ตอนที่ 1409 ขีดจำกัด
“โอ้ย! ท่านพี่หยุดดึงเถิดขอรับ…หูข้าจะขาดแล้วขอรับ! ช่วยด้วย…”
เมื่อได้ยินเสียงร้องของคุณชายหยวนเผิงบ่าวรับใช้ชายจึงอ้วนวอนเทวดาบนฟ้าอีกครั้ง หวังว่าคุณชายหยวนชิ่งจะใจอ่อนเมื่อเห็นบาดแผลเจ็บหนักบนร่างของคุณชายของเขาและเบามือลงกว่านี้
โถงรับรองด้านหน้า
เมื่อหลู่ไท่เว่ยพบหน้าหลานชายที่โดดเด่นและมีความสามารถที่สุดของตัวเองก็ลืมเรื่องของหลู่หยวนเผิงไปเสียสนิท เขากำลังดื่มชาอย่างอารมณ์ดีก็ได้ยินบ่าวรับใช้ด้านนอกรายงานว่าคนในวังมาเชิญเขาเข้าไปในวังหลวง
หลู่ไท่เว่ยรีบลุกขึ้นยืนทันที เขาสั่งให้คนเตรียมชุดขุนนางให้พร้อม เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จจึงตรงเข้าไปในวังทันที
หลู่ไท่เว่ยบังเอิญพบกับไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวี๋ระหว่างเดินเข้าไปในวังหลวงพอดี ทั้งสามคนทำความเคารพกัน จากนั้นหลู่ไท่เว่ยจึงรีบถามขึ้นทันที “เจิ้นกั๋วอ๋อง ฮู่กั๋วอ๋อง ไม่ทราบว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงเรียกกระหม่อมเข้าวังตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของต้าเหลียง ไปเถิด เมื่อพบหน้าพี่หญิงใหญ่ก็คงรู้เอง” ไป๋ชิงฉีผายมือเชิญหลู่ไท่เว่ย
เมื่อสามคนเข้าไปในตำหนักไป๋ชิงเหยียนจึงยื่นฎีกาด่วนที่หานเฉิงอ๋องส่งมาให้ทั้งสามคนอ่าน
“หานเฉิงอ๋องเพิ่งไปที่ต้าเหลียงได้ไม่นานก็อยากได้กำลังทหารเพิ่มแล้ว…” หลู่ไท่เว่ยเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท เกรงว่าเรื่องนี้อาจมีลับลมคมนัย พวกเราต้องป้องกันไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
สิ้นเสียงของหลู่ไท่เว่ย ประตูตำหนักที่ปิดสนิทถูกเปิดออก ไป๋จิ่นจื้อโผล่หน้าเข้ามาด้านในตำหนัก “พี่หญิงใหญ่…”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นไป๋จิ่นจื้อเดินเข้ามาด้านในด้วยรอยยิ้ม
“พี่หญิงใหญ่ เว่ยกงกงไม่ได้ห้ามข้าเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบจึงหันไปทำความเคารพหลู่ไท่เว่ยและพี่ชายอีกสองคนของตัวเอง จากนั้นนั่งลงข้างไป๋ชิงอวี๋พลางชะโงกหน้าอ่านฎีกาในมือของพี่ชาย
เดิมทีไป๋ชิงเหยียนคิดว่าไป๋จิ่นจื้อเป็นคนวู่วามจึงยังไม่อยากให้นางรับรู้เรื่องนี้ในตอนนี้ ทว่า ในเมื่อไป๋จิ่นจื้อมาแล้วก็ปล่อยให้นางรู้เรื่องด้วยไปเลยแล้วกัน
ไป๋ชิงอวี๋ส่งฎีกาให้ไป๋จิ่นจื้อได้อ่านต่ออย่างถนัด
เสี่ยวซื่ออายุไม่น้อยแล้ว นางควรเรียนรู้ที่จะแบ่งเบาภาระของพี่หญิงใหญ่และดูแลน้องๆ ได้แล้ว
เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้ออ่านฎีกาพลางขมวดคิ้วแน่น ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวกับหลู่ไท่เว่ยต่อ “ไม่ว่าอย่างไรเรื่องที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นของแคว้นเทียนเฟิ่งเดินทางไปยังแคว้นตงอี๋ก็ถือเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับพวกเรา ที่ข้าไม่กักตัวซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไว้ในต้าโจวตั้งแต่แรกเป็นเพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นระหว่างที่ต้าโจวแข่งขันกับต้าเยี่ยน ทว่า ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่กลัวพวกเรา เขาคงคิดว่าพวกเรากำลังยุ่งอยู่กับการแข่งขันกับแคว้นต้าเยี่ยนจึงอยากหยั่งเชิงขีดจำกัดของพวกเราต้าโจว…”
“เราควรสร้างปราการของพวกเราขึ้นใกล้แคว้นเทียนเฟิ่งมากกว่านี้” แววตาของไป๋ชิงอวี๋เต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขากล่าวเสียงแหบพร่า “ถือเป็นการตักเตือนพวกเขา จากนั้นค่อยส่งทูตของเราไปตักเตือนแคว้นตงอี๋เพื่อข่มขู่พวกเขาอีกทาง พี่หญิงใหญ่มีความเห็นเช่นไรขอรับ”
เดิมทีไป๋ชิงอวี๋ไม่อยากเปิดศึกกับแคว้นอื่นระหว่างกำลังแข่งขันกับต้าเยี่ยนเช่นนี้ เมื่อเกิดสงครามขึ้นภาษีจะสูงขึ้น เมืองตัวแทนสำหรับการแข่งขันด้วยการปกครองระหว่างต้าโจวกับต้าเยี่ยนและเมืองอื่นๆ ของต้าโจวจะถูกเก็บภาษีแพงขึ้น นี่ไม่เป็นผลดีต่อต้าโจวเลยสักนิด
พวกเขาสามารถทำสงครามได้! ทว่า ควรทำหลังแข่งขันชนะต้าเยี่ยน มิเช่นนั้นเท่ากับเป็นการเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่นใส่โดยตัวเองไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เหตุใดพวกเขาต้องลำบากทำสงครามอีก!
“ไม่ได้นะเจ้าคะพี่หญิงใหญ่” ไป๋จิ่นจื้อโมโหขึ้นเป็นคนแรก “หานเฉิงอ๋องมีจุดประสงค์แอบแฝงแน่นอน เขาเพิ่งไปถึงต้าเหลียงได้ไม่นานกลับต้องการกำลังทหารเพิ่มจากพี่หญิงใหญ่เช่นนี้! หากเขาได้กำลังทหารเพิ่มก็จะได้เสบียงอาหารเพิ่มด้วย ถึงเวลานั้นเขาต้องก่อกบฏแน่นอนเจ้าค่ะ!”
ไป๋จิ่นจื้อโยนฎีกาไปด้านข้าง “พี่หญิงใหญ่ แม้ภายนอกองค์ชายสามของซีเหลียงผู้อ้วนท้วมคนนั้นจะดูใสซื่อจงรักภักดี ทว่า ความจริงแล้วภายในเขาต้องเป็นคนเด็ดเดี่ยวคนหนึ่งแน่นอนเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นเขาคงไม่ถือตราประทับของจักรพรรดิต้าเหลียงออกมายอมจำนนต่อต้าโจวเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ!”
“พี่หญิงใหญ่ คนเช่นนี้…เสี่ยวซื่อคิดว่าแม่ทัพเฉิง แม่ทัพเสิ่น แม่ทัพหลิ่ว หลู่หยวนเผิง ซือหม่าผิงและแม่ทัพคนอื่นๆ เป็นกังวลถูกแล้วเจ้าค่ะ พวกเราควรยึดอำนาจทางทหารคืนมาจากเขานะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกำหมัดกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “เสี่ยวซื่อยินดีเดินทางไปจับตัวหานเฉิงอ๋องกลับมาจากต้าเหลียงเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีร้อนใจและโมโหของไป๋จิ่นจื้อจึงหันไปมองไป๋ชิงฉี “อาฉีมีความเห็นเช่นไร”
ไป๋ชิงฉีลูบนิ้วตัวเองอย่างใช้ความคิด ครู่ใหญ่จึงกล่าวขึ้น “ข้าไม่เคยรู้จักกับหานเฉิงอ๋องผู้นี้มาก่อนจึงไม่อาจคาดเดาคนผู้นี้ได้ ทว่า ข้าคิดว่าวิธีของอาอวี๋ใช้ได้ขอรับ พวกเราควรขยับปราการป้องกันเข้าไปใกล้แคว้นเทียนเฟิ่งกว่านี้เพื่อข่มขวัญพวกเขา จากนั้นส่งทูตของเราไปข่มขวัญพวกเขาที่แคว้นตงอี๋ต่อ จักรพรรดิองค์น้อยของต้าเยี่ยนผู้นั้นลอบส่งทูตไปติดต่อกับแคว้นตงอี๋อย่างลับๆ แล้วไม่ใช่หรือขอรับ พวกเขาคงยอมมอบอาวุธและเสบียงอาหารให้ตงอี๋ทำสงครามกับต้าโจว หากพวกเราส่งทูตไปหยั่งเชิงท่าทีของแคว้นตงอี๋ที่มีต่อพวกเรา พวกเราจะได้เตรียมความพร้อมได้ถูกขอรับ”
เมื่อหลู่ไท่เว่ยได้ยินไป๋ชิงฉีกล่าวจบแล้วเขาจึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนต่อ “หากเป็นเช่นนี้ฝ่าบาทสามารถระงับฎีกาของหานเฉิงอ๋องไว้ก่อนได้ เมื่อทูตของต้าโจวส่งข่าวกลับมาจากแคว้นตงอี๋เมื่อใดพวกเราค่อยตัดสินใจพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ข้าจะให้กำลังทหารที่หานเฉิงอ๋องต้องการ! ขณะเดียวกันจะส่งทูตไปข่มขวัญพวกเขาที่แคว้นตงอี๋ด้วย”
หลู่ไท่เว่ยไม่ค่อยเข้าใจ เขามองไปทางพวกไป๋ชิงอวี๋แวบหนึ่ง เขาเรียบเรียงคำกล่าวอยู่ในใจจากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท…ทรงเชื่อพระทัยในตัวหานเฉิงอ๋องถึงเพียงนี้เลยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มออกมาน้อยๆ “หานเฉิงอ๋องผู้นี้เคยถูกอดีตจักรพรรดิของต้าเหลียงกดไว้จนไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้ ความจริงเขาไม่ได้ทะเยอทะยานอยากได้บัลลังก์ เขาแค่อยากสร้างผลงานของตัวเองเท่านั้น ครั้งนี้ข้าให้โอกาสเขา เขาต้องทำมันให้ดีที่สุดแน่นอน หานเฉิงอ๋องไม่มีทางเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุงแน่!”
“ฝ่าบาท ตอนที่ฝ่าบาททรงอนุญาตให้หานเฉิงอ๋องนำทัพทหารเรือไปยังต้าเหลียงก็ทำให้ขุนนางในราชสำนักไม่พอใจมากแล้ว หากทรงมอบกำลังทหารให้หานเฉิงอ๋องเพิ่มอีกในขณะที่กำลังเดิมพันแคว้นกับต้าเยี่ยน…” หลู่ไท่เว่ยเม้มปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “สำหรับต้าโจวแล้วการแข่งขันกับต้าเยี่ยนคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เกรงว่าขุนนางในราชสำนักอาจกังวลและคิดว่าฝ่าบาททรงเข้าข้างหานเฉิงอ๋องมากเกินไปได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ความจริงขุนนางบางส่วนยังไม่เห็นด้วยที่ไป๋ชิงเหยียนนำแคว้นไปเดิมพันกับต้าเยี่ยน
ทว่า ตั้งแต่ไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์มาจนถึงตอนนี้หญิงสาวไม่เคยสนใจคำคัดค้านของพวกเขาในเรื่องที่นางตัดสินใจทำลงไปแล้ว อีกทั้งยังเดินหน้าทำต่อไปอย่างไม่ยำเกรง ผลสุดท้ายทุกคนจึงเห็นว่าสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนทำลงไปเป็นสิ่งที่ถูกต้องดังนั้นครั้งนี้เมื่อไป๋ชิงเหยียนยืนกรานที่จะเดิมพันกับต้าเยี่ยน ขุนนางคนอื่นๆ จึงค่อยๆ เริ่มคล้อยตามหญิงสาวทีละนิด พวกเขาเชื่อว่าจักรพรรดินีที่ทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่เคยทำอย่างไป๋ชิงเหยียนจะสามารถรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งได้ด้วยสันติวิธี
ต่อมาบรรดาแม่ทัพจึงเริ่มคล้อยตาม พวกเขาคิดว่าหากชนะก็ดีไป หากไม่ชนะพวกเขาก็แค่ไม่ยอมรับและทำสงครามกับต้าเยี่ยนอีกครั้ง ใต้หล้าแห่งนี้ผู้ชนะคือจักรพรรดิ ผู้แพ้คือโจรเสมอ
มีเพียงขุนนางที่ไป๋ชิงเหยียนไว้วางใจอย่างพวกหลู่ไท่เว่ยเท่านั้นที่รู้ว่าหญิงสาวให้ความสำคัญกับชาวบ้านเป็นอันดับหนึ่ง ทว่า หากกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกไป พวกที่ไม่เข้าใจตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนและพวกที่ไม่ได้มีปณิธานกว้างใหญ่อย่างพวกเขาไม่มีทางเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน