ตอนที่ 1398 หลงรัก
พวกของเฉิงหย่วนจื้อไม่มีข้อคัดค้านในบทลงโทษของไป๋ชิงเหยียน พวกเขาก้มศีรษะคำนับแนบพื้น จากนั้นยอมรับการโบยในประตูอู่เต๋อ
เมื่อเฉิงหย่วนจื้อถูกโบยเสร็จ เขาลากร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของตัวเองไปขอเข้าเฝ้าไป๋ชิงเหยียนเพื่อรับผิดต่อหน้าไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่ว่าเขาจะขอร้องเช่นไรไป๋ชิงเหยียนก็ไม่ยอมพบหน้าเขา
บรรดาแม่ทัพคุกเข่าอยู่ในประตูอู่เต่อพักใหญ่ ในที่สุดเว่ยจงก็ออกมาเกลี้ยกล่อมให้พวกเขากลับไปด้วยตัวเอง พวกเฉิงหย่วนจื้อจึงก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้งและยอมให้คนแบกร่างของพวกเขากลับไปรักษาตัวที่จวนของแต่ละคน
เมื่อมารดาของหลู่หยวนเผิงเห็นบุตรชายถูกแบกกลับมาด้วยร่างที่เต็มไปด้วยเลือดก็ร้องไห้ตกใจจนแทบเป็นลมไปเสียตรงนั้น นางอยากตีบุตรชายซ้ำ ทว่า ทำไม่ลง สุดท้ายจึงทำได้เพียงเขกศีรษะของบุตรชายอย่างแรงหลังจากเขาถูกแบกกลับไปที่เรือนของตัวเองและได้รับการทายาทจากหมอเรียบร้อยแล้ว
“เจ้านี่นะ! เหตุใดเจ้าต้องเลอะเลือนตามเฉิงหย่วนจือผู้นั้นด้วย! ของรางวัล ตำแหน่งที่ได้ในกองทัพหายไปหมดแล้ว เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่!”
มารดาของหลู่หยวนเผิงยังไม่ทันด่าลูกชายเสร็จหลู่ไท่เว่ยก็เดินเข้ามาในเรือนของหลู่หยวนเผิงด้วยความโมโหทันที เขาชี้หน้าด่าหลานชายของตัวเองอยู่พักใหญ่ เมื่อเห็นบาดแผลของหลานชายจึงกล่าวเพียง
“พักผ่อนให้หายดี หายดีเมื่อใดจงไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หอบรรพชนทันที!”
หลู่ไท่เว่ยกล่าวจบจึงสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
บิดาของหลู่หยวนเผิงถูกหลู่ไท่เว่ยสั่งสอนจนได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นบิดาของตัวเองสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปจึงรีบโค้งกายคำนับอย่างนอบน้อม
“ท่านพ่อ…”
หลู่หยวนเผิงมองหน้าบิดาของตัวด้วยท่าทีน่าสงสาร
“ท่านพ่อช่วยข้าด้วยขอรับ เมื่อคืนข้าคุกเข่าอยู่ในวังหลวงทั้งคืนจนขาเกือบหักแล้ว ข้าไม่อยากไปคุกเข่าที่หอบรรพชนอีกขอรับ!”
“เจ้าเด็กสารเลวนี่! เจ้ายังมีหน้ามากล่าวอีกหรือ!”
บิดาของหลู่หยวนเผิงโมโหเป็นอย่างมาก
“เจ้าทำสงครามเสร็จเหตุใดจึงไม่กลับมาจวนหรืออยู่อย่างสงบเสงี่ยมที่ค่ายทหาร เจ้าตามเฉิงหย่วนจื้อไปก่อความวุ่นวายอันใดกัน! รางวัลและตำแหน่งที่ได้หายไปหมดแล้ว เจ้าไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หอบรรพชนก็สมควรแล้ว!”
“ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
มารดาของหลู่หยวนเผิงสงสารบุตรชายของตัวเอง นางไม่กล้าอาละวาดกับพ่อสามีจึงได้แต่ระบายความโกรธทั้งหมดลงที่สามีของตัวเอง
“ลูกของเราได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ท่านไม่เพียงไม่สงสารลูกยังจะให้ลูกไปคุกเข่าสำนึกผิดที่หอบรรพชนอีก ท่านเอาชีวิตของข้าไปอีกคนเลยดีหรือไม่!”
“มารดาอ่อนแอทำให้ลูกอ่อนแอ! มารดาอ่อนแอทำให้ลูกอ่อนแอ! หยวนเผิงถูกเจ้าตามใจจนเสียคนจริงๆ!”
บิดาของหลู่หยวนเผิงเดือดดาลเป็นที่สุด เขารู้สึกเหนื่อยใจกับภรรยาของตัวเองมาก
“หากหยวนเผิงทำให้ตัวเองเดือดร้อนคนเดียวยังไม่เท่าใด หยวนชิ่งใกล้จะกลับมาแล้ว หากการก่อเรื่องของไอ้เด็กนี่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของหยวนชิ่ง…ถึงเวลานั้นต่อให้เจ้าร้องไห้ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว!”
วันนี้บิดาของหลู่หยวนเผิงถูกหลู่ไท่เว่ยและพี่ชายหลู่จิ่นเสียนเรียกไปพบ หลู่จิ่นเสียนบอกกับบิดาของหลู่หยวนเผิงว่าครั้งนี้หลู่หยวนเผิงก่อเรื่องร้ายแรงมาก
หลู่จิ่นเสียนบอกกับน้องชายคนที่สามของตัวเองอย่างเปิดเผยว่าความสามารถของพวกเขาสามพี่น้องสู้บิดาไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกับบิดาและทำให้ตระกูลหลู่รุ่งเรืองได้เหมือนที่บิดาเคยทำแน่นอน ตอนนี้บิดาของพวกเขาต้องการสนับสนุนหลู่จิ้น วันหน้าตำแหน่งไทเว่ยอาจตกเป็นของหลู่จิ้น วันหน้าหลู่จิ้นต้องตอบแทนบุญคุณของตระกูลหลู่แน่นอน ผู้ที่มีความโดดเด่นที่สุดในตระกูลหลู่ตอนนี้คือหลู่หยวนชิ่ง
แม้หลู่เฟิ่งหลางจะมีความสามารถ ทว่า นางเพิ่งเข้ารับตำแหน่งราชสำนัก นางไม่ได้มีประสบการณ์และความดีความชอบมากเท่าหลู่หยวนชิ่ง หลู่หยวนชิ่งอายุยังน้อย ทว่า เขาสร้างผลงานในการช่วยผลักดันระบอบการปกครองในเมืองหาน อนาคตของเขาต้องรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน เขาอาจทำให้ตระกูลหลู่มีไท่เว่ยถึงสองคน ทว่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท พวกเขาต้องอยู่ฝ่าบาทเดียวกับพระองค์ ไม่ทำให้พระองค์ขุ่นเคืองพระทัย
บิดาของหลู่หยวนเผิงได้ยินจึงเหงื่อออกทั่วใบหน้าทันที หลู่หยวนชิ่งคือเด็กที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหลู่ เขาภาคภูมิใจในตัวบุตรชายคนนี้มาโดยตลอด บางทีเขายังคิดอยู่เลยว่าเขาไม่สิ่งใดสู้พี่ชายใหญ่ของตัวเองได้เลย เหตุใดเขาจึงมีบุตรชายที่โดดเด่นเช่นนี้ได้
ดังนั้นบิดาของหลู่หยวนเผิงจึงใส่ใจเรื่องของหลู่หยวนชิ่งมาก
เมื่อได้ยินว่าการก่อเรื่องของหลู่หยวนเผิงอาจส่งผลกระทบต่ออนาคตของหลู่หยวนชิ่งเขาจึงทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว ยิ่งเมื่อได้ยินบุตรชายไม่เอาไหนของตัวเองไม่เพียงไม่สำนึกผิด ยังคิดขอร้องให้เขาช่วยออกหน้าแทน บิดาของหลู่หยวนเผิงจึงยิ่งโมโห
มารดาของหลู่หยวนเผิงได้ยินคำกล่าวนี้จึงตะลึงไปทันที น้ำตาของนางคลออยู่ที่ดวงตา น้ำเสียงเริ่มส่อแววไม่มั่นใจขึ้นทันที
“ไม่…ไม่น่าเป็นไปได้ หยวนเผิงคือหยวนเผิง หยวนชิ่งคือหยวนชิ่ง…”
“เจ้าไปทูลสิ่งนี้กับฝ่าบาทเองแล้วกัน!”
บิดาของหลู่หยวนเผิงกล่าวจบจึงสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโมโหทันที
“ท่านแม่…ไม่ต้องกลัวขอรับ ท่านพ่อแค่ขู่ท่านแม่เท่านั้น พี่สาวไป๋ไม่ใช่คนที่จะเอาความโกรธไปลงกับผู้อื่นขอรับ!”
หลู่หยวนเผิงเห็นใบหน้าซีดเผือดของมารดาจึงรีบกล่าวปลอบราวกับกลัวจะเสียที่พึ่งคนสุดท้ายไป
“ที่สำคัญพี่สาวไป๋บอกแล้วว่าที่นางกล้านำแคว้นไปเดิมพันกับต้าเยี่ยนเช่นนี้เป็นเพราะนางมีแม่ทัพอย่างแม่ทัพเฉิงและข้าอยู่ ต่อให้ทำผิดก็มิเป็นอันใด ภายหน้าค่อยทำสงครามก็ยังไม่สาย พี่สาวไป๋ชอบข้าถึงเพียงนี้ นางแค่ยึดรางวัลและตำแหน่งของข้าคืนชั่วคราวเท่านั้นขอรับ”
มารดาของหลู่หยวนเผิงได้ยินบุตรชายเอาแต่เรียกไป๋ชิงเหยียนว่าพี่สาวไป๋จึงมองไปทางหลู่หยวนเผิงอย่างมีนัยแฝงราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้
หลู่หยวนเผิงเห็นสายตาของมารดาจึงแสร้งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้งหวังให้มารดาของตัวเองสงสาร
“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนี้ขอรับ ข้าเจ็บเจียนตายแล้ว…เจ็บจนจะตายแล้วขอรับ!”
หลู่หยวนเผิงเอาหน้าซุกหมอนพลางร้องโอดครวญออกมา
มารดาของหลู่หยวนเผิงแสร้งบิดหูบุตรชายด้วยท่าทีโมโห หลู่หยวนเผิงรีบเอามือปิดหูตัวเองพลางมองไปทางมารดาด้วยท่าทีน่าสงสาร
“ข้าเจ็บถึงขนาดนี้แล้ว เหตุใดท่านแม่จึงกล้าลงมือกับข้าอีกขอรับ! ข้าถูกพี่สาวไป๋ทำโทษให้คุกเข่าอยู่ในวังทั้งคืน ตอนนี้เจ็บทั้งขาทั้งก้น ท่านแม่ยังมาบิดหูข้าอีก!”
“เจ้าเด็กเกเรคนนี้! เหตุใดเจ้าเรียกฝ่าบาทว่าพี่สาวไป๋เช่นนี้…”
มารดาของหลู่หยวนเผิงชะงักคำกล่าวลงชั่วครู่ นางมองไปทางด้านนอก จากนั้นกล่าวกับหลู่หยวนเผิงเสียงเบาหวิว
“เจ้าหลงใหลในความงดงามของฝ่าบาทจึงเกิดหลงรักนางขึ้นมาใช่หรือไม่”
หลู่หยวนเผิงได้ยินคำกล่าวของมารดาจึงเบิกตาโพลง
“ท่านแม่กล่าวเหลวไหลอันใดขอรับ! ข้าจะไปหลงรักพี่สาวไป๋ได้อย่างใดขอรับ ข้าแค่เคารพและนับถือพี่สาวไป๋ เห็นนางเป็นเหมือนพี่สาวแท้ๆ ของตัวเองเท่านั้น ผู้ใดจะกล้าหลงรักพี่สาวไป๋ขอรับ ท่านแม่อยากได้ลูกสะใภ้จนเลอะเลือนไปแล้วหรือขอรับ!”
“เจ้าเด็กคนนี้!”
มารดาของหลู่หยวนเผิงแสร้งทำเป็นหยิกแขนของบุตรชาย
“เจ้าว่าแม่ของตัวเองเช่นนี้ได้อย่างใดกัน!”
“ท่านแม่ หากท่านอยากได้ลูกสะใภ้ก็ควรหาคู่ให้ท่านพี่ของข้าสิขอรับ ข้ายังเด็กอยู่ ที่สำคัญหากบาดแผลข้าหายเป็นปกติข้าก็คงต้องกลับค่ายทหารแล้ว ถึงเวลานั้นหากข้าโดนย้ายไปที่ใดก็ต้องไปที่นั่น เหตุใดต้องทำให้สตรีคนอื่นเดือดร้อนด้วยขอรับ”