สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1395 บุกวังหลวง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1395 บุกวังหลวง

เมื่อเห็นหลู่ไท่เว่ยเดินแกมวิ่งเข้ามาด้วยความเหนื่อยหอบเฉิงหย่วนจื้อจึงชิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเสียก่อน “หลู่ไท่เว่ยไม่ต้องโน้มน้าวพวกเราแล้ว วันนี้พวกเราจะคุกเข่าอยู่ที่นี่จนกว่าฝ่าบาทจะถอนราชโองการ! นักรบอย่างพวกเรายินดีทำสงครามกับต้าเยี่ยนเพื่อต้าโจวจนตัวตาย จะไม่มีทางให้ฝ่าบาทนำแคว้นไปเดิมพันกับต้าเยี่ยนทั้งๆ ที่ต้าโจวของพวกเราได้เปรียบกว่าพวกนั้นเช่นนี้เด็ดขาด พวกข้ายินดีสละชีพ ทว่า ไม่มีทางยกแคว้นให้ผู้อื่นแน่นอน”

“เลอะเลือน!” หลู่ไท่เว่ยแทบคุมโทสะไว้ไม่อยู่ “ฝ่าบาททรงไตร่ตรองอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อชาวบ้านและแคว้นของพวกเราแล้ว พวกเจ้าจะไปเข้าใจอันใดกัน! รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! อย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่เลย หากเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา การที่แม่ทัพอย่างพวกเจ้ามารวมตัวกันก่อความวุ่นวายที่วังหลวงเช่นนี้อาจถูกประหารได้นะ!”

“ชีวิตของพวกข้าแต่ละคนไม่มีความสำคัญใดๆ แคว้นต้าโจวสำคัญกว่าชีวิตของพวกเราหลายสิบหลายร้อยเท่านัก หากฝ่าบาทไม่ทรงยกเลิกราชโองการ พวกเราจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่อไปจนตาย!”

เฉิงหย่วนจื้อกล่าวจบก็มีเสียงควบม้าดังขึ้นทางด้านหลังของพวกเขาพอดี

หลู่ไท่เว่ยเบิกตาโพลง เขารีบคุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียนพร้อมกับบุตรชาย “ฝ่าบาท…”

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งสวมชุดทะมัดทะแมงกระโดดลงจากหลังม้า นางโยนแส้ม้าในมือให้เว่ยจง จากนั้นเดินตรงเข้าไปหาพวกของเฉิงหย่วนจื้ออย่างไม่รีบร้อน “ชีวิตของพวกเจ้าไม่สำคัญ คำกล่าวเหล่านี้ดูเหมือนไม่น่าจะออกมาจากปากของแม่ทัพเฉิงได้…”

พวกของเฉิงหย่วนจื้อได้ยินเสียงจึงหมุนตัวกลับไปก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวี๋ยืนอยู่ทางด้านหลังของไป๋ชิงเหยียน พวกเขาคิดเหมือนพี่หญิงใหญ่ เฉิงหย่วนจื้อพอรู้ตัวอักษรเพียงเล็กน้อยเพราะไป๋ชิงเหยียนจัดให้มีการสอนตำราในค่ายทหารเท่านั้น เขาเพิ่งเรียนรู้ได้เพียงไม่กี่วัน คำกล่าวที่ดูมีปรัชญาเหล่านั้นไม่น่าจะออกมาจากปากคนหยาบอย่างเฉิงหย่วนจื้อได้

“จะคุกเข่ากันอยู่เช่นนี้ไม่ลุกขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม

“หากฝ่าบาทไม่สั่งให้พวกเรายกทัพไปทำสงครามกับต้าเยี่ยน ไม่ยึดอำนาจทางทหารคืนจากหานเฉิงอ๋อง พวกกระหม่อมจะคุกเข่าต่อไปเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วผิงเกากล่าวขึ้น

“พวกเจ้าจะบุกวังหลวงอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถามเสียงราบเรียบ

หลู่ไท่เว่ยและหลู่จิ่นเสียนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยความประหลาดใจ การบุกรุกวังหลวงมีโทษร้ายแรงเช่นเดียวกับการก่อกบฏ

ทว่า เมื่อเห็นสีหน้าของไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวี๋ยังดูปกติหลู่ไท่เว่ยจึงวางใจลง แม้ใจของจักรพรรดิจะคาดเดายาก ทว่า พวกแม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อเคยทำสงครามเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจิ้นกั๋วอ๋องและฮู่กั๋วอ๋องมาก่อน หากฝ่าบาทจะลงโทษพวกเขาในข้อหากบฏ เจิ้นกั๋วอ๋องและฮู่กั๋วอ๋องต้องออกมาขอร้องแทนคนเหล่านี้แน่นอน

หลิ่วผิงเกา เฉิงหย่วนจื้อและคนอื่นๆ รีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้นพลางกล่าวว่าไม่กล้า เสิ่นเหลียงอวี้กล่าวเสียงขรึม “พวกกระหม่อมมาที่นี่ด้วยใจที่พร้อมตาย ทว่า พวกกระหม่อมไม่กล้าบุกวังหลวงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมส่วนใหญ่คือคนของกองทัพไป๋ ต่อให้ตายก็ไม่กล้าคิดก่อกบฏบุกวังหลวงเด็ดขาด ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเอามือไพล่หลังเดินขึ้นไปบนบันไดหยกขาว จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงฉี “ให้ทหารรักษาพระองค์ถอยไปก่อน”

ไป๋ชิงฉีรับคำและรีบหันไปสั่งการทันที ไม่นานทหารรักษาพระองค์จึงถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงเหยียนหันกลับไปมองกลุ่มของเฉิงหย่วนจื้อที่กำลังมองมาทางนาง “มาคุกเข่าขอร้องเราที่หน้าวังหลวง ใช้ชีวิตของตัวเองบีบให้เราทำลายสัญญาระหว่างสองแคว้นและยึดอำนาจทางทหารคืนจากหานเฉิงอ๋อง ผู้ใดเป็นคนออกความคิดให้พวกเจ้ากัน!”

“ฝ่าบาท…” เสิ่นเหลียงอวี้ก้มศีรษะคำนับอีกครั้ง จากนั้นเปลี่ยนคำเรียก “เสี่ยวไป๋ไซว่ ทหารกองทัพไป๋และทหารกองทัพต้าโจวล้วนไม่กลัวตาย พวกเราแค่กลัวจะสูญเสียแคว้นไปอย่างไร้ศักดิ์ศรี พวกเราคือทหาร พวกเราควรทำสงครามจนตัวตายเพื่อปกป้องแคว้นของพวกเราไว้ นี่ถึงจะเรียกว่าตายอย่างสมศักดิ์ศรี ทหารต้าโจวของพวกเราไม่กลัวตายขอรับ!”

เสิ่นเหลียงอวี้ เฉิงหย่วนจื้อและแม่ทัพคนอื่นๆ ที่มาในวันนี้มาด้วยใจที่พร้อมตาย พวกเขารู้สึกว่าตั้งแต่ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีรอบกายของนางมีแต่คำสรรเสริญยกย่อง พวกเขากลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะขาดความรอบคอบที่เคยมีไป

“พวกเราเพิ่งทำลายต้าเหลียงไปได้ไม่กี่ปี คนต้าเหลียงบางส่วนยังอยากกอบกู้แคว้นของตัวเองคืน เหตุใดฝ่าบาทจึงกล้ามอบอำนาจทางทหารให้หานเฉิงอ๋องในตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ หากหานเฉิงอ๋องมีกำลังทหารอยู่ในมือและได้กลับไปยังแผ่นดินต้าเหลียง เขาอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับต้าโจวได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่หยวนเผิงตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้ “ฝ่าบาทได้โปรดยกเลิกราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาทได้โปรดยกเลิกราชโองการด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉิงหย่วนจื้อ เสิ่นเหลียงอวี้ หลิ่วผิงเกาและคนอื่นๆ ต่างก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง

ไป๋ชิงเหยียนมองดูแม่ทัพสิบสองนายที่มีบทบาทสำคัญในกองทัพที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ขุนนางบัณฑิตยอมตายเพื่อความยุติธรรม ขุนนางนักรบยอมตายในสนามรบ ขุนนางนักรบของต้าโจวกลายเป็นคนมีวาทศิลป์ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดจึงลอกเลียนแบบวิธีการกล่าวของขุนนางบัณฑิตเช่นนี้ คุกเข่าจนตายอยู่ที่นี่จะได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเราโง่เขลา ส่วนพวกเจ้ามีแต่ความจงรักภักดีอย่างนั้นสินะ”

“พี่สาวไป๋…” หลู่หยวนเผิงเงยหน้าขึ้นโดยไม่สนใจสายตาตักเตือนของปู่ตัวเอง เขากำหมัดกล่าวขึ้น “ไม่ใช่แบบนั้นขอรับ พวกเราตายไม่สำคัญ ทว่า หากสูญเสียแคว้นไปคือเรื่องใหญ่ พี่สาวไป๋อยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง อยากได้แคว้นต้าเยี่ยน ทหารอย่างพวกเราพร้อมทำสงครามแย่งชิงต้าเยี่ยนมาให้พี่สาวไป๋ ตอนนี้พวกเราได้เปรียบทั้งเวลา กำลังทหาร ภูมิประเทศ เสบียงอาหารและเหตุผลในการทำสงคราม เหตุใดพวกเราต้องทิ้งการยกทัพบุกโจมตีต้าเยี่ยนแล้วหันไปแข่งขันกับพวกเขาด้วยระบอบการปกครองด้วยขอรับ หากพี่สาวไป๋กลัวว่าจะถูกใต้หล้าครหาว่าไม่สนใจชีวิตของชาวบ้าน พวกข้าจะแบกรับชื่อเสียงเลวร้ายเหล่านั้นไว้เองขอรับ พี่สาวไป๋สามารถบอกกับทุกคนได้ว่าพี่สาวไป๋ถูกแม่ทัพอย่างพวกข้าบีบจนจำต้องทำสงครามกับต้าเยี่ยนขอรับ!”

“หลู่หยวนเผิง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!” หลู่ไท่เว่ยตกใจจนแทบเป็นลม เขารีบตวาดหลานชายของตัวเองทันที

มีจักรพรรดิองค์ใดถูกขุนนางบีบจนจำต้องทำตามที่ขุนนางอยากให้ทำบ้าง หากมีจริงๆ …นั่นถึงจะกลายเป็นเรื่องน่าขันสำหรับใต้หล้า มีเพียงคนโง่อย่างหลู่หยวนเผิงเท่านั้นที่สามารถกล่าวถ้อยคำโง่เง่าเช่นนี้ออกมาได้

“กลัวอย่างนั้นหรือ แค่ชื่อเสียงเท่านั้นมีสิ่งใดน่ากังวลกัน ทว่า หากเสียชื่อเสียงแล้วข้าจะได้รับสิ่งใดกัน” ไป๋ชิงเหยียนเดินไปทางฝั่งขวาของบันไดหยกขาวอย่างช้าๆ จากนั้นก้มมองหลู่หยวนเผิงซึ่งคุกเข่าอยู่ทางด้านหลังเฉิงหย่วนจื้อ “หากข้ายอมเสียชื่อเสียง ทหารของต้าโจวจะสละเลือดเนื้อและชีวิตของตัวเองทำสงครามกับต้าเยี่ยน ทหารต้าเยี่ยนจะปกป้องแคว้นของพวกเขาจนตัวตาย ชาวบ้านจะเดือดร้อนทุกแห่งหน แคว้นหลังจบสงครามจะมีแต่ความเสียหายวอดวาย พวกเราต้องเสียเวลาบูรณะซ่อมแซมแคว้นอีกกี่ปีกัน”

“ทว่า พวกเราก็ไม่ควรเอาแคว้นไปเดิมพันนะขอรับ” ดวงตาของเฉิงหย่วนจื้อแดงก่ำ “ไช่เซียนเซิงกล่าวว่าเสี่ยวไป๋ไซว่คือจักรพรรดินีผู้สถาปนาแคว้นต้าโจวขึ้นมาดังนั้นบ่าของเสี่ยวไป๋ไซว่จึงไม่ได้มีภาระที่หนักอึ้งของราชวงศ์ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น แต่เสี่ยวไป๋ไซว่…แคว้นต้าโจวก็คือแคว้นของพวกเราเหมือนกันนะขอรับ!”

“เจ้าลืมศรัทธาแรกเริ่มของการก่อตั้งกองทัพไป๋ไปแล้วหรือ” ไป๋ชิงเหยียนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉิงหย่วนจื้อ

“ข้าไม่เคยลืม ปกป้องชาวบ้านและบ้านเมือง รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ตอนนี้แคว้นต้าโจวของเราแข็งแกร่งที่สุด พวกเรามี…มี…อันใดใต้หล้านะ”

เฉิงหย่วนจื้อคิดไม่ออก หลิ่วผิงเกาจึงรีบเอ่ยเตือน “มีสิทธิ์ครอบครองใต้หล้า”

“ใช่! มีสิทธิ์ครอบครองใต้หล้า” เฉิงหย่วนจื้อกำหมัดขึ้นอีกครั้ง “ดังนั้นข้ายินดีนำกองทัพไป๋บุกไปโจมตีต้าเยี่ยน ข้าจะยึดครองต้าเยี่ยนมาให้ต้าโจวให้ได้ หากนำใต้หล้ามาให้เสี่ยวไป๋ไซว่ไม่ได้ ข้าจะถือศีรษะมาพบเสี่ยวไป๋ไซว่ขอรับ!”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท