจวมาสอบสวนเจ้าด้วยตัวเองหรือไม่”
จอมเวทย์กำหมัดแน่นพลางเอ่ยตอบ “ต้องนำหยกจักจั่นตัวผู้และตัวเมียมาอยู่รวมกัน จากนั้นบูชาด้วยชีวิตถึงจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้”
“เจ้าโกหก…”
จอมเวทย์กล่าวจบไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวด้วยความมั่นใจทันทีว่าเขาโกหก จอมเวทย์เริ่มไม่มั่นใจ เขารีบก้มศีรษะคำนับอีกครั้ง “จอมเวทย์คนก่อนบอกกับกระหม่อมเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ตอนที่นางเสียชีวิตนางไม่ได้มีหยกจักจั่นของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอยู่ในมือ นางมีเพียงหยกจักจั่นของเซียวหรงเหยี่ยนเท่านั้น
“การย้อนเวลาสามารถกำหนดได้หรือไม่ว่าจะย้อนกลับไปช่วงใด” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ถามคำถามเดิมต่อ นางเปลี่ยนคำถามใหม่ จากนั้นกล่าวต่อยิ้มๆ “คิดให้ดีแล้วค่อยตอบ เรามีบันทึกทางประวัติศาสตร์ของแคว้นเทียนเฟิ่งอยู่เล่มหนึ่งเหมือนกัน”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเทียนเฟิ่งอยู่ในมือ ทว่า ไป๋จิ่นถงล่วงรู้บันทึกเกี่ยวกับช้างศึกของเทียนเฟิ่งจากในบันทึกประวัติศาสตร์ น้องสาวของนางสนิทสนมกับคนสูงศักดิ์ของเทียนเฟิ่งจึงเคยได้ยินคนเหล่านั้นเล่าให้ฟัง ดังนั้นไป๋จิ่นถงจึงส่งเรื่องเล่าในบันทึกมาให้นางพร้อมกับเรื่องเกี่ยวกับช้างศึก
จอมเวทย์กลอกตาไปมาเล็กน้อย เขารีบกลืนคำโกหกไป๋ชิงเหยียนลงไปในลำคอทันที
เดิมทีจอมเวทย์ตั้งใจจะบอกไป๋ชิงเหยียนว่าสามารถกำหนดเวลาเองได้ ให้ไป๋ชิงเหยียนไปขอหยกจักจั่นอีกชิ้นมาจากซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น เช่นนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นจะได้รู้ว่าหยกจักจั่นอยู่ที่ไป๋ชิงเหยียนจริงๆ ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเทียนเฟิ่งอยู่ในมือ หญิงสาวคงรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
“ในเมื่อฝ่าบาทมีบันทึกทางประวัติศาสตร์อยู่ในมือแล้ว เหตุใดยังต้องถามจากกระหม่อมอีกพ่ะย่ะค่ะ” จอมเวทย์หยัดกายตรงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“บันทึกในประวัติศาสตร์มีเยอะเกินไป เรายังอ่านไม่จบ เราอ่านถึงแค่บันทึกที่บอกว่าช้างศึกคือยานพาหนะของเทพเจ้า ทว่า พวกมันทำผิดจึงถูกเนรเทศมาเป็นทาสของคนเทียนเฟิ่ง ดังนั้นข้าจึงอยากถามจากเจ้าก่อน”
จอมเวทย์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ไป๋ชิงเหยียนเล่าเรื่องในบันทึกออกมาได้จริงๆ แสดงว่าหญิงสาวคงไม่ได้โกหกเขา มีเพียงคนตระกูลสูงศักดิ์ของแคว้นเทียนเฟิ่งเท่านั้นที่มีบันทึกเหล่านี้ในครอบครอง ที่สำคัญพวกเขาจะเก็บมันไว้อย่างดีที่จวนของตัวเอง ชาวบ้านธรรมดาไม่มีโอกาสได้เห็นอย่างแน่นอน
ตอนนี้จอมเวทย์เริ่มสงสัยว่าอาจมีคนสูงศักดิ์ของแคว้นเทียนเฟิ่งทรยศมอบบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเทียนเฟิ่งให้แก่ต้าโจว
“บันทึกทางประวัติศาสตร์ของเทียนเฟิ่งบันทึกด้วยอักษรโบราณของชาวเทียนเฟิ่ง ฝ่าบาททรงอ่านออกด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“คนเทียนเฟิ่งกล่าวภาษาของต้าโจวได้อย่างคล่องแคล่วเช่นกันไม่ใช่หรือ” ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา “เราถามเจ้าเพราะไม่อยากเสียเวลาอ่านเอง ไม่ได้อยากมาเสียเวลากับเจ้าที่นี่!”
จอมเวทย์เห็นท่าทีไม่พอใจของไป๋ชิงเหยียน เขานึกถึงตอนที่ไป๋ชิงเหยียนบอกให้เขาทำนายว่ามีคนตระกูลไป๋อีกกี่คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ หากทำนายไม่ได้จะตัดศีรษะของเขาทิ้ง เขารู้สึกว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรมเหมือนที่ภายนอกกล่าวขานกัน นางเป็นเพียงแค่จักรพรรดินีโหดร้ายที่มีขุนนางทรงคุณธรรมคอยสนับสนุนเท่านั้น
จอมเวทย์รีบก้มศีรษะคำนับอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว จากนั้นกล่าวขึ้น “ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเทียนเฟิ่งกล่าวไว้ว่าการย้อนเวลาไม่สามารถกำหนดได้ว่าเราจะย้อนไปในช่วงเวลาใด ไม่ได้มีรูปแบบตายตัว อาจย้อนกลับไปยี่สิบปี สามสิบปี หรือกระทั่งห้าสิบปีที่แล้ว บางครั้งอาจย้อนไปเพียงแค่วันเดียวหรือไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีหยกจักจั่นในครอบครองมีอายุเท่าใด ไม่ว่าอย่างไรก็จะย้อนไปในช่วงที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ทว่า จากบันทึกที่ฮองเฮาของเทียนเฟิ่งเคยย้อนเวลากลับไป นางกล่าวว่าขอเพียงตั้งจิตอธิษฐานต่อเทพเจ้าอย่างตั้งใจคนผู้นั้นก็จะสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงที่ต้องการได้ ทว่า การย้อนเวลาในแต่ละครั้งจะไม่เกินเวลาที่ย้อนครั้งก่อนหน้านี้”
จอมเวทย์คิดว่าการบอกเรื่องนี้ให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้ไม่ได้สำคัญอันใดนัก เมื่อไป๋ชิงเหยียนรู้เรื่องนี้ นางต้องร่วมมือกับซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นย้อนเวลาไปช่วยเหลือครอบครัวของนางในสงครามหนานเจียงก่อน จากนั้นสามารถย้อนเวลาไปช่วยเหลือสามีของนางก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงได้ ลำดับเวลาไม่ได้ขัดแย้งกันแม้แต่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินดังนี้จึงคลายมือที่กำเสื้อผ้าอยู่ออก
นางกล่าวเสียงเบา “ข้าขอเดาว่าหยกจักจั่นตัวเมียไม่ได้สำคัญเท่าหยกจักจั่นตัวผู้ หยกจักจั่นที่สามารถย้อนเวลาได้คือหยกจักจั่นตัวผู้ ทว่า มันจะย้อนเวลาได้เมื่อใด”
ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตามองจอมเวทย์ “หากเดาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ อาจเป็นตอนที่หยกจักจั่นตัวเมียแตกหักจากการถูกทำลาย ขโมยหรือหล่นลงบนพื้น…”
ไป๋ชิงเหยียนคิดทบทวนอยู่นาน นางรู้สึกว่านางอาจได้มาเกิดใหม่ด้วยความบังเอิญ ตอนที่หยกจักจั่นตัวเมียแตกหยกจักจั่นตัวผู้บังเอิญอยู่ในมือของนางพอดี ดังนั้นนางจึงได้กลับมาเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำเก่า