ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 446 ผู้ชายเจ้าเล่ห์

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 446 ผู้ชายเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 446 ผู้ชายเจ้าเล่ห์

หลังจากที่ลินดาจากไป หลินเซี่ยก็ขอให้เซี่ยอวี่โทรหาเย่ไป๋ เพราะเธอต้องการให้เย่ไป๋ช่วยติดต่อกลับไปหาครอบครัว และขอให้เจียงอวี่เฟยออกมาหา

เซี่ยอวี่กดโทรศัพท์ แต่แล้วกลับยัดมันไว้ในมือของหลินเซี่ย “เธอคุยเองเถอะ”

หลินเซี่ยยิ้มและล้อเลียน “อาหญิงคะ ทำไมอิดออดจังเลย? ตั้งใจจะหลบเลี่ยงเขาหรือเปล่า?”

“สวัสดี”

เสียงอ่อนโยนของเย่ไป๋ดังมาจากโทรศัพท์

เซี่ยอวี่หันกลับมาอย่างเชื่องช้า

หลินเซี่ยพูดกับปลายสายอีกด้าน “สวัสดีค่ะหมอเย่ หลินเซี่ยเองค่ะ ช่วยโทรถามให้ทีว่าตอนนี้อวี่เฟยอยู่ที่บ้านของคุณหรือเปล่า แล้วขอให้หล่อนแวะมาหาฉันที่ร้านใหม่หน่อยนะคะ”

“ได้”

หลังจากที่เย่ไป๋ตอบกลับ เขาก็ถามหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย อาหญิงเธออยู่ตรงนั้นหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยได้ยินเย่ไป๋เรียกตัวเองว่าเซี่ยเซี่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือกำลังเขารับบทบาทเป็นผู้อาวุโสโดยชอบธรรม

ตอนที่เขาเจอเธอครั้งแรก เขายังเรียกเธอว่าพี่สะใภ้อยู่เลย ต่อมาถึงเปลี่ยนมาเรียกเสี่ยวหลิน

ล่าสุดเขาเรียกเธอว่าเซี่ยเซี่ยแล้ว!

หลินเซี่ยเหลือบมองแผ่นหลังที่ออกอาการกระสับกระส่ายของผู้หญิงคนนั้น ตอบกลับว่า “อยู่ค่ะ”

เย่ไป๋ “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย”

หลินเซี่ยเม้มริมฝีปากและยิ้ม ตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “เข้าใจแล้วค่ะ”

หลินเซี่ยวางสาย แล้วหันมาพูดกับเซี่ยอวี่ว่า “อาหญิงคะ คุณหมอเย่บอกว่าเขายังไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ”

เซี่ยอวี่กลอกตาอย่างไร้คำพูด “แล้วไง?”

“เขาหวังว่าคุณจะไปส่งข้าวส่งน้ำให้น่ะสิคะ คุณคงไม่ปล่อยให้คนเจ็บต้องทนหิวหรอกใช่ไหม?”

เซี่ยอวี่หยิบยาทาเล็บที่หลินเซี่ยซื้อมาฝากจากเชินเฉิง เปิดฝาทาสีเล็บตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ “ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าถ้าเขาขยับมือไม่ได้จริง ๆ เขาอาจจะขอให้พยาบาลมาช่วยได้?”

“คุณอาหญิงคะ หมอและพยาบาลในโรงพยาบาลต่างก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ในขณะที่ทุกคนงานยุ่งมาก จะมีเวลาไปส่งอาหารให้หมอเย่ได้ยังไง? หมอเย่ก็เป็นคนมีความเกรงใจสูง เขาคงเคอะเขินเกินกว่าจะไปรบกวนคนอื่น”

เซี่ยอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ ใบหน้าบอบบางดูค่อนข้างเฉยเมย “ฉันเป็นบุคคลสาธารณะ พยาบาลในโรงพยาบาลทุกคนต่างก็จำฉันได้ ให้ฉันไปที่นั่นบ่อย ๆ คงไม่เหมาะสมหรอกมั้ง”

หลินเซี่ยวางโทรศัพท์ของหล่อนลงบนโต๊ะ แล้วผายมือออก “ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาอดอาหารต่อไปแล้วกัน ยังไงซะเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บเพราะช่วยเหลือฉันซะหน่อย”

ตอนแรกเซี่ยอวี่ทำตัวเฉยเมยมาก แสดงสีหน้าไม่แยแสว่าเย่ไป๋จะอยู่หรือตาย แต่หลังจากนั้นไม่ถึงนาที สายตาของหล่อนก็แปรปรวนเล็กน้อย อีกทั้งสีหน้ายังอ่อนลง

หล่อนมองหลินเซี่ย และพูดอย่างไม่สบายใจ

“เซี่ยเซี่ย เธอว่างหรือเปล่า? ไปด้วยกันหน่อยสิ”

“ฉันต้องอยู่รออวี่เฟยค่ะอาหญิง”

หลินเซี่ยหันไปพูดกับหลินเยี่ยนที่กำลังจัดแต่งทรงผมให้หัวหุ่นอยู่ด้านข้าง “เสี่ยวเยี่ยน ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนคุณอาแทนพี่หน่อยสิ”

“โอ้ ได้ค่ะ” หลินเยี่ยนเก็บอุปกรณ์ในมือแล้วยืนขึ้น

เซี่ยอวี่เดินออกจากร้านไปก่อน แต่หลินเซี่ยรีบเรียกหลินเยี่ยนให้หยุด และเตือนหล่อนเสียงเบา “เสี่ยวเยี่ยน ทำตัวมีไหวพริบหน่อยนะ อย่าทำตัวเป็นก้างขวางคอ”

“ก้างขวางคอคืออะไรเหรอคะ?” หลินเยี่ยนถามอย่างไร้เดียงสา

หลินเซี่ยอธิบายว่า “พอเธอไปถึงโรงพยาบาล พยายามหาข้ออ้างรออยู่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วย ไม่ต้องเข้าไป เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

เซี่ยอวี่เลือกซื้ออาหารเบา ๆ สองอย่างที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยซึ่งได้รับบาดเจ็บจากร้านอาหาร จากนั้นก็ตรงไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับหลินเยี่ยน

หล่อนและหลินเยี่ยนยังไม่หิว จึงตั้งใจว่าจะกลับไปกินข้าวที่ร้านของตัวเองหลังกลับจากโรงพยาบาล

เซี่ยอวี่สวมแว่นกันแดด เดินเชิดหน้าขึ้นอย่างเย็นชา ทำให้หลินเยี่ยนรู้สึกว่าด้วยสถานะและนิสัยของอาหญิงแล้วไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะถือกล่องอาหารด้วยตัวเอง ดังนั้นหล่อนจึงรับหน้าที่ถือกล่องอาหารแล้วเดินตาม

พอเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว ทันทีที่ไปถึงชั้นล่างโซนแผนกผู้ป่วยนอก ก็ได้เจอกับเซี่ยหลานซึ่งสวมเสื้อกาวน์สีขาวถือแฟ้มเวชระเบียนอยู่ในมือ

เซี่ยอวี่โดดเด่นมาก เซี่ยหลานจึงมองเห็นหล่อนจากระยะไกล

หล่อนหยุดเดิน รอให้เซี่ยอวี่เข้ามาใกล้ จากนั้นก็ทักทายว่า “เสี่ยวอวี่ มาโรงพยาบาลทำไมเหรอ?”

เซี่ยอวี่ถอดแว่นกันแดดออก ตอบกลับว่า “ฉันแค่แวะมาเยี่ยมคนไข้น่ะ”

“หมอเย่สินะ?” เซี่ยหลานถาม

ดวงตาของเซี่ยอวี่กะพริบเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “อืม”

เซี่ยหลานถามอย่างสงสัย “ฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลคุยว่าเธอกับหมอเย่คบกัน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

“ไม่หรอก ก็แค่เพื่อนธรรมดา”

เซี่ยอวี่ไม่คาดคิดว่าแม้แต่เซี่ยหลานก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง

เซี่ยหลานยิ้มและพูดว่า “หมอเย่เป็นคนดีมาก คงจะดีมากถ้าพวกเธอทั้งสองถูกกำหนดให้เป็นคู่กัน”

เซี่ยอวี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า แทนที่จะตอบกลับ หล่อนถามเซี่ยหลานด้วยความห่วงใยว่า “ตอนนี้อวี้หลงเป็นยังไงบ้าง? ตั้งแต่ฉันกลับมาก็มัวยุ่งอยู่กับงาน ไม่มีเวลาไปเยี่ยมเด็กคนนั้นเลย”

“อาการยังทรงตัวเหมือนเดิม หมอแผนจีนเย่กำลังรักษาเขาอยู่ อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย”

การแสดงออกของเซี่ยหลานดูสงบไร้อารมณ์สะเทือนใจ เมื่อเห็นว่าเซี่ยหลานเป็นแบบนี้ หัวใจของเซี่ยอวี่ก็ปวดร้าวแทนเพื่อน พูดอย่างจริงใจ

“หลานหลาน ถ้าเธอเจอความยากลำบากอะไรก็ตามในชีวิต เธอต้องเล่าให้ฉันฟังนะ เราสองคนจะเผชิญหน้ากับมันด้วยกัน”

“ได้” เซี่ยหลานขอตัว “ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ฉันขอตัวไปส่งเอกสารก่อนนะ”

“อืม ไว้ค่อยคุยกันเมื่อมีเวลานะ”

เซี่ยอวี่รู้สึกอึดอัดเป็นพิเศษเมื่อมองดูใบหน้าซีดเซียว และรูปร่างซูบผอมของเซี่ยหลาน

เสิ่นเถี่ยจวินถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกสาแก่ใจมาก

พร้อมกันนั้นก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เซี่ยหลานต้องพบเจอ

หล่อนแต่งงงานกับผู้ชายเลวทราม ลูกชายนอนติดเตียงไม่ได้สติ หล่อนที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวรับมือกับเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกันนะ?

เซี่ยอวี่สวมแว่นกันแดดอีกครั้ง สูดลมหายใจลึก แล้วมุ่งหน้าไปที่แผนกผู้ป่วยใน

ทันทีที่มาถึงโถงทางเดินของแผนกผู้ป่วยใน หลินเยี่ยนก็บอกว่าหล่อนอยากไปเข้าห้องน้ำ จึงส่งกล่องอาหารให้กับเซี่ยอวี่

เซี่ยอวี่เข้าไปในห้องพักผู้ป่วย เย่ไป๋สวมเสื้อผู้ป่วยสีขาว เข็มยายังคงปักอยู่ที่หลังมือขวาตามเคย เอนตัวนอนพิงหัวเตียงด้วยอาการซึมกะทือ

เมื่อเห็นเซี่ยอวี่ แววตาของเขาก็สุกสว่างด้วยความยินดี ถามหล่อนอย่างประหลาดใจ “คุณมาที่นี่ทำไม?”

“คุณบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยอวี่วางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะข้างเตียง

เย่ไป๋ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “คุณก็เลยซื้อข้าวมาให้ผม?”

“ขอบคุณนะ”

เซี่ยอวี่มองหน้าเขาแล้วถามว่า “คุณเป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ? เมื่อไหร่จะถอดเข็มออกได้?”

“ประมาณสองสัปดาห์”

“หมายความว่าคุณต้องหยุดงานสองสัปดาห์เลยเหรอกว่าจะกลับมาทำงานตามปกติ?”

หล่อนยกนิ้วนับเลขในใจ คำนวณว่าตัวเองยังต้องแวะมาส่งข้าวส่งน้ำให้ชายคนนี้อีกกี่วัน

เย่ไป๋อธิบาย “ผมหอบงานบางส่วนมาทำในห้องพักผู้ป่วยได้ ถ้าเพื่อนร่วมงานผมมีเรื่องเร่งด่วนก็ขึ้นมาถามผมได้ทุกเมื่อ”

“โอ้”

เซี่ยอวี่มองที่หลังมือของเขา แล้วถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ยังต้องให้ยาผ่านเส้นเลือดอยู่เหรอ? แผลคุณยังไม่หายอักเสบอีกหรือไง?”

ถึงแม้หล่อนจะไม่ใช่หมอ ไม่ค่อยรู้เรื่องพื้นฐานเหล่านี้มากนัก แต่… โดยหลักแล้วคนทั่วไปก็ไม่ควรได้รับยาแก้อักเสบเกินขนาดไม่ใช่เหรอ?

เย่ไป๋ “ผมเสียเลือดมากเกินไป มีอาการเวียนหัวร่วมด้วย เลยยังจำเป็นต้องให้ยา”

เย่ไป๋ทำหน้าตาน่าสงสารเหมือนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองด้วยมือซ้ายได้ เซี่ยอวี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงและป้อนข้าวให้เขา

หลินเยี่ยนทำตามคำแนะนำของหลินเซี่ย ไม่ได้ตามเข้าไปในห้อง แต่เลือกที่จะเดินเล่นไปมาอยู่ที่โถงทางเดินของแผนกผู้ป่วยใน รออยู่ด้านนอกอย่างรู้กาลเทศะ

นางพยาบาลสองคนเดินผ่านจนได้ยินการสนทนาของพวกหล่อน

“เธอว่าหมอเย่เป็นอะไรของเขา? เมื่อเช้าเขากลับไปทำงานตามปกติแล้วแท้ ๆ ตอนนี้กลับขึ้นไปนอนบนเตียงเดิมและฝังเข็มยาเข้าเส้นเลือดตัวเองอีกแล้ว”

พี่สาวพยาบาลอีกคนบอกว่า “เขาฉีดกลูโคสเข้าเส้นต่างหากล่ะ ไม่เชื่อรอดูจนกว่าแฟนเขาจะออกไปสิ เดี๋ยวเขาถอดเข็มแล้วลงจากเตียงมาทำงานตามปกติเองนั่นแหละ”

“ทำไปเพื่ออะไรกัน?”

“ฉันเดาว่าเขาอาจจะแกล้งป่วยเพื่อให้ดูน่าสงสารต่อหน้าแฟน เพื่ออ้อนให้หล่อนเอาอาหารมาส่งยังไงล่ะ”

“พระเจ้าช่วย ทำไมหมอเย่ถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้นะ? ปกติเขาดูจริงจังและภูมิฐานมาก ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์เมื่ออยู่ต่อหน้าแฟน”

“ฮ่าๆ เหยียบให้มิดเชียวนะ อย่าให้แฟนเขาได้ยินจนแผนการเขาแตกหมดเป็นพอ”

นางพยาบาลสองคนเดินผ่านลงไปชั้นล่างโดยที่ยังพูดคุยและนินทาไม่หยุด ปล่อยให้หลินเยี่ยนซึ่งยืนอยู่ชิดผนังทางเดินคิดตามด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง…

หล่อนมองไปทางห้องพักผู้ป่วยของเย่ไป๋ด้วยสายตาว่างเปล่า

หมอเย่แทงเข็มและถอดเข็มเองงั้นเหรอ?

จัดฉากให้ตัวเองดูน่าสงสารเพื่อให้คุณอาเอาข้าวมาส่งเนี่ยนะ?

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ร้ายกาจมากหมอเย่ เห็นหน้าหล่อๆ ไม่คิดเลยว่าจะเจ้าแผนการขนาดนี้ แต่ชอบค่ะ ๕๕๕

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท