ตอนที่ 434 ฉันจะวางเงินลงทุนสามแสนหยวน
ตอนที่ 434 ฉันจะวางเงินลงทุนสามแสนหยวน
ตอนแรกอู๋เซิ่งหงไม่มีความหวังใด ๆ หลงเหลือ เมื่อได้ยินหลินเซี่ยบอกว่าเธอต้องการลงทุน เขาถึงกับคิดว่าบางทีเด็กสาวอายุยังน้อยอาจจะไม่รู้ว่าการลงทุนคืออะไร และแค่นึกสนุกอยากใช้จ่ายเงินในกระเป๋าเท่านั้น
จนกระทั่งได้ยินเธอพูดถึงเงินสามแสน อู๋เซิ่งหงก็ตกตะลึง
เพื่อนของเขาเพิ่งจะถอนหุ้นออกไปสามแสนหยวน!
แต่แล้วสาวน้อยคนนี้กลับเสนอเงินลงทุนถึงสามแสนหยวนเพื่อเขาเชียวเหรอ?
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะไปหาเงินสามแสนหยวนมาจากไหน
ถึงอย่างนั้นความจริงที่ว่าเธอสามารถบอกจำนวนเงินสามแสนหยวนออกมาด้วยสีหน้าสงบ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนฟังประทับใจ
เธอดูเหมือนคนที่เคยผ่านโลกมาพอสมควร
ไม่อย่างนั้นหลินเซี่ยคงไม่กล้าหาญขนาดนี้
อู๋เซิ่งหงคิดกับตัวเองด้วยความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเถ้าแก่เซี่ยคนนี้มีความแข็งแกร่งทางการเงินมากจริง ๆ
หลินเซี่ยเห็นอู๋เซิ่งหงมองเธอด้วยสีหน้าแปลก ๆ และไม่ยอมพูดอะไรอยู่นาน ๆ จึงรู้ว่าเขากำลังประเมินความน่าเชื่อถือในคำพูดของเธออยู่
หลินเซี่ยมองเขาและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เถ้าแก่อู๋ อย่าคิดว่าฉันยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องอะไรพวกนี้นะคะ ฉันแต่งงานแล้ว ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความคิดอ่านและการตัดสินใจเป็นของตัวเอง ในเมื่อฉันมาพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตนเอง แสดงว่าฉันกลับไปคิดไตร่ตรองดูดีแล้วค่ะ ฉันอยากร่วมมือกับคุณอย่างจริงใจ และยังศึกษาเอกสารแผนการที่คุณให้เรียบร้อยแล้ว หมู่บ้านถวนเจี๋ยล้อมรอบไปด้วยโรงงาน ถ้าอาคารสำนักงานและห้างสรรพสินค้าถูกสร้างขึ้นในพื้นที่นี้ แล้วเปิดทำการในภายหลัง เจ้าของธุรกิจและพ่อค้าทั้งหลายจะถูกย่านการค้าดึงดูดให้เข้ามาปักหลักตั้งถิ่นฐานที่นี่ คราวนี้คุณก็จะคว้าโอกาสทำเงินจากที่ดินพวกนั้น นี่พิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นคนมองการณ์ไกล ซึ่งฉันประทับใจกับสิ่งนี้มาก คุณมีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างอยู่แล้ว ฉะนั้นฉันเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของคุณ เรามาลงทุนแล้วรอรับเงินปันผลกันเถอะค่ะ”
คำพูดของหลินเซี่ยทำให้สายตาของอู๋เซิ่งหงที่มองเธอเปลี่ยนไปจากเดิม
สีหน้าของเขากลับมาเคร่งขรึม จริงจัง และเต็มไปด้วยความสนใจ
“เสี่ยวหลิน คุณจริงจังหรือเปล่า?”
“จริงจังสิคะ” หลินเซี่ยยืดหลังตรง ทำหน้าตาเคร่งขรึมเช่นกัน “เถ้าแก่อู๋ วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเจรจากับคุณเกี่ยวกับการลงทุน ฉันไม่ได้ล้อเล่นค่ะ หลังจากจัดการธุรกิจที่เชินเฉิงล่วงหน้าเสร็จ ฉันจะกลับไปที่ไห่เฉิงเพื่อเตรียมเงินทุน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะส่งมอบมาให้คุณภายในสองสามวัน และเราค่อยเซ็นสัญญา หรือถ้าคุณพอมีเวลาว่างก็สามารถไปที่ไห่เฉิงเพื่อเซ็นสัญญาได้เหมือนกัน”
การที่หลินเซี่ยตัดสินใจเด็ดขาดแบบนี้ ทำให้อู๋เซิ่งหงรู้สึกว่าโครงการของเขากลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง รวมถึงสถานะของเขาเองด้วย
เขาพูดอย่างกระตือรือร้น “ได้ ตามนั้นเลย”
“แต่อารองของฉันไม่เห็นด้วยกับการลงทุน ดังนั้นฉันเลยปิดเรื่องนี้ไว้จากเขา หวังว่าคุณจะช่วยฉันเก็บมันไว้เป็นความลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาทำลายแผนหุ้นส่วนระหว่างเรานะคะ”
เซี่ยไห่เป็นคนที่ระมัดระวังในการทำธุรกิจมาก ถ้าเขาดอดรู้เข้าว่าเธอจะวางเงินลงทุนกับอู๋เซิ่งหง เขาต้องยืนหยัดต่อต้านมันอย่างหัวชนฝาแน่
ไม่เพียงแต่คัดค้านเท่านั้น ยังจะห้ามไม่ให้อาหญิงให้เธอยืมเงินอีกด้วย
เมื่อหลินเซี่ยพูดแบบนี้ อู๋เซิ่งหงก็เกิดความกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เขาถามอย่างไม่แน่ใจ “เสี่ยวหลิน ใช่ว่าผมไม่เชื่อในตัวคุณ แต่คุณยังเด็กมาก จะเอาเงินที่ว่ามาจากไหน?”
“ครอบครัวฉันมีสถานะการเงินที่ดีประมาณหนึ่งค่ะ แล้วฉันก็เปิดร้านเสริมสวยสองสาขาด้วยตัวเอง ฉันสามารถหาเงินสามแสนหยวนมาจ่ายได้จริง ๆ แต่ฉันยังต้องกลับไปปรึกษาสามีก่อน ไม่ต้องกังวลนะคะ เงินจะเข้าที่เข้าทางภายในครึ่งเดือนแน่”
“ได้ ไว้ผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดเรื่องการแบ่งสรรหุ้นเฉพาะส่วนในที่ดินของอารองกันดีกว่า คุณวางแผนว่าจะคิดเปอร์เซ็นต์ให้เขาเท่าไหร่คะ? ฉันมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อหารือเรื่องหุ้นกับคุณในนามของเขาด้วย หลังจากกลับไปแล้วฉันต้องอธิบายให้เขาฟัง”
“นี่คือสัญญาซื้อขายที่ดินที่ลงนามโดยพ่อค้าและผู้อยู่อาศัยรายอื่น ๆ กับเรา ลองดูตัวเลขด้านบนนะครับ เพราะเราจะแปลงที่ดินตามราคาต่อหน่วย หรือคุณจะนำข้อมูลนี้กลับไปให้เถ้าแก่เซี่ยดูก่อนก็ได้ ว่าเขาสามารถยอมรับได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ”
หลังจากที่หลินเซี่ยไปเจออู๋เซิ่งหงแล้ว เธอก็โทรหาเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอเล่าทางโทรศัพท์ว่าเย่ไป๋ได้รับบาดเจ็บจากพวกอันธพาลเพราะพยายามปกป้องเซี่ยอวี่ ตอนนี้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
“อาการเขาเป็นยังไงบ้างคะ? ร้ายแรงมากไหม?”
เฉินเจียเหอตอบว่า “ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส แค่เย็บไม่กี่เข็ม พวกเราจะนั่งรถประจำทางกลับบ้านเย็นนี้”
หลังจากวางสาย หลินเซี่ยก็เริ่มเก็บข้าวของ เฉียนต้าเฉิงมาถึงเชินเฉิงพอดี เซี่ยไห่จึงจัดการมอบหมายงานที่นี่ให้เขา โดยส่วนใหญ่คือกำชับให้เขาช่วยปรับแก้วินัย และฝึกอบรมพนักงานที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาใหม่
หลินเซี่ยกังวลแต่เรื่องจะกลับไปที่ไห่เฉิง เซี่ยไห่ท้วงว่า “ฉันยังไม่ได้พาเธอไปตระเวนชมเมืองเลย ทำไมถึงใจร้อนอยากกลับนักล่ะ?”
“ฉันยังต้องกลับไปทำหน้าที่สไตลิสต์ให้อาหญิงกับเจียงอวี่เฟยสำหรับถ่ายรายการน่ะค่ะ”
หลินเซี่ยบอกกับเขาว่า “ฉันเพิ่งโทรหาเฉินเจียเหอเมื่อกี้ เขาบอกว่าเย่ไป๋โดนแทงบาดเจ็บเพราะช่วยปกป้องคุณอาหญิจากพวกนักเลง เราควรกลับไปดูสักหน่อยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”
เซี่ยไห่ได้ยินว่าเย่ไป๋ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบโทรกลับไปหาเพื่อแสดงความเสียใจ
เวลานี้ เซี่ยอวี่เพิ่งมาส่งข้าวให้เย่ไป๋ เย่ไป๋บอกว่าเขายังจับช้อนตักข้าวด้วยมือซ้ายไม่ได้ เซี่ยอวี่จึงต้องป้อนอาหารเขาอีกครั้ง
โทรศัพท์ของเย่ไป๋ดังขึ้น เซี่ยอวี่กดปุ่มรับสายอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูเขา
“เย่ไป๋ ได้ยินมาว่านายโดนแทงขณะพยายามช่วยพี่สาวฉันเหรอ? นายมันสุดยอดพี่เขยของจริง! ขอบคุณมากนะพี่เขย พี่สาวฉันอยู่แถวนั้นไหม? หล่อนมาเยี่ยมนายบ้างหรือเปล่า?”
“หล่อนอยู่นี่พอดี”
“ส่งโทรศัพท์ให้หล่อนหน่อยสิ พี่สาว เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันปลอดภัยดี”
“งั้นก็ดีแล้ว” เซี่ยไห่พูด “เย่ไป๋ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอ นี่ถือเป็นความรักความเสียสละที่แท้จริง พี่สาว ฉันว่าพวกเธอสมควรเป็นคู่รักตัวจริงของกันและกัน เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีผู้ชายคอยอยู่ข้าง ๆ พูดถึงแล้วมันก็ไม่ปลอดภัยจริง ๆ นั่นแหละ พี่ใหญ่กับฉันก็ปกป้องเธอตลอดเวลาไม่ได้ เธอควรมีบอดี้การ์ดเป็นของตัวเองนะ แล้วก็…”
เซี่ยไห่พูดรัวอย่างมีความสุข แต่กลับถูกกดวางสายใส่
เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณทางโทรศัพท์ เซี่ยไห่ก็กลอกตาและบ่นว่า “ยัยพี่คนนี้นี่ดื้อจริง ๆ เย่ไป๋ถึงขั้นโดนแทงเพราะหล่อนเลยนะ เห็นได้ชัดว่าเขาทำลงไปด้วยความรักอย่างแท้จริง แล้วหล่อนยังมัวเล่นตัวต่อไปทำไมอีก? ไร้หัวใจจริง ๆ เลย”
หลินเซี่ยแย่งว่า “อย่าเอาแต่กังวลเรื่องอาหญิงไปเลยค่ะ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ป่านนี้ยังโสดอยู่เลย”
เซี่ยไห่ “…”
“ไปเถอะ ไปที่ร้านขายส่งในเมืองกันดีกว่า จะได้ซื้อของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปฝากทุกคนด้วย”
หลินเซี่ยเลือกของฝากน่ารัก ๆ ให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ในขณะที่เซี่ยไห่แวะร้านยาเพื่อหาซื้ออาหารเสริม
เย่ไป๋พยายามช่วยพี่สาวของเขาจนตัวเองบาดเจ็บ ดังนั้นเขาควรซื้ออาหารเสริมไปฝากเพื่อแสดงน้ำใจ
พร้อมกันนั้นยังซื้อของหลายอย่างที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและบำรุงเลือด
สินค้าทั้งหลายของหลินเซี่ยถูกบรรจุรวมเป็นสองแพ็คใหญ่ อัดแน่นอยู่ในพื้นที่จำกัด หลังจากจัดเก็บชุดแต่งงานทั้งหลายลงในถุงกันฝุ่นแล้ว เธอก็พับทบเข้าด้วยกันแล้วยัดลงในกระเป๋า ให้เฉียนต้าเฉิงช่วยขนของไปที่สถานีรถไฟ
…
รถไฟมาถึงสถานีรถไฟไห่เฉิงตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ภรรยาของเขากำลังจะกลับบ้านทั้งที เฉินเจียเหอจึงใช้สิทธิ์ลาหยุดครึ่งวัน และไปที่สถานีรถไฟพร้อมกับหลินจินซานเพื่อรอรับเธอ
เมื่อเร็ว ๆ นี้หลินจินซานได้เรียนรู้วิธีขับรถบรรทุกขนาดเล็กสำหรับขนส่งสินค้าให้กับห้องเต้นรำ รอบนี้น้องสาวของเขากลับมาพร้อมกับสินค้าจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงขับรถบรรทุกคันเล็กมาเพื่อขนของโดยเฉพาะ
เซี่ยไห่ถือกระเป๋าใบใหญ่ ส่วนหลินเซี่ยถือกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กในมือคนละข้าง เฉินเจียเหอและหลินจินซานกำลังรออยู่ตรงทางออก เมื่อเห็นพวกเขาเดินออกมา ทั้งสองก็รีบก้าวไปข้างหน้าและรับของมาจากมือของหลินเซี่ย
เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของหญิงสาว เขาก็แตะศีรษะของเธอด้วยความห่วงใย
“เฉินเจียเหอ ฉันคิดถึงคุณมากเลย” หลินเซี่ยโผเข้ากอดเอวสอบของเขา ทำท่าทางออดอ้อน
“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา แต่แล้วก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ทำไมถึงปล่อยให้หนวดเคราขึ้นครึ้มแบบนี้ล่ะ? ตอนฉันไม่อยู่คุณไม่ได้โกนเลยเหรอ?”
ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมชายคนนี้ถึงกลายเป็นตาลุงหนวดเคราเฟิ้มไปได้?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โครงการลงทุนที่ดินเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเสียแล้วสิ
พี่เหองานหนักจริงแหละ หนวดเคราไม่ได้โกนขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)