ตอนที่ 432 ฉันเป็นแฟนเขาค่ะ
ตอนที่ 432 ฉันเป็นแฟนเขาค่ะ
เย่ไป๋ติดต่อเพื่อนร่วมงานของเขาที่ทำงานในโรงพยาบาลไห่เฉิง ทันทีที่รถขับมาถึงทางเข้าโรงพยาบาล ก็มีเจ้าหน้าที่มารอรับเขาเข้าไป
หมอเห็นว่าเขาสวมแค่เสื้อกล้ามสีขาว ส่วนเสื้อเชิ้ตผูกไว้รอบเอวต่างผ้าพันแผล ยิ่งเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าสีขาวเหล่านั้นเปื้อนเลือดแดงฉาน พวกเขาก็ตกใจมากถึงขั้นแตกตื่น
เขาถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว
เซี่ยอวี่รออย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างนอกตามลำพัง
หล่อนส่งเพจเจอร์ไปหาเฉินเจียเหอ แต่เฉินเจียเหออาจจะไม่ว่าง รออยู่นานก็ไม่มีการโทรกลับเลย
เย่ไป๋ขอร้องหล่อนว่าอย่าเพิ่งแจ้งครอบครัวของเขา ดังนั้นเพื่อนคนเดียวของเย่ไป๋ที่หล่อนรู้จักก็คือเฉินเจียเหอ
พอเขาไม่มา ในเวลานี้หล่อนทำได้เพียงนั่งยอง ๆ อยู่นอกประตูห้องฉุกเฉินคนเดียว ทั้งวิตกกังวลและทำอะไรไม่ถูก
เย่ไป๋บาดเจ็บเพราะเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อช่วยหล่อน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หล่อนจะอธิบายให้ครอบครัวเขาฟังได้อย่างไร?
หล่อนจะแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงขนาดนี้ยังไงดี?
สิ่งที่ทำให้หล่อนสับสนมากที่สุด คือทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาปรากฏตัวที่หน้าปากซอยเพื่อช่วยหล่อนได้ทันเวลา?
ไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าเย่ไป๋ไม่ปรากฏตัว แล้วผู้หญิงอย่างหล่อนถูกรายล้อมไปด้วยชายกักขฬะร่างใหญ่สามคนนั้น?
เซี่ยอวี่ยืนขึ้น เดินไปมาที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจ รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ซึ่งกลายเป็นรองเท้าส้นแบนไปแล้วดูแปลกตา ปกติหล่อนมักจะใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองเสมอ แต่ในขณะนี้หล่อนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความคิดทั้งหมดล้วนอยู่ที่ผู้ชายในห้องฉุกเฉิน
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูก็เปิดออก
หมอหนุ่มสวมเสื้อกาวน์ตัวยาวสีขาวและหน้ากากเดินออกมา เซี่ยอวี่รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อสอบถาม
“คุณหมอ อาการของเย่ไป๋เป็นยังไงบ้างคะ?”
“อืม…” หมอหนุ่มหลบเลี่ยงสายตา ครุ่นคิดบางอย่าง แต่ลังเลที่จะพูด
เมื่อเห็นอย่างนั้น เซี่ยอวี่ก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น ทันใดนั้นก็เกิดลางสังหรณ์ที่เป็นลางไม่ดีขึ้นมา กรามสั่นฟันกระทบกันกึก ๆ ถามอีกครั้งว่า “คุณหมอคะ บอกฉันหน่อยค่ะ เย่ไป๋เป็นยังไงบ้าง? อาการของเขาตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า?”
หมอหนุ่มมองหน้าหล่อนแล้วถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณเป็นอะไรกับเขาเหรอครับ?”
เซี่ยอวี่ตอบกลับ “ฉันเป็นเพื่อนเขาค่ะ”
“เพื่อนงั้นเหรอ แล้ว…” หมอหนุ่มยังคงทำหน้าตาครุ่นคิดต่อไป มองหล่อนแล้วถามว่า “เขาได้รับบาดเจ็บแบบนี้ได้ยังไง?”
เซี่ยอวี่รู้สึกผิด “เขาปกป้องฉันค่ะ”
“งั้นผมเกรงว่าคุณน่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนสำหรับเขาใช่ไหมครับ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เซี่ยอวี่ก็เงยหน้าขึ้นมองคุณหมอด้วยความสับสน
ดูเหมือนหล่อนจะเห็นร่องรอยสัพยอกระคนนินทาในดวงตาของเขา
หมอหนุ่มสบตาเซี่ยอวี่ที่อยู่ในความงงงวย จากนั้นก็กระแอมเบา ๆ และอธิบายอย่างจริงจัง
“ทางเราไม่สามารถเปิดเผยอาการของผู้ป่วยให้ผู้อื่นทราบโดยพลการ ถ้าคุณเป็นแค่เพื่อนของเขาจริง ๆ หมอขอแนะนำให้คุณโทรหาญาติหรือแฟนของเขาแทน เพราะอาจมีการเซ็นให้ความยินยอมหรืออะไรสักอย่าง”
“ฉันเป็นแฟนเขาค่ะ”
เซี่ยอวี่มองไปที่เขาและพูดอย่างเร่งด่วน “ฉันนี่แหละแฟนเขา เขาเป็นยังไงบ้างคะ? กรุณาบอกฉันเถอะ”
เมื่อหมอหนุ่มได้ยินการแนะนำสถานะของตัวเองจากปากเซี่ยอวี่ คราวนี้เหมือนเขาอ้าปากร้องอ้อ การซุบซิบนินทาในแววตายิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่
เมื่อเห็นว่าเขายังคงเงียบ เซี่ยอวี่ก็ถามต่อ “ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าเขาเป็นยังไงบ้าง? เขาไม่อยู่ในขีดอันตรายแล้วใช่ไหม?”
คุณหมอกลับมารู้สึกตัว ตอบกลับว่า “ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตครับ แค่ต้องเย็บแผลนิดหน่อย ใช้เวลาพักฟื้นระยะหนึ่ง และให้ยาบรรเทาอาการอักเสบ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี่ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกทันที เอนตัวพิงกำแพงราวกับเรี่ยวแรงหายไปทั้งหมด
ขอแค่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็ดีแล้ว
ตราบใดที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต…
ไม่อย่างนั้น หล่อนไม่รู้จะอธิบายให้ครอบครัวของเย่ไป๋ฟังอย่างไรจริง ๆ
แต่ว่า…
ในเมื่อชีวิตของเขาไม่ตกอยู่ในขีดอันตราย หมอคนนี้พยายามหยั่งเชิงกับหล่อนไปเพื่ออะไรกัน เมื่อสักครู่นี้เหมือนเขาทำหน้าลำบากใจที่จะบอกข่าวร้ายอย่างไรอย่างนั้น?
ขณะที่หล่อนกำลังบ่นอยู่ในใจ หมอหนุ่มก็พูดอีกครั้งว่า “คุณผู้หญิงครับ คุณหมอเย่ต้องรักคุณมาก เพราะเขาไม่ลังเลเลยที่จะช่วยชีวิตคุณ ถ้าปลายมีดแทงลึกลงไปกว่านี้อีกนิดเดียว สถานการณ์คงเกินเยียวยาแล้ว”
เมื่อเซี่ยอวี่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด หัวใจของหล่อนก็เต้นรัว พร้อมกันนั้นก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“หมอเย่จะถูกส่งตัวขึ้นไปที่แผนกผู้ป่วยในเพื่อรับการรักษาต่อไป คุณสามารถเข้าไปเยี่ยมเขาได้ในอีกไม่นานนะครับ”
เซี่ยอวี่พยักหน้าอย่างสุภาพกับหมอ “ขอบคุณค่ะ”
เซี่ยอวี่วิ่งไปที่แผนกผู้ป่วยใน โดยที่เย่ไป๋นอนอยู่บนเตียง แขนระโยงระยางไปด้วยสายน้ำเกลือและยา
เสื้อผ้าเปื้อนเลือดบนร่างกายของเขาถูกถอดออกไปแล้ว ตอนนี้เขาสวมเสื้อผู้ป่วยของโรงพยาบาล
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นหน้าขา อารมณ์ที่ซับซ้อนทุกอย่างก็พลุ่งพล่านขึ้นมาปะปนกัน จนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
หล่อนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งจนอยากจะร้องไห้
ขณะที่กำลังจะอ้าปากเพื่อถามไถ่ เขาก็ยิ้มและเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน “ผมไม่เป็นไรแล้ว บาดเจ็บแค่ภายนอก ไม่ต้องกังวลนะ”
“แต่คุณหมอบอกว่าถึงขั้นเย็บแผล”
“นิดหน่อยเอง”
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว” เขามองหน้าหล่อนแล้วพูดอย่างจริงจัง “จากนี้คุณอย่าออกไปไหนมาไหนข้างนอกคนเดียวอีก ระบบความปลอดภัยตามถนนและตรอกซอกซอยเล็ก ๆ บางแห่งในไห่เฉิงไม่ได้ทั่วถึงขนาดนั้น คนสวยแบบคุณไม่ควรเดินถนนคนเดียว ยิ่งพอเดินผ่านซอยเล็กยิ่งโดนเอาเปรียบได้ง่าย”
เซี่ยอวี่พยักหน้า “เข้าใจแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะระวังตัวให้มาก”
เย่ไป๋ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอาการผมดีขึ้นเมื่อไหร่ คุณจะจ้างผมเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวก็ได้นะ ดาราดังอย่างคุณควรมีผู้คุ้มกันสักคนติดสอยห้อยตามทุกครั้งที่คุณออกไปข้างนอก”
เซี่ยอวี่เห็นว่าเขาเป็นแบบนี้แต่ก็ยังคิดจะหยอกล้อหล่อนเล่นอีก หล่อนก็กลอกตาใส่เขา โจมตีเขาทันควัน “บอดี้การ์ดอะไรล่ะ? ดูทักษะในการป้องกันตัวเองของคุณสิ เมื่อกี้นี้ยังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เย่ไป๋ “…”
เขามองหล่อนด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาและโศกเศร้า เซี่ยอวี่ฉุกใจคิดได้ว่าตัวเองนี่ช่างเป็นหมาป่าตาขาวเสียจริง อีกฝ่ายช่วยชีวิตตัวเองแท้ ๆ ยังไปค่อนแขวะเขา จึงรีบปลอบใจ
“อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวหาว่าคุณอ่อนแอ”
เย่ไป๋ “ผมว่าผมแข็งแรงพอ”
เซี่ยอวี่ “!!”
ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ยังอ่อนประสบการณ์ คำพูดของเขารวมกับการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความหมายคลุมเครือของเขา ทำให้หล่อนคิดเตลิดไปไกล
หล่อนหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย
เย่ไป๋เห็นหล่อนหันหลังให้ด้วยความอึดอัดใจ ริมฝีปากของเขาก็เผยรอยยิ้ม สายตาตกลงไปที่เท้าของหญิงสาว แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ส้นรองเท้าคุณหัก ใส่แบบนี้ไม่เจ็บเท้าเหรอ?”
“ไม่เจ็บ”
เซี่ยอวี่หยิบกระติกน้ำร้อนในห้องขึ้นมา แล้วขอตัวออกไปเติมน้ำ
เย่ไป๋ห้ามไม่ให้หล่อนทำอะไร บอกให้รอพยาบาลมาจัดการ แต่เซี่ยอวี่ไม่ได้ทำตามที่เขาพูด เดินออกจากห้องผู้ป่วยไปพร้อมกับกระติกน้ำร้อนในมือ
เฉินเจียเหอเดินเข้ามาในห้องหลังจากนั้น ยังคงสวมชุดทำงานที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคราบน้ำมันเครื่อง
พอเขาเห็นแขนเย่ไป๋ระโยงระยางไปด้วยเข็มต่าง ๆ จึงถามอย่างรวดเร็ว “เหล่าเย่ เกิดอะไรขึ้น?”
เย่ไป๋ตอบกลับเบา ๆ “ไม่มีอะไร ฉันแค่โดนแทงขณะต่อสู้กับพวกอันธพาล”
เฉินเจียเหอก้าวไปข้างหน้าและถอดเสื้อผ้าออก “โดนตรงไหนล่ะ?”
“เอวด้านหลัง”
เย่ไป๋ขยับร่างกาย ชี้ไปยังตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บ
เฉินเจียเหอเข้ามาใกล้ เปิดเสื้อผู้ป่วยขึ้นแล้วมองดู
ผ้ากอซชิ้นใหญ่เบ้อเร่อแปะอยู่
เขาถามด้วยความเป็นห่วง “ไตของนายยังอยู่ดีไหมเนี่ย?”
เย่ไป๋เหลือบมองเขา แล้วอธิบายอย่างเงียบ ๆ “แผลแทงไม่ลึกถึงไต”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเจียเหอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว นายยังไม่ทันจะแต่งงานเลย”
เฉินเจียเหอมองไปรอบๆ ห้องพักผู้ป่วย และถามอย่างสงสัย “คุณอาส่งเพจเจอร์มาหาฉัน แล้วหล่อนไปไหนซะล่ะ? นายบาดเจ็บได้ยังไง? อย่าบอกนะว่าทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม?”
เมื่อพูดถึงเรื่องวีรบุรุษช่วยสาวงาม ดวงตาของเย่ไป๋พลันเคร่งเครียด ตอบกลับทันที “อืม ไอ้เวรพวกนั้นจะฉุดหล่อน”
เย่ไป๋เล่าสถานการณ์คร่าว ๆ ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน
โชคดีที่จู่ ๆ เขาก็นึกอยากสูบบุหรี่ โชคดีที่เขาตัดสินใจเดินย้อนไปร้านขายของชำ และโชคดียิ่งกว่าที่เขาบังเอิญได้ยินการสนทนาระหว่างชายขี้เมาทั้งสอง
จะเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนบ้าง ถ้าตอนนั้นเขาขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปอีกทาง?
เขาไม่กล้าคิดถึงมันแล้ว
เฉินเจียเหอถาม “นายแจ้งตำรวจหรือยัง?”
“อืม ฉันขอให้พี่ใหญ่เซี่ยช่วยโทรแจ้งตำรวจแล้ว”
เซี่ยอวี่กลับเข้ามาจากข้างนอกโดยถือกระติกน้ำร้อนไว้ในมือ เฉินเจียเหอเห็นหล่อนจึงเรียกว่าคุณอา
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อรับกระติกน้ำร้อน
ระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นว่าดวงตาของเซี่ยอวี่แดงก่ำ คราบเลือดเปื้อนเปรอะตามกระโปรง ทั้งยังดูหน้าเสียเล็กน้อย จินตนาการได้เลยว่าเหตุการณ์ที่พวกเขาประสบเมื่อครู่จะต้องร้ายแรงมาก
“เหล่าเย่ นายกินข้าวมื้อเย็นหรือยังล่ะ? ต้องแอดมิดตั้งแต่คืนนี้เลยใช่ไหม?”
“ยังไม่ได้กินอะไรเลย” เย่ไป๋พูด “ช่วยออกไปซื้อข้าวกลับเข้ามาให้หน่อย ซื้อมาเผื่อเซี่ยอวี่ด้วย”
“ได้”
“คุณอา อยากกินอะไรครับ?”
เซี่ยอวี่ส่ายหัวอย่างกระสับกระส่าย “ฉันกินไม่ลงหรอก ซื้อของเบา ๆ กลับมาให้เย่ไป๋ก็พอแล้ว”
“ครับ”
เฉินเจียเหอออกไปที่ร้านอาหารหน้าโรงพยาบาลและซื้อบะหมี่กลับมาสองถุง
เซี่ยอวี่แทบไม่ขยับตะเกียบเลย
หล่อนบอกว่าค่อยกินหลังจากกลับถึงบ้าน
เฉินเจียเหอลงไปที่ห้องทำงานของเย่ไป๋เพื่อหากล่องอาหาร จากนั้นเทบะหมี่ลงไปแล้วยื่นตะเกียบให้ “นายคงเสียเลือดไปมาก กินให้เยอะ ๆ จะได้ชดเชยกัน”
หลังมือขวาของเย่ไป๋มีเข็มติดอยู่ เขาใช้มือซ้ายจับตะเกียบหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็คีบอะไรไม่ได้เลย
เขามองไปที่เฉินเจียเหอและเซี่ยอวี่อย่างเชื่องช้า อธิบายด้วยรอยยิ้มเจื่อนว่า “ฉันจับตะเกียบด้วยมือซ้ายไม่ได้”
เฉินเจียเหอ “…”
เขากอดอก มองดูชายที่ไม่แม้แต่จะตักอาหารเข้าปากได้ ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “หรือจะให้ฉันช่วยป้อน?”
เย่ไป๋ปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ไม่เอา นายมันเงอะงะงุ่มง่าม น้ำซุปได้สำลักเข้ารูจมูกฉันแน่”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หมออย่าลองเชิงคุณดาราเขาสิ เขาร้อนใจมากนะคะ
โชคดีที่แผลเย่ไป๋ไม่ลึก
ไหหม่า(海馬)