ตอนที่ 1397 มิตรภาพ
“แม่ทัพเฉิง ผู้ใดเป็นคนเสนอความคิดให้พวกเจ้ามาบุกวังหลวงเพื่อบีบบังคับพี่หญิงเช่นนี้กัน” ไป๋ชิงฉีเอ่ยถาม
เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนเดินทางไปยังค่ายทหารเพื่อไขข้อข้องใจของพวกเขา ทว่า พวกเขากลับมาใช้ความตายบีบบังคับไป๋ชิงเหยียนที่นี่เฉิงหย่วนจื้อจึงรู้สึกผิดขึ้นทันที เขาถลึงตาใส่หลู่หยวนเผิงโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกทั้งสิ้น จากนั้นกล่าวขึ้น “เป็นเพราะเจ้าเด็กหลู่หยวนเผิงนี่ขอรับ มันบอกว่าในเมื่อทำสัญญากันเรียบร้อยแล้วคงมีแต่ความตายเท่านั้นจึงจะทำให้เสี่ยวไป๋ไซว่เปลี่ยนใจได้ขอรับ!”
“ข้า…ข้า…” หลู่หยวนเผิงหยัดกายตรง เมื่อเห็นสายตาเดือดดาลของปู่ตัวเองจึงรีบกล่าวขึ้น “ข้าได้ยินแม่ทัพกวนจางหนิงของค่ายทหารหู่อิงกล่าวมาขอรับ! แม่ทัพกวนกล่าวว่าเขาติดตามพี่สาวไป๋มาหลายปี เขารู้จักพี่สาวไป๋ดี! พี่สาวไป๋ต้องอยากทำสงครามกับต้าเยี่ยนแน่นอน ทว่า ต้าเยี่ยนยอมถอยให้ก่อนอีกทั้งใช้ชีวิตของชาวบ้านและทหารที่พี่สาวไป๋ให้ความสำคัญที่สุดมาเป็นข้ออ้าง ข้าจึงบอกกับแม่ทัพเฉิงว่าต่อให้พวกเราต้องตายก็ไม่ควรปล่อยให้ต้าเยี่ยนบรรลุเป้าหมายของพวกเขาขอรับ”
กวนจางหนิง…อวิ๋นหลาน!
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงฉี
ไป๋ชิงฉีก้าวไปกระซิบไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิง แม้ข้าจะไม่ได้ใช้งานแม่ทัพกวน ทว่า ข้าปล่อยให้เขาอยู่ในกองทัพโดยไม่ได้จัดการกับเขาอย่างเด็ดขาด แค่ให้คนคอยจับตาดูเขาไว้เท่านั้นขอรับ เดิมทีข้าอยากจับตัวคนซีเหลียงที่แฝงอยู่ในกองทัพไป๋ของพวกเราออกมาให้ได้ มีคนเคยช่วยเหลือหลี่เทียนฟู่แสดงว่ายังมีคนซีเหลียงหลงเหลืออยู่ ข้าคิดว่าตอนนี้ซีเหลียงดับสูญไปแล้ว หากไม่รีบกำจัดคนเหล่านั้นให้สิ้นซากแม่ทัพกวนอาจก่อความวุ่นวายขึ้นมาในช่วงสำคัญได้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าไป๋ชิงฉีเป็นคนทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบมาโดยตลอด
ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น “หาทางจัดการโดยเร็วที่สุด”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงเดินลงไปจากบันได เว่ยจงรีบตามหลังไปติดๆ
“เสี่ยวไป๋ไซว่!”
“ฝ่าบาท!”
เฉิงหย่วนจื้อและแม่ทัพคนอื่นเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินลงไปจากบันไดจึงรีบลุกขึ้นยืนหวังเดินตามไป
ไป๋ชิงเหยียนไม่สนใจเสียงเสื้อเกราะกระทบกันจากด้านหลังแม้แต่น้อย นางตวาดสั่งเสียงดังลั่นโดยไม่หันกลับไปมอง “คุกเข่าต่อไป!”
พวกของเฉิงหย่วนจื้อรีบคุกเข่าลงตามเดิมทันที พวกเขาได้แต่มองแผ่นหลังของฝ่าบาทและเสี่ยวไป๋ไซว่ของพวกเขาจากไปนิ่ง
ไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวี๋ถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นเดินตามหลังพี่สาวจากไปทันที
เมื่อไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวี๋จากไปแล้วหลู่จิ่นเสียนจึงพยุงร่างของบิดาชราของตัวเองลุกขึ้น
“แม่ทัพทุกท่าน พวกท่านมองฝ่าบาทผิดไปแล้ว!” หลู่ไท่เว่ยถอนหายใจออกมา เขาส่ายหน้าให้เฉิงหย่วนจื้อ เสิ่นเหลียงอวี้และหลิ่วผิงเกา “ฝ่าบาททรงกำหนดการเดิมพันนี้ขึ้นร่วมกับต้าเยี่ยนก่อนทำสงครามทำลายล้างซีเหลียงเสียอีก ฝ่าบาททรงห่วงใยราษฎรทั่วหล้า ไม่เห็นแก่อำนาจในราชวงศ์ของตัวเอง ฝ่าบาททรงจดจำศรัทธาแรกเริ่มของกองทัพไป๋ได้อย่างขึ้นใจ ทรงมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งนี้! ทุกท่านคือคนที่ฝ่าบาททรงเชื่อพระทัยและให้ความสำคัญที่สุด ทว่า พวกท่านกลับจากค่ายทหารมาโดยพลการเพื่อมารวมตัวกันต่อต้านฝ่าบาทที่หน้าวังหลวง ทุกท่านทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังและเสียพระทัยมากจริงๆ”
“หลู่ไท่เว่ย ท่านอย่ากล่าวสิ่งใดอีกเลย แค่นี้พวกเราก็รู้สึกละอายใจจนแทบไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดอีกแล้ว” เสิ่นเหลียงอวี้นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยความสำนึกผิด เขารู้สึกว่าตัวเองวู่วามเกินไป
“ไม่ว่าการเดิมพันด้วยแคว้นจะชนะหรือแพ้ล้วนเป็นสิ่งที่จักรพรรดินีของแคว้นพิจารณาดีแล้วและต้องรับผิดชอบ ข้ารู้ดีว่าทุกท่านเป็นห่วงฝ่าบาท” หลู่ไท่เว่ยกล่าวเสียงเบา “ทว่า ในฐานะคนสำคัญที่ฝ่าบาททรงไว้วางพระทัย พวกท่านไม่ควรใช้วิธีเช่นนี้บีบบังคับฝ่าบาท พวกแม่ทัพทำสงครามกันอยู่ภายนอกคงไม่รู้ว่าราชสำนักต้าโจวของเราสามารถแสดงความเห็นของตัวเองได้อย่างเปิดเผยเหมือนกับที่พวกท่านสามารถร่วมปรึกษาแผนการรบกับเจิ้นกั๋วอ๋องผู้ล่วงลับไปแล้วเช่นนั้น”
เฉิงหย่วนจื้อกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที
“แม่ทัพทุกท่าน แม้ฝ่าบาทจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีของต้าโจวแล้ว ทว่า ฝ่าบาทยังเป็นเสี่ยวไป๋ไซว่ของพวกท่านอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน! หวังว่าต่อไปแม่ทัพทุกท่านจะคิดและทำทุกอย่างอย่างรอบคอบกว่านี้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม”
หลู่ไท่เว่ยกล่าวจบจึงปล่อยให้หลู่จิ่นเสียนประคองเขาออกไปจากประตูอู่เต๋อ
“ท่านปู่…ท่านปู่ขอรับ” หลู่หยวนเผิงตะโกนเรียกปู่ของตัวเองเสียงดัง ทว่า ปู่ของเขาไม่หันกลับมามองเขาแม้แต่น้อย
หลู่หยวนเผิงรู้สึกว่าทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว!
เขาไม่กลัวที่พี่สาวไป๋ลงโทษพวกเขาให้คุกเข่าอยู่เช่นนี้ เขาสัมผัสได้ว่าพี่สาวไป๋ยังให้ความสำคัญกับพวกเขาอยู่ ยังเห็นพวกเขาเป็นคนกันเอง ดังนั้นเมื่อโกรธจึงลงโทษพวกเขา!
ทว่า หากท่านปู่ของเขาไม่สนใจเขาขึ้นมา กลับไปเนื้อของเขาต้องแตกแน่นอน!
หลู่ไท่เว่ยเดินออกมาจากประตูอู่เต๋อ จากนั้นกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก “ชมเชยความดีความชอบของผู้ที่มาก่อความวุ่นวาย จากนั้นตำหนิความผิดพลาดในครั้งนี้ของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าทรงเข้าใจเหตุผลของพวกเขา ตอนนี้ฝ่าบาทใช้วิถีของจักรพรรดินีได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว แม่ทัพที่ถูกลงโทษในวันนี้ต้องยิ่งจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอย่างแน่นอน”
ไป๋ชิงฉีเดินไปถึงประตูตำหนักใหญ่ ขณะกำลังจะก้าวเข้าไปก็เหลือบเห็นเว่ยจงเสียก่อน เขาเข้าไปกระซิบเว่ยจงเสียงเบา “เว่ยกงกงช่วยแพร่กระจายข่าวเรื่องที่แม่ทัพเหล่านั้นมาขอร้องให้พี่หญิงใหญ่ยึดอำนาจทางทหารคืนจากหานเฉิงอ๋องและเรื่องที่พี่หญิงใหญ่กล่าวว่าเชื่อใจในตัวหานเฉิงอ๋องให้จวนหานเฉิงอ๋องรับรู้ที หานเฉิงอ๋องจะได้รับรู้และตั้งใจทำเพื่อแคว้นของพวกเรา”
เว่ยจงรีบรับคำ “ฮู่กั๋วอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ”
ขอเพียงข่าวนี้รู้ไปถึงจวนของหานเฉิงอ๋อง ชายาเอกของหานเฉิงอ๋องต้องส่งข่าวนี้ไปให้หานเฉิงอ๋องรับรู้และไม่ทำให้ไป๋ชิงเหยียนผิดหวังแน่นอน
วันนั้นหยงติ้งปั๋วเฉิงหย่วนจื้อและแม่ทัพอีกสิบเอ็ดคนคุกเข่าอยู่ที่หน้าบันไดหยกขาวหนึ่งคืนเต็มๆ
วันต่อมาขุนนางที่มาเข้าร่วมว่าราชการตอนเช้าเดินขึ้นบันไดพลางมองไปทางแม่ทัพทั้งสิบสองคนที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างบันไดด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป
บางคนรู้ว่าแม่ทัพเหล่านี้ออกจากค่ายทหารมาโดยพลการเพื่อมาคุกเข่าบีบบังคับให้ฝ่าบาทยกเลิกสัญญากับต้าเยี่ยนและยึดอำนาจทางทหารคืนจากหานเฉิงอ๋อง
ต่อมาไม่รู้ว่าฝ่าบาทตรัสสิ่งใดกับคนเหล่านี้ พวกเขาจึงคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ตรงนี้ทั้งคืน
แสงแดดยามรุ่งอรุณส่องกระทบบันไดหยกขาวจนสว่างเรืองรองไปทั่ว แม่ทัพทั้งสิบสองคนซึ่งสวมเสื้อเกราะเหล็กนั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นที่สะดุดตาของขุนนางคนอื่นๆ อย่างมาก
ขณะว่าราชการตอนเช้าหลู่ไท่เว่ยออกมาขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนลงโทษแม่ทัพทั้งสิบสองคนที่ทิ้งค่ายทหารมาโดยพลการอย่างหนัก ถือเป็นการแสดงจุดยืนว่าตระกูลหลู่ไม่ได้สนับสนุนการกระทำของหลู่หยวนเผิง
เมื่อการประชุมราชสำนักตอนเช้าสิ้นสุดลง เว่ยจงไปประกาศราชโองการต่อหน้าเฉิงหย่วนจื้อ เสิ่นเหลียงอวี้ หลิ่วผิงเกา หวังจิน ตู้ซานเป่า หลู่หยวนเผิง ซือหม่าผิงและแม่ทัพคนอื่นๆ รวมทั้งสิ้นสิบสองนาย พวกเขามีความผิดร้ายแรงโทษฐานทิ้งค่ายทหารมารวมตัวประท้วงฝ่าบาทโดยพลการ ทว่า เห็นแก่ที่พวกเขามีความดีความชอบในสงครามซีเหลียงจึงยกเว้นโทษประหารพวกเขา ยกเลิกรางวัลและบรรดาศักดิ์ทั้งหมดที่ได้จากสงครามซีเหลียง โบยพวกเขาคนละห้าสิบที ทว่า ให้พวกเขาได้ปฏิบัติงานในกองทัพได้เหมือนเคย
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะรู้ว่าซือหม่าผิงตามพวกหลู่หยวนเผิงมาเพื่อช่วยห้ามปรามพวกเขาและถ่วงเวลาให้เว่ยจ้าวเหนียน
ทว่า หากนางเว้นโทษให้ซือหม่าผิงคนเดียวอาจเป็นการทำลายมิตรภาพระหว่างพวกเขาได้ ไป๋ชิงเหยียนจึงตัดสินใจลงโทษทุกคนอย่างเท่าเทียม