ตอนที่ 1388 กลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย
“เจ้าค่ะ…”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่ไหลออกจากดวงตาไว้ จากนั้นประคองต่งซื่อลงไปด้านล่างกำแพง
ประตูเมืองทิศใต้คือที่ที่ไป๋ชิงเหยียนและทุกคนในตระกูลไป๋มารับศพและดวงวิญญาณของท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและเสี่ยวสือชี ตอนนี้พวกนางยืนอยู่ที่นี่อีกครั้งเพื่อรอต้อนรับน้องชายและน้องสาวของตัวเองกลับมาพร้อมชัยชนะจากซีเหลียง
แม้ใบหน้าของท่านแม่และบรรดาท่านอาสะใภ้จะเต็มไปด้วยน้ำตา ทว่า เป็นน้ำตาที่มีความหมายแตกต่างกัน
รอยยิ้มของไป๋ชิงเหยียนกว้างขึ้นท่ามกลางแสงแดดที่ส่องสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นน้องชายแท้ๆ ของนางกล้าเผชิญหน้ากับทุกคนด้วยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองโดยไม่กลัวว่าผู้อื่นจะหวาดกลัวแผลเป็นบนใบหน้าของตัวเองอีกต่อไปไป๋ชิงเหยียนจึงยิ่งถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ไม่ปกปิดบาดแผลที่ชัดเจนบนใบหน้าของตัวเองก็แสดงว่าน้องชายของนางปล่อยวางเรื่องทุกอย่างได้แล้ว
เมื่อผู้นำอย่างไป๋ชิงอวี๋ยกมือขึ้น กองทัพใหญ่จึงหยุดฝีเท้าและม้าลงอย่างพร้อมเพรียงทันที
ไป๋ชิงอวี๋เห็นมารดาของตัวเองยิ้มทั้งน้ำตา เห็นพี่หญิงกำลังส่งยิ้มกว้างมาทางเขา ชายหนุ่มลงจากหลังม้า
ไป๋ชิงฉี ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อลงจากหลังม้าเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงอวิ๋นถูกเซียวรั่วไห่ประคองลงจากหลังม้า เขายืนเอนกายพิงเซียวรั่วไห่นิ่ง ไม่ยอมนั่งลงบนรถเข็น
วันนี้เป็นวันที่กองทัพกลับมาเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ไป๋ชิงอวิ๋นอยากให้มารดาของเขา พี่หญิงใหญ่และทุกคนในเมืองหลวงเห็นทุกคนของตระกูลไป๋สวมชุดเกราะอย่างเต็มยศด้วยท่าทีองอาจ เขาอยากให้มารดาและพี่หญิงใหญ่เห็นว่าแม้ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุงและท่านอาจะไม่อยู่แล้ว ทว่า บุรุษตระกูลไป๋อย่างพวกเขาจะไม่มีวันล้มเด็ดขาด ต่อให้เขาจะเป็นเพียงคนพิการเขาก็จะฝืนยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้
ไป๋ชิงอวี๋ถอดหมวกเกราะของตัวเองออก จากนั้นพาทายาทของตระกูลไป๋ทุกคนเดินตรงไปหามารดา พี่หญิงและอาสะใภ้ทุกคน
ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางมารดาและพี่หญิงใหญ่อย่างพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
ส่วนไป๋จิ่นจื้อกลับยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข ร่างของนางคล้ำลงกว่าเดิมมาก ไม่เหมือนกับคุณหนูสี่คนก่อนของตระกูลไป๋แม้แต่น้อย
ไป๋ชิงอวี๋มองสบตากับพี่สาวของตัวเอง ไม่นานจึงคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น…
ไป๋ชิงฉี ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นจื้อ ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อคุกเข่าตาม ไป๋ชิงอวิ๋นถูกเซียวรั่วไห่ประคองให้คุกเข่าลงเช่นเดียวกัน
“ลูกชายของแม่!”
ฮูหยินสี่หวังซื่อกำเสื้อบริเวณหน้าอกของตัวเองแน่น นางมองไป๋ชิงเจวี๋ยทั้งน้ำตาพลางเปล่งเสียงร้องไห้โฮออกมา
ฮูหยินสามมองไปทางไป๋ชิงอวิ๋น นางแทบอยากเข้าไปช่วยประคองร่างของเขาให้ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ด้วยความสงสาร
ทุกคนวางหมวกเกราะไว้ข้างปลายเท้า ไป๋ชิงอวี๋หยัดกายตรงพลางกล่าวขึ้นเป็นคนแรก
“คุณชายห้าตระกูลไป๋ไป๋ชิงอวี๋ รองแม่ทัพใหญ่ของกองทัพไป๋กลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
ท่านปู่และท่านพ่อไม่อยู่แล้ว เดิมทีไป๋ชิงอวี๋ควรได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ของตระกูลไป๋ ทว่า ในสายตาของไป๋ชิงอวี๋และกองทัพไป๋ทุกคน พี่หญิงของเขา เสี่ยวไป๋ไซว่ของทุกคนในกองทัพไป๋ถึงจะเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพไป๋!
“คุณชายสามตระกูลไป๋ไป๋ชิงฉีแห่งค่ายทหารค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
“คุณหนูสองตระกูลไป๋ไป๋จิ่นซิ่วแห่งค่ายทหารเหมิ่งเสอของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”
“คุณชายเจ็ดตระกูลไป๋ไป๋ชิงเจวี๋ยแห่งค่ายทหารม้าโหยวหลงของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
“คุณหนูสี่ตระกูลไป๋ไป๋จิ่นจื้อแห่งค่ายทหารซั่วหยางของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”
“คุณชายเก้าตระกูลไป๋ไป๋ชิงอวิ๋นแห่งค่ายทหารม้าโหยวหลงของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วขอรับ!”
“คุณหนูห้าตระกูลไป๋ไป๋จิ่นเจาแห่งค่ายทหารซั่วหยางของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”
“คุณหนูหกตระกูลไป๋ไป๋จิ่นหวาแห่งค่ายทหารเหมิ่งหูของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”
“คุณหนูเจ็ดตระกูลไป๋ไป๋จิ่นเซ่อแห่งค่ายทหารเหมิ่งเสอของกองทัพไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินทายาทตระกูลไป๋กล่าวว่า
“กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”
ฮูหยินทั้งห้าของตระกูลไป๋ร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมทันที
ฮูหยินสี่หวังซื่อเริ่มร้องไห้หนักอย่างควบคุมไม่อยู่ตั้งแต่ตอนที่ไป๋ชิงอวี๋เริ่มกล่าวขึ้นแล้ว หากไม่ได้ฮูหยินสองหลิวซื่อช่วยประคองนางคงล้มลงไปบนพื้นนานแล้ว
คำว่ากลับมาอย่างปลอดภัยคือคำที่มีค่าที่สุดสำหรับตระกูลไป๋ เป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอยยิ่งกว่าของมีค่าใดๆ ในโลกใบนี้
ไป๋ชิงเหยียนพยายามกลั้นน้ำตาจนน้องชายและน้องสาวของตัวเองกล่าวจบ ในที่สุดนางก็ทนต่อไปไม่ไหว น้ำตาของนางไหลพรากอย่างคุมไม่อยู่ นางพยายามกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองเปล่งเสียงร้องไห้ออกมา
ไป๋ชิงเหยียนอดคิดไม่ได้ว่าหากไป๋จิ่นถงอยู่ด้วยก็คงจะดีกว่านี้
เมื่อชาวบ้านหลายคนได้ยินทายาทตระกูลไป๋กล่าวว่ากลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยจึงหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ไป๋เวยถิงยังมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่กองทัพไป๋ได้รับชัยชนะกลับมาเมืองหลวง แม่ทัพตระกูลไป๋จะตะโกนว่ากลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยที่หน้าประตูเมืองทุกครั้ง
แม้ตระกูลไป๋จะเคยเผชิญปัญหาใหญ่มาก่อน แม้แม่ทัพที่ตะโกนหน้าประตูเมืองจะไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ทว่า แม่ทัพของกองทัพไป๋ที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมี ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าขอเพียงมีตระกูลไป๋ มีกองทัพไป๋อยู่ ชาวบ้านต้าโจวอย่างพวกเขาต้องมีชีวิตที่สงบสุขแน่นอน
ชาวบ้านหลายคนใช้มือเช็ดน้ำตาของตัวเอง พวกเขารู้สึกว่ากว่าที่ตระกูลไป๋ซึ่งรักและปกป้องชาวบ้านอย่างพวกเขาจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินเด็กๆ กล่าวว่ากลับมาถึงอย่างปลอดภัยเสร็จฮูหยินสี่หวังซื่อจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปกอดไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาไว้อย่างคิดถึง
“ได้รับบาดเจ็บบ้างหรือไม่ หากได้รับบาดเจ็บห้ามปิดบังแม่เด็ดขาดนะ!”
ฮูหยินสามหลี่ซื่อโอบร่างของไป๋จิ่นจื้อและไป๋ชิงอวิ๋นไว้ในอ้อมกอดพลางร้องไห้โฮออกมาเช่นเดียวกัน
“ท่านแม่…”
ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยเรียกมารดาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
ฮูหยินสามก้มหน้ามองบุตรสาวที่คล้ำขึ้นกว่าเดิมมากของตัวเองอย่างไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี นางเอื้อมมือลูบใบหน้าของไป๋จิ่นจื้ออย่างแผ่วเบาพลางกล่าวเสียงสะอื้น
“เหตุจึงดำขึ้นเช่นนี้ ผิวหน้าหยาบกร้านราวกับเปลือกไม้…”
“เหตุใดท่านแม่เอาแต่รังเกียจว่าข้าดำเจ้าคะ!”
ไป๋จิ่นจื้อทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้
น้ำตาของหลี่ซื่อไหลพรากออกมาอีกครั้ง นางกอดบุตรสาวไว้แนบอกแน่น
ฮูหยินห้าฉีซื่อเดินไปหยุดอยู่หน้าบุตรชายไป๋ชิงฉี นางเอื้อมมือลูบศีรษะของบุตรชายอย่างแผ่วเบา จากนั้นกอดร่างของเขาไว้แน่น น้ำตาของนางไหลพรากไม่ขาดสายพลางกล่าวเสียงสะอื้น
“หากท่านพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าสามารถดูแลค่ายหู่อิงต่อจากเขาได้เขาต้องดีใจมากแน่ๆ”
ฮูหยินสองหลิวซื่อกอดบุตรสาวไว้แน่นเช่นเดียวกัน นางมีถ้อยคำมากมายที่จุกอยู่ในอก นางเห็นบุตรชายของนายท่านคนอื่นกลับมากันหมดแล้ว เหตุใดครอบครัวของนางจึงไม่กลับมาสักคน หากกล่าวว่าฮูหยินสองไม่เสียใจคงเป็นเรื่องโกหก
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ตอนนั้นอาอวี๋ยังไม่กลับมา…ฮูหยินสองจึงคิดว่าจะรอบุตรชายของตัวเองกลับมาพร้อมกับต่งซื่อ พวกนางต้องได้เห็นวันนั้นแน่นอน ทว่า ตอนนี้อาอวี๋กลับมาแล้ว เหตุใดบุตรชายของนางยังไม่กลับมาสักคน หลิวซื่อจะไม่ร้อนใจได้อย่างไรกัน
“ท่านแม่…”
ไป๋จิ่นซิ่วซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเงยหน้ามองมารดาของตัวเอง นางรู้ดีว่ามารดาของนางปวดใจมาก นางได้กอดมารดาไว้แน่นกว่าเดิม นางนึกถึงเรื่องที่ลู่เทียนจัวตัดศีรษะพี่ชายของนาง นางทำใจบอกมารดาไม่ได้จึงได้แต่กล่าวเสียงสะอื้น
“ท่านแม่ยังมีข้านะเจ้าคะ ข้าเชื่อว่าคุณชายตระกูลไป๋ของพวกเรายังมีชีวิตรอดอยู่อีก เพียงแค่ตอนนี้พวกเขายังหาทางกลับมาไม่ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ!”