ตอนที่ 1416 ปากร้าย
ที่สำคัญในใจของเขาไม่มีผู้ใดเทียบซูมู่ได้
ไป๋ชิงอวี๋กระพริบตาเล็กน้อยเพื่อซ่อนความรู้สึกในแววตาเอาไว้ในส่วนลึก ชายหนุ่มขี่ม้าตรงไปยังจวนไป๋
“พี่หญิงใหญ่ พี่ชายห้าบอกว่าพี่หญิงใหญ่ต้องการพบข้าหรือเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นจื้อเดินเข้าไปด้านในก็เห็นไป๋ชิงเหยียนกำลังอุ้มสี่เล่อและคังเล่ออยู่
เมื่อเห็นไป๋จิ่นจื้อเดินเข้ามาไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้ถงหมัวมัวและแม่นมอุ้มลูกน้อยทั้งสองออกไปก่อน จากนั้นตบที่นั่งข้างกายตัวเองพลางเรียกให้น้องสาวเดินมานั่งยิ้มๆ
“มานั่งนี่!”
ไป๋จิ่นจื้อรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว นางตะโกนบอกถงหมัวมัว
“หมัวมัวอย่าอุ้มสี่เล่อกับคังเล่อไปไกลนะ เดี๋ยวข้าจะเล่นกับพวกเขา”
ถงหมัวมัวรับคำยิ้มๆ
“เจ้าค่ะคุณหนูสี่ บ่าวจะอุ้มองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้องไปพักที่ห้องข้างๆ คุณหนูสี่สนทนากับคุณหนูใหญ่ไปก่อนนะเจ้าคะ เด็กๆ ได้เวลาดื่มนมพอดีเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อมองส่งถงหมัวมัวจากไปจนลับตา จากนั้นนั่งลงข้างกายไป๋ชิงเหยียน ดวงตาดำขลับของนางจ้องไปทางพี่สาวอย่างสงสัย
“พี่หญิงใหญ่มีเรื่องใดจะสั่งให้ข้าทำหรือเจ้าคะ”
“พี่มีเรื่องจะถามเจ้า ตอนนี้ท่านอาสะใภ้สามกำลังหาคู่ครองให้เจ้าหมั้นหมาย เจ้ามีคนในใจแล้วหรือไม่ หากมีสามารถบอกพี่ได้…”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลงจึงรีบกล่าวต่อ
“เจ้าจงคิดให้ดี หากเจ้ายอมบอกออกมาบางทีพี่อาจพอช่วยเจ้าเกลี้ยกล่อมท่านอาสะใภ้สามได้ ทว่า หากเจ้าไม่บอก บิดามารดามีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของบุตร เจ้าจะมาเสียใจภายหลังไม่ได้นะ!”
“พี่หญิงใหญ่ เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงเป็นไปกับท่านแม่อีกคนเจ้าคะ!”
ไป๋จิ่นจื้อมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสายตาจริงจัง
“ตอนนั้นพวกพี่ชายของเจ้ายังไม่กลับมา สตรีตระกูลไป๋ต้องช่วยกันประคับประคองตระกูลไป๋ ทว่า ตอนนี้เจ้าสามารถเลือกบุรุษที่เจ้าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยตลอดไปมาเป็นคู่ครองของเจ้าได้ เจ้าต้องคิดเรื่องนี้ให้ดี”
ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ
“ตอนนี้เจ้าคือเกาอี้อ๋อง เมื่อแต่งงานเจ้าจะมีจวนเป็นของตัวเอง ต่อให้เจ้าต้องแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้ของตระกูลอื่นก็จะไม่มีแม่สามีคนใดกล้าสร้างปัญหาให้เจ้าแน่นอน เจ้าควรคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว”
“ทว่า บุรุษตระกูลใดจะอยากแต่งงานกับข้า ย้ายมาอยู่ในจวนอ๋องกับข้าและฐานะด้อยกว่าภรรยาของตัวเองเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นจื้อรู้สึกว่าการหาสามีเป็นเรื่องยากดังนั้นจึงไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังมาก่อน
“หากพวกเจ้าสองสามีภรรยาเป็นขุนนางในราชสำนักทั้งคู่ล่ะ เสี่ยวซื่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าญาติผู้น้องฉางชิ่งของพี่มีใจให้เจ้า แต่เขารู้ว่าเจ้าไม่ได้มีใจให้จึงเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ”
ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถึงบุตรอนุต่งฉางชิ่งของท่านลุงต่งชิงผิง
ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน ใบหูของนางแดงก่ำขึ้นมาทันที นางรู้ว่าพี่หญิงใหญ่ไม่เคยโกหกนาง ทว่า ต่ง…ต่งฉางชิ่งไม่เคยสารภาพกับนางมาก่อน!
“ไหนจะหลู่หยวนเผิงกับซือหม่าผิงอีก เจ้าเห็นพวกเขาทั้งสองเป็นสหาย ทว่า ไม่ว่าอย่างใดเจ้าก็เป็นสตรี เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสองรู้สึกกับเจ้าเช่นใด”
ไป๋จิ่นจื้อรีบสายหน้ารัวพลางแสดงสีหน้าราวกับเห็นผีออกมา
“พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่เชื่อเรื่องนี้เจ้าค่ะ หลู่หยวนเผิงไม่ทะเลาะกับข้าวันหนึ่งก็เหมือนจะลงแดงตาย ส่วนยามซือหม่าผิงสนทนากับข้าก็แทบทำให้ข้าสำลักตาย สองคนนี้ชอบหาเรื่องข้า หากข้าไม่ต่อยตีพวกเขาจนอยู่หมัด พวกเขาจะว่าง่ายเช่นนี้หรือเจ้าคะ!”
“ที่สำคัญความจริงจิตใจข้างในของหลู่หยวนเผิงเป็นเพียงสาวน้อยขี้แยคนหนึ่งเท่านั้น! พี่หญิงใหญ่รู้หรือไม่เจ้าคะว่าตอนเขาทำสงครามเขาร้องไห้จนตาแดงก่ำไปหมด ทั้งยังใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีแต่สตรีใช้เช็ดน้ำตาของตัวเองด้วยเจ้าค่ะ ข้าแทบทนดูไม่ได้เจ้าค่ะ!”
ไป๋จิ่นจื้อเล่าเรื่องน่าอายของหลู่หยวนเผิงให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างสนุกปาก
“แล้วซือหม่าผิงล่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ
“ซือหม่าผิง…”
ไป๋จิ่นจื้อหยุดคิดอย่างตั้งใจ
“พี่หญิงใหญ่ ข้าคิดว่าซือหม่าผิงชอบเพศเดียวกัน เขาชอบหลู่หยวนเผิงเจ้าค่ะ! เขาเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยหลู่หยวนเผิงในสนามรบ ไม่เคยบ่นสักครั้งเมื่อพลอยเดือดร้อนตามหลู่หยวนเผิง! ยกตัวอย่างเรื่องที่ประตูอู่เต๋อ ด้วยสติปัญญาของซือหม่าผิงเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าไม่ควรทำ ทว่า เขาก็ยังตามมาเพราะหลู่หยวนเผิงเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นจื้อวิเคราะห์ให้ไป๋ชิงเหยียนฟังด้วยท่าทีจริงจัง
“ไป๋ จิ่น จื้อ!”
ไป๋ชิงเหยียนขึ้นเสียงสูงขัดบทสนทนาของน้องสาว
“ยังกล้ากล่าววาจาเหลวไหลอีก!”
“พี่หญิงใหญ่…”
ใบหูของไป๋จิ่นจื้อแดงก่ำ
“ข้าเห็นพวกเขาเป็นสหายมาโดยตลอด จู่ๆ พี่หญิงใหญ่มาบอกข้าว่าพวกเขา…พวกเขามีใจให้ข้า ข้า…ข้าสนิทกับพวกเขามาก ข้าทำให้พวกเขาสมหวังกันเองดีหรือไม่เจ้าคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนหลุดขำกับความคิดเลอะเลือนของไป๋จิ่นจื้อ นางเอื้อมมือลูบศีรษะน้องสาวอย่างแผ่วเบา
“แม้เสี่ยวซื่อของพวกเราจะโตเป็นสาวแล้ว ทว่า ใจยังคงเป็นเด็กเหมือนเดิม”
“ช่างเถิด…”
ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเองเล็กน้อย
“ท่านอาสะใภ้สามคงกำลังยุ่งอยู่กับการหาคู่ครองให้เจ้า พี่ได้ยินพี่หญิงรองของเจ้าเล่าว่าท่านอาสะใภ้สามเลือกคู่ครองที่เหมาะสมกับเจ้าได้สองสามตระกูลแล้ว ล้วนเป็นบุตรคนเล็กไม่ก็คนที่สองของตระกูล…พวกเขาสามารถย้ายออกมาอยู่ตามลำพังได้ ท่านอาสะใภ้สามคิดเพื่อเจ้ามากจริงๆ พี่ได้ยินพี่หญิงรองบอกว่าท่านอาสะใภ้สามอยากจะจัดการเรื่องการแต่งงานของเจ้าให้เสร็จภายในปีนี้!”
“ว่าอย่างใดนะเจ้าคะ!”
ไป๋จิ่นจื้อเริ่มร้อนรน
“พี่อยากให้เจ้ามีคนคอยอยู่เคียงข้างไปจนแก่เฒ่า ดังนั้นเจ้าต้องค้นหาใจตัวเองให้เจอ! หากเจ้ารู้ใจของตัวเองแล้วพี่จะได้ช่วยกล่าวกับท่านอาสะใภ้สามให้”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีเคว้งคว้างของน้องสาวจึงเอื้อมมือไปลูบผมนางเบาๆ
“ไปเล่นกับสี่เล่อและคังเล่อเถิด”
ไป๋ชิงเหยียนเรียกไป๋จิ่นจื้อมาในวันนี้เพราะต้องการรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของน้องสาว หากไป๋จิ่นจื้อยังไม่รู้ใจตัวเองนางก็ควรเริ่มคิดเรื่องนี้ได้แล้ว ไม่ควรเป็นผู้อื่นเป็นสหายไปเสียหมด
ไป๋จิ่นจื้อเดินออกมาจากตำหนักอย่างงุนงง ในสมองเต็มไปด้วยคำกล่าวของพี่หญิงใหญ่ที่บอกว่าหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงชอบนาง
ใบหูของไป๋จิ่นจื้อแดงก่ำ นางเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง เมื่อรู้ว่ามีคนมาแอบชอบจึงอดรู้สึกดีใจไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้นางโดดแดดจนผิวคล้ำและแตกแห้งไปหมด ไม่ใช่สตรีสูงศักดิ์งดงามในเมืองหลวงเหมือนคนอื่นๆ จะมีคนมาชอบนางได้อย่างไรกัน!
หลู่หยวนเผิงชอบมาชวนนางทะเลาะทั้งวัน…
ส่วนซือหม่าผิง…ปากร้ายยิ่งนัก
ตอนที่กองทัพใหญ่รวมตัวกันเพื่อบุกโจมตีเมืองอวิ๋นจิง ไป๋จิ่นจื้อได้ยินว่าคนอื่นๆ กำลังทำสงครามกันอย่างดุเดือดในเมืองจึงขี่ม้าเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาในเมือง ทว่า กองทัพซีเหลียงกลุ่มหนึ่งซึ่งโผล่มาจากที่ใดไม่รู้ไล่ตามฆ่าไป๋จิ่นจื้อไปจนถึงตำแหน่งที่หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงซุ่มโจมตีอยู่ สองกองทัพร่วมมือกันจนกำจัดทหารซีเหลียงที่พร้อมสู้จนตัวตายราวกับหมาจนตรอกได้สำเร็จ