ตอนที่ 1405 สร้างปัญหา
เถ้าแก่กล่าวจบจึงปรบมือส่งสัญญาณให้คนด้านใน
สาวรับใช้ทยอยถือเครื่องประทินโฉมออกมาจากห้องด้านใน ในมือของทุกคนถือถาดสี่เหลี่ยมสีดำสลับทองซึ่งมีกล่องกระเบื้องสี่เหลี่ยมลายดอกไม้งดงามเปิดฝาวางอยู่บนนั้น ด้านในกล่องเต็มไปด้วยเครื่องประทินโฉมหลากหลายชนิด ไม่ทันเข้าใกล้ก็ได้กลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ลอยมาแต่ไกล แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นเครื่องประทินโฉมชั้นเลิศจริงๆ
เมื่อฮูหยินทั้งสองเลือกเครื่องประทินโฉมเสร็จจึงเดินออกมาจากร้านฝูหรง ฮูหยินสามอยากเดินเล่นเป็นเพื่อนฮูหยินสองต่อเพื่อให้นางคลายเครียดจึงจูงมือฮูหยินสองไปที่ร้านเครื่องประดับต่อ
ฮูหยินสามหลี่ซื่อเลือกเครื่องประดับให้ไป๋จิ่นจื้อด้วยความตื่นเต้น ส่วนฮูหยินสองกลับนั่งดื่มน้ำชาอยู่ข้างๆ อย่างไม่ค่อยมีอารมณ์ช่วยเลือกเท่าใดนัก
“เหตุใดเจ้าจึงมีหยกจักจั่นเหมือนกัน!”
“นี่เจ้าก็มีเหมือนกันหรือ!”
เสียงใสกังวานของเด็กสาวสองคนดังขึ้นทางด้านหลัง ฮูหยินสองใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ นางหันไปมองเด็กสาวทั้งสองที่กำลังสนทนากันอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นหันกลับไปมองหลี่ซื่อที่กำลังหยิบกำไลข้อเท้าขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม
นางได้ยินบทสนาของสาวน้อยทั้งสองดังขึ้นอีกครั้ง…
“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าจักรพรรดิเทียนเฟิ่งมีหยกจักจั่นอยู่ชิ้นหนึ่ง ได้ยินว่าสามารถย้อนเวลาได้”
“ได้ยินแล้ว สองสามวันนี้มีแต่คนลือกันถึงเรื่องนี้ ได้ข่าวว่าพระภัสดาของจักรพรรดินีของพวกเราก็มีหยกจักจั่นชิ้นนี้อยู่เช่นกัน หากนำหยกจักจั่นทั้งสองมาอยู่รวมกันจะสามารถย้อนเวลาได้! ก่อนที่จักรพรรดิของเทียนเฟิ่งจะไปจากแคว้นต้าโจวเขาให้ลูกน้องของเขาที่อยู่รอตัวลูกศิษย์ของจอมเวทย์ไปป่าวประกาศว่าหากผู้ใดหาหยกจักจั่นที่หายสาบสูญไปของพระภัสดาพบจะมอบรางวัลให้เป็นทองตั้งห้าพันตำลึง!”
“จริงหรือ! ทองห้าพันตำลึงเชียวนะ! การย้อนเวลาเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลนะ หากเป็นเรื่องจริงฝ่าบาทคงให้คนค้นหาหยกจักจั่นนั่นและย้อนเวลากลับไปตอนเกิดสงครามที่หนานเจียงเพื่อช่วยชีวิตท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและน้องๆ ของตัวเองกลับมาแล้ว”
“จะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไรกัน จักรพรรดิเทียนเฟิ่งยอมมอบทองห้าพันตำลึงให้คนที่หาหยกจักจั่นพบเลยนะ คนของแคว้นเทียนเฟิ่งบอกว่าขอเพียงหาหยกจักจั่นพบจะมีรางวัลเสริมให้อีกไม่ต่ำกว่าสองพันตำลึงด้วย พี่ชายของข้าทำงานอยู่ในจวนจิงจ้าวอิ่น เขาบอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนก่อความวุ่นวายในเมืองหลวงเท่าใดแล้ว พวกเขาต่างออกไปตามหาหยกจักจั่นที่หายไปชิ้นนั้น ที่สำคัญตอนนี้ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไปแล้ว เหตุใดนางต้องย้อนเวลากลับไปอีกด้วย หากทำเช่นนั้นเท่ากับนางต้องสูญเสียบัลลังก์ในตอนนี้ไปนะ!”
“ไม่รู้ว่าหยกจักจั่นชิ้นนั้นถูกฝังไปพร้อมศพของพระภัสดาหรือไม่ หากถูกฝังไปพร้อมกัน…ผู้ใดจะกล้าไปขุดหลุมศพของพระภัสดาขึ้นมากัน…” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวถึงตรงนี้ก็รีบใช้พัดกลมปิดปากของตัวเองอย่างไม่กล้ากล่าวต่อ
“ได้ยินว่าพระภัสดาทำหยกจักจั่นชิ้นนั้นสูญหายไปนานแล้ว เจ้าดูสิว่าตอนนี้เมืองหลวงมีแต่หยกจักจั่นเต็มไปหมด” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวยิ้มๆ
หลิวซื่อได้ยินคำกล่าวนี้จึงรีบหันไปมองสองสาวที่เกี่ยวแขนกันเดินออกไปจากร้านเครื่องประดับแวบหนึ่ง นางหันกลับมายกถ้วยชาขึ้นอย่างใช้ความคิด นางกำถ้วยชาที่อยู่ในมือแน่นโดยไม่ได้ดื่มน้ำชาในถ้วยแต่อย่างใด
ย้อนเวลา หยกจักจั่นอย่างนั้นหรือ!
ก่อนหน้านี้ฮูหยินสองหลิวซื่อเคยได้ยินเรื่องนี้มาเช่นเดียวกัน ทว่า นางคิดว่าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ
ทว่า ตอนนี้จักรพรรดิเทียนเฟิ่งถึงขนาดกล้ามอบทองห้าพันตำลึงเป็นรางวัลให้แก่คนที่หาหยกจักจั่นพบ หลิวซื่อจึงอดคิดมากไม่ได้
หากเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องโกหกเหตุใดจักรพรรดิเทียนเฟิ่งต้องลงทุนตามหาหยกจักจั่นอีกชิ้นถึงเพียงนี้ด้วย
เมื่อฮูหยินสามเลือกเครื่องประดับให้ไป๋จิ่นจื้อเสร็จจึงเดินออกมาจากร้านเครื่องประดับพร้อมกับหลิวซื่อ หลิวซื่อมองสำรวจสองข้างทางของถนนด้วยความสนใจ นางพบว่าบัณฑิตรวมถึงสตรีแทบทุกคนต่างห้อยป้ายหยกจักจั่นไว้ที่เอวของตัวเอง
นางนึกถึงเซียวหรงเหยี่ยนขึ้นมาทันที นางจำได้ว่าชายหนุ่มมักห้อยหยกจักจั่นไว้ที่เอวของตัวเองยามมาที่จวนไป๋ทุกครั้ง
“พี่สะใภ้สองคิดสิ่งใดอยู่เจ้าคะ” ฮูหยินสามหลี่ซื่อกระตุกแขนของหลิวซื่อเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม นางหันไปส่งสัญญาณให้หูหมัวมัวส่งกล่องในมือให้หลัวหมัวมัว จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ข้าซื้อให้เสี่ยววั่งเกอเจ้าค่ะ ข้าเลือกเครื่องประดับคอที่เหมือนกันให้วั่งเกอ สี่เล่อและคังเล่อคนละชุด ตอนนี้พวกเขายังเด็กสามารถใส่ได้อยู่ ให้พวกเด็กๆ ใส่แล้วมายืนรวมกันตอนช่วงปีใหม่คงน่ารักเหมือนตุ๊กตาในภาพวาดแน่นอนเจ้าค่ะ”
เมื่อครู่หลี่ซื่อได้ยินเถ้าแก่ร้านบอกว่าต้าโจวมีเครื่องประดับคอแบบนี้เพียงสามชุดเท่านั้น หลี่ซื่อจึงนึกถึงเด็กทั้งสามคนขึ้นมาทันที นางให้หูหมัวมัวรีบจ่ายเงินให้เถ้าแก่ทันทีโดยไม่ลังเล
ร้านเครื่องประดับนี้มีชื่อเสียงยาวนานกว่าร้อยปี เครื่องประดับในร้านประณีตจนไร้ที่ติ ทว่า ฮูหยินของตระกูลไป๋เห็นเครื่องประดับล้ำค่ามากมาย หลี่ซื่อแค่อยากซื้อให้พวกเด็กๆ ในตระกูลได้ใส่เล่นเท่านั้น
“เหตุใดคนบนถนนจึงมีหยกจักจั่นกันทุกคนเลย ข้าจำได้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนสามีของอาเป่าก็เคยมีหยกจักจั่นเช่นนี้อยู่เหมือนกัน” หลิวซื่อมองดูคนบนถนนที่เดินผ่านไปผ่านมา
“ข้าได้ยินเรื่องเหล่านี้มาบ้างเหมือนกัน ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลที่แคว้นเทียนเฟิ่งแต่งขึ้นมาทั้งนั้น” หลี่ซื่อประคองหลิวซื่อขึ้นรถม้าพลางกล่าวเสียงเบา “ต่างกล่าวกันว่าหยกจักจั่นสามารถย้อนเวลากลับไปได้ บอกว่านั่นคือตำนานของแคว้นเทียนเฟิ่ง ข้าเคยถามเรื่องนี้จากอาอวิ๋นแล้ว อาอวิ๋นบอกว่าฮองเฮาของแคว้นเทียนเฟิ่งในตำนานที่เล่าขานกันมาไม่มีทายาทสืบทอดบัลลังก์ อีกทั้งสามีของนางเสียชีวิตไปแล้ว นางจึงกุเรื่องการย้อนเวลาขึ้นมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้นางมีที่ยืนในราชสำนักอย่างมั่นคงเท่านั้น มิเช่นนั้นเหตุใดนางต้องแยกหยกจักจั่นที่มีความวิเศษเช่นนี้ออกจากกันด้วย”
หลิวซื่อได้ยินคำกล่าวของหลี่ซื่อจึงพยักหน้าและเดินขึ้นไปบนรถม้าพร้อมหลี่ซื่อ ทว่า ในใจยังคงคิดเรื่องการย้อนเวลาอยู่
เมื่อเห็นรถม้าและองครักษ์ของตระกูลไป๋จากไปไกลแล้ว หงเชี่ยวซึ่งแต่งกายด้วยชุดฮูหยินของตระกูลสูงศักดิ์จึงลดพัดกลมที่ปิดบังใบหน้าลง จากนั้นเดินออกมาจากร้านเครื่องประดับ
สาวน้อยที่เมื่อครู่สนทนาอยู่ด้านหลังหลิวซื่อเห็นหงเชี่ยวเดินออกมาจึงรีบเดินไปคล้องแขนหงเชี่ยวทันที “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะพี่สะใภ้ พวกเราแสดงได้สมบทบาทหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าสองคนนี่นะ!” หงเชี่ยวเขกศีรษะของสาวน้อยทั้งสองเบาๆ “แค่พี่ชายของพวกเจ้าถูกฝ่าบาทลงโทษพวกเจ้าก็มาสร้างปัญหาให้ฮูหยินตระกูลไป๋ทั้งสองเช่นนี้แล้ว ฮูหยินทั้งสองล่วงเกินพวกเจ้าหรืออย่างไรกัน!”
“ผู้ใดให้ฝ่าบาทโบยพี่ชายของพวกเรา ทั้งยังลดตำแหน่งของพี่ชายพวกเราโดยไม่แยกแยะเหตุผลเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ ข้าได้ยินว่าฝ่าบาทเคารพนับถืออาสะใภ้ของตัวเองมาก หากฮูหยินทั้งสองคนไปอาละวาดกับฝ่าบาทต้องสร้างปัญหาเพิ่มให้ฝ่าบาทได้แน่เจ้าค่ะ!” สาวน้อยที่ใบหน้าเอาแต่ใจกล่าวขึ้น
“เจ้านี่นะ หากเจ้าแต่งงานออกเรือนไปทั้งที่นิสัยยังเป็นเช่นนี้พี่จะวางใจได้อย่างไรกัน” หงเชี่ยวใช้พัดกลมเคาะศีรษะของสาวน้อยเบาๆ “เข้าไปเลือกเครื่องประดับเถิด ถูกใจชิ้นใดเลือกได้เลยไม่ต้องเกรงใจพี่”