ตอนที่ 1419 ชั่วชีวิต
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือหลิ่วซื่อ จากนั้นหันไปเอ่ยกำชับ “ชุนเถา เจ้าปรนนิบัติท่านอาสะใภ้สองอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ จากนั้นให้เว่ยจงไปส่งท่านอาสะใภ้สองที่จวนไป๋ด้วยตัวเอง”
“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารับคำยิ้มๆ
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเดินไปถึงห้องตำรา ไป๋ชิงอวี๋ ไป๋ชิงฉี ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นจื้อกำลังนั่งดื่มชาทานขนมอยู่ด้านใน
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามาไป๋จิ่นจื้อจึงรีบเช็ดเศษขนมที่ติดอยู่ที่มุมปากออก จากนั้นลุกขึ้นยืนทำความเคารพ “เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงเพิ่งมาเจ้าคะ”
“ท่านอาสะใภ้สองคิดถึงพี่จึงเข้าวังมาเยี่ยม พี่เพิ่งสนทนากับท่านอาสะใภ้สองเสร็จ เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จก็มาที่นี่ทันที” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ แล้วนั่งลงบนโต๊ะ นางมองไปทางไป๋จิ่นซิ่ว “จิ่นซิ่ว ครั้งนี้คงต้องรบกวนคนในสำนักตรวจสอบของเจ้าไปตรวจสอบแล้วว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังการสร้างปัญหาให้เสิ่นเทียนจือบ้าง”
ไป๋จิ่นซิ่วได้สติจึงรีบรับคำ
ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกว่ามารดาของนางไม่ได้เข้ามาหาไป๋ชิงเหยียนในวังหลวงเพราะแค่คิดถึงอย่างเดียวเท่านั้น มิเช่นนั้นนางสามารถเข้ามาในวังเมื่อใดก็ได้ เหตุใดต้องมาแต่เช้าตรู่เช่นนี้ด้วย
ช่วงนี้มารดาของนางเอาแต่เหม่อลอย ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกว่ามารดามีเรื่องในใจ ทว่า ไม่ยอมระบายให้นางฟัง จู่ๆ ไป๋จิ่นซิ่วก็นึกถึงเรื่องการย้อนเวลาที่กำลังลือกันหนาหูในเมืองหลวงขึ้นมาได้
มารดาของนางมาพบพี่หญิงใหญ่ในวังหลวงเพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ!
“พี่หญิงใหญ่จะลอบลงโทษคนเหล่านี้หรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถาม
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “จำนามของพวกเขาไว้ ต่อไปไม่ต้องใช้งานพวกเขาอีกก็พอ เมื่อมีโอกาสเหมาะสมค่อยลดตำแหน่งของพวกเขาและให้ผู้อื่นรับตำแหน่งแทน เมื่อครู่พี่เพิ่งบอกไปว่าให้เรื่องนี้จบลงเพียงเท่านี้ พวกเราเพิ่งสถาปนาแคว้นใหม่ขึ้นได้ไม่นาน พี่ไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว ไม่อยากให้ขุนนางในราชสำนักเอาแต่รักตัวกลัวตาย หากอยากให้แคว้นของพวกเราเจริญรุ่งเรืองสืบไปทุกคนในราชสำนักต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่ใช่ทำให้ราชสำนักกลายเป็นของพี่แต่เพียงผู้เดียว”
“พี่หญิงใหญ่กล่าวถูกต้องแล้วขอรับ” ไป๋ชิงฉีพยักหน้า “ครั้งนี้ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู พวกเราควรทำอย่างมีขอบเขต วันหน้าพวกเขาคงไม่กล้าหาเรื่องเสิ่นเทียนจือแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพักพวกเราค่อยหาคนที่เหมาะสมกว่าไปรับตำแหน่งแทนคนเหล่านั้น ทว่า ข้าคิดว่าหนึ่งในพวกเราควรเดินทางไปควบคุมสถานการณ์ที่ต้าเยี่ยนด้วยขอรับพวกเขาจะได้ไม่กล้าก่อปัญหากันขึ้นอีกขอรับ”
“หากส่งพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งไปเท่ากับเข้าแผนของไทเฮาแห่งต้าเยี่ยน พี่เชื่อว่าเสิ่นเทียนจือสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี” ไป๋ชิงเหยียนหยิบรายงานลับสามฉบับออกมาจากใต้โต๊ะ จากนั้นส่งให้บรรดาน้องๆ “นี่คือฎีกาของสายลับข้างกายของหานเฉิงอ๋อง ฎีกาที่สายลับจากแคว้นตงอี๋ส่งไปยังเมืองหานและฎีกาที่หานเฉิงอ๋องส่งมาให้พี่ด้วยตัวเอง แคว้นตงอี๋ไม่ยอมอยู่อย่างสงบจริงๆ”
แคว้นเล็กที่ชอบก่อปัญหาอย่างแคว้นตงอี๋กล้าขับไล่ชาวประมงของต้าโจวออกจากพื้นที่ แม้จะยังไม่ได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ทว่า หานเฉิงอ๋องบอกว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดชายทะเลล้วนหาเลี้ยงชีพด้วยการหาปลา พวกเขาไม่เคยถูกขับไล่มาก่อน
ชาวประมงเหล่านั้นล้วนเป็นชาวบ้านอ่อนแอไร้ทางต่อสู้ ทหารเรือของแคว้นศัตรูออกมาขับไล่พวกเขาไปจากทะเลพวกเขาจึงได้แต่เก็บแหกลับเข้าฝั่ง
“ข้าเคยศึกษาวิถีชีวิตของชาวประมงเหล่านี้จากตำราหลายเล่ม พวกเขาเคยออกเรือหาปลาอยู่กลางทะเลนานสุดถึงหนึ่งเดือน หากเร็วหน่อยก็สามถึงห้าวัน ระหว่างที่หลิ่วหรูซื่อเดินทางไปเจรจากับแคว้นตงอี๋ให้ชาวประมงเหล่านั้นออกไปหาปลาระยะสั้นโดยมีทหารเรือของเราคอยคุ้มกันไปก่อน แคว้นตงอี๋คงไม่กล้าทำอันใดวู่วามในตอนนี้” ไป๋ชิงอวี๋ส่งฎีกาลับให้ไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “นอกเสียจากว่าพวกเขาอยากประกาศสงครามกับพวกเราจริงๆ !”
“ข้าเห็นด้วยกับวิธีของพี่ชายห้าเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อรีบกล่าวขึ้น
ไป๋จิ่นจื้อคิดว่าแคว้นตงอี๋กล้าขับไล่ชาวประมงของต้าโจวไม่ให้หาปลาในท้องทะเล ต้าโจวก็ควรเปิดสงครามกับพวกนั้นไปเสียให้สิ้นเรื่อง
ไป๋จิ่นจื้อเห็นว่านอกจากบันทึกวิถีชีวิตของชาวประมงและตำราอื่นๆ แล้ว บนโต๊ะของพี่หญิงใหญ่ยังมีตำราพิชัยสงครามทางทะเลของแม่ทัพขึ้นชื่อของต้าเหลียงอีกหลายคนวางไว้ด้วย เห็นได้ชัดว่าพี่หญิงใหญ่อยากทำสงครามกับตงอี๋เช่นเดียวกัน
“ต้องบอกเรื่องนี้ให้หลิ่วหรูซื่อรับรู้ไว้ด้วย เมื่อพวกเขาไปถึงแคว้นตงอี๋จะได้รับมือตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าว
“พี่จะรีบให้คนส่งจดหมายไปให้หานเฉิงอ๋องเดี๋ยวนี้ อีกทั้งบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องรายงานพี่ทุกเรื่อง บางเรื่องเขาสามารถตัดสินใจเองได้เลย” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาขึ้นจิบ จากนั้นกล่าวต่อด้วยเสียงจริงจัง “ทว่า พวกเราต้องเตรียมตัวสำหรับสงครามไว้ก่อน ให้เหล่าทหารหมั่นฝึกฝนให้มากกว่าเดิม หากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ พี่คงต้องส่งพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งไปที่นั่นเพื่อควบคุมสถานการณ์”
“ข้าไปเองขอรับ!”
“ข้าไปเองขอรับ!”
“ข้าไปเองขอรับ!”
ไป๋ชิงฉี ไป๋ชิงอวี๋และไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวออกมาพร้อมกัน
ส่วนไป๋จิ่นจื้อปกติชอบอาสากลับไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น ครั้งนี้พี่หญิงใหญ่ต้องการคนเดินทางไปควบคุมสถานการณ์ นางรู้ดีว่านางไม่สามารถทำได้
“หากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ ข้าจะไปเอง…” ไป๋ชิงอวี๋มองไปทางไป๋ชิงฉีกับไป๋ชิงเจวี๋ย
“แค่ไปควบคุมสถานการณ์เท่านั้น ไม่ได้ไปเสี่ยงอันตรายที่ด่านหน้า”
“ให้ข้าไปดีกว่า” ไป๋ชิงฉีกล่าวพลางมองไปทางไป๋ชิงอวี๋กับไป๋ชิงเจวี๋ย “หากไม่เกิดสงครามก็ดีไป ทว่า หากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆ ควรให้พี่ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตไป ช่วงนี้ข้าถูกท่านแม่เร่งให้แต่งงานโดยอ้างว่าข้าอายุมากที่สุด หากข้าไปที่นั่น พวกเจ้าจะได้อ้างได้ว่าพี่ชายสามยังไม่แต่งงาน”
ไป๋จิ่นจื้อปิดปากหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่อยู่ สาวน้อยหันไปฟ้องไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่คงยังไม่ทราบ ตอนนี้บรรดาผู้ใหญ่ในจวนต่างยุ่งอยู่กับการหาคู่ครองให้พวกพี่ๆ ไม่ว่าจะโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ฟังเจ้าค่ะ โดยเฉพาะท่านอาสะใภ้ห้าที่ช่วงนี้หมั่นเอารูปของสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงมาให้พี่ชายสามเลือก พี่ชายสามแทบทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”
บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่หายไปทันที ไป๋จิ่นซิ่วหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน
“ช่วงนี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่อยู่เช่นเดียวกัน
บรรดาท่านอาสะใภ้เริ่มคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ที่พวกน้องชายยังไม่กลับมาแล้ว พอพวกเขากลับมายิ่งไม่ต้องกล่าวถึง…
“ทว่า หากถึงวัยที่ควรแต่งงานพี่ก็อยากให้พวกเจ้าพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี” ไป๋ชิงเหยียนอมยิ้ม “อาฉี อาอวี๋ อาเจวี๋ยและอาอวิ๋นไม่ควรรอต่อไปอีกแล้ว เสี่ยวซื่อยังพอรอได้…”
“พี่หญิงใหญ่ เรื่องสำคัญของแคว้นยังไม่สำเร็จ ข้าจะคิดเรื่องความรักได้อย่างไรขอรับ” ใบหูของไป๋ชิงฉีแดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมแล้วค่อยดูแลใต้หล้า…” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงฉี “หากเจ้ามีคนในดวงใจก็บอกกับท่านอาสะใภ้ห้าไปตรงๆ ท่านอาสะใภ้ห้าไม่ใช่คนดูถูกฐานะของผู้อื่น ที่สำคัญตอนนี้ตระกูลไป๋ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเป็นดองกับตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง พี่แค่อยากให้พวกเจ้าทุกคนพบกับคนที่พวกเจ้ารักและครองคู่กันอย่างมีความสุขไปชั่วชีวิต!”
“พี่หญิงใหญ่ ตอนนี้ต้าโจวกำลังต้องการกำลังคน พวกเราจะกล้าคิดเรื่องอื่นได้เช่นไรขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น